หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 22 จับได้คาหนังคาเขา
ตอนที่ 22 จับได้คาหนังคาเขา
คนผู้นี้จะใช่คุณหนูใหญ่หรือ เหตุใดนางจึงกลายมาเป็นหญิงชาวบ้านคนหนึ่งได้ แล้วยังมีลูกสองคนอีก
ระหว่างหลายปีนี้ที่เขาออกมาจากจวนเอินปั๋วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ท่านบัณฑิต ท่านบัณฑิต” เฉียวเวยเอ่ยเรียกเขาเบาๆ
ซิ่วไฉเฒ่าเพิ่งได้สติกลับมา รอบตัวมีคนมากเกินไป เขาจึงระงับความอยากพิสูจน์ตัวตนของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วเขียนชื่อนางลงไป “เสร็จแล้ว”
รู้สึกว่าท่านบัณฑิตแปลกพิกล
เฉียวเวยวางเงินส่วนของตนเรียบร้อยก็ยืนเป็นลูกมือข้างตัวซิ่วไฉเฒ่าต่อ
ไม่รู้ว่าตนรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าท่าทีของบัณฑิตเฒ่าที่ปฏิบัติต่อนางดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย แล้วยังเชิญให้นางนั่งอีกด้วย
เฉียวเวยคิดกับตนเองเงียบๆ หรือว่าตอนแรกท่านบัณฑิตไม่สนใจไยดีข้าเพราะข้าไม่ได้ช่วยออกเงิน
ในลานด้านหลังเด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน พี่น้องตระกูลเฉียวมีสัตว์เลี้ยงตัวจ้อยแสนน่ารักอยู่ตัวหนึ่ง ไม่ทันไรจึงกลายเป็นจุดสนใจของเด็กทั้งหลาย ในหมู่บ้านมีสุนัขอยู่ไม่น้อย แต่ไม่มีตัวไหนสวยเหมือนเสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋สวมเสื้อสีชมพูอ่อน ดูน่ารักเหลือเกิน!
เด็กๆ แย่งกันจะเป็นเพื่อนของสองพี่น้อง เพื่อจะได้ลูบตัวเสี่ยวไป๋สักครั้ง
ในฐานะพี่ชายที่สนิทกับจิ่งอวิ๋นที่สุด เอ้อร์โก่วจื่อจึงมีโอกาสอุ้มเสี่ยวไป๋ด้วย
เถี่ยหนิวก็อยากอุ้มบ้าง แต่จิ่งอวิ๋นไม่ชอบเขาจึงไม่ให้อุ้ม
เถี่ยหนิวโมโหเดินจากไป
น้าหลิวกำลังคุยจ้ออยู่กับสตรีนางอื่นอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นบุตรชายร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจากลานด้านหลังจึงรีบวางเมล็ดแตงในมือแล้วเดินเข้าไปถาม “เป็นอะไรไป ทำไมร้องไห้เล่า”
เถี่ยหนิวฟ้องเรื่องที่เฉียวจิ่งอวิ๋นไม่ยอมให้ตนอุ้มเจ้าตัวจ้อย
น้าหลิวตบกะโหลกเขาทันทีหนึ่งฝ่ามือ “เจ้างามหน้านักนะ! เจ้าเดรัจฉานนั่นเคยข่วนเจ้าลืมแล้วหรือ ยังจะไปอุ้มมันอีก ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าฆ่ามันไปแล้ว!”
เถี่ยหนิวกระทืบเท้าร้องไห้โฮ “ข้าไม่สนๆ! ข้าจะเอาสุนัขด้วย! เอาแบบเสี่ยวไป๋! จะเอาเหมือนกัน! ข้าไม่สน! ข้าจะเอา! ท่านหามาให้ข้า!”
น้าหลิวหยิกเขาเสียหนึ่งที “ร้องๆๆ ทำเป็นแต่ร้องไห้หรือ ร้องไห้หน้างานศพอยู่หรือไร ไม่ต้องร้องแล้ว! ไม่ใช่แค่สุนัขตัวเดียวหรือ เดี๋ยวข้าหาให้เจ้า”
ไม่นานด้านนอกก็เริ่มงานเลี้ยงรอบแรก เด็กๆ ไม่ไปร่วมงานเลี้ยง แต่จัดโต๊ะเตี้ยหลายตัวไว้ที่ลานด้านหลัง เด็กนั่งยองๆ กิน
ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งหลายสุมหัวกันกินอย่างเอร็ดอร่อย น้าหลิวก็ถือกระสอบใบหนึ่งเดินไปหาเสี่ยวไป๋ที่กำลังแทะตีนไก่อยู่บนพื้นอย่างเงียบเชียบ…
ฝั่งเฉียวเวยทำงานได้พอประมาณแล้วจึงตัดสินใจจะไปดูในครัวสักหน่อยว่ามีงานอะไรให้ช่วยหรือไม่ เพิ่งเดินไปได้สองก้าว เจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสองก็วิ่งรี่มาหา “ท่านแม่! เสี่ยวไป๋หายไปแล้ว!”
เฉียวเวยปลอบ “อย่ารีบร้อน เล่าให้แม่ฟังดีๆ ซิ”
“ข้า…ข้ากับท่านพี่กินอาหารอยู่ ข้าให้ตีนไก่กับเสี่ยวไป๋ข้างหนึ่ง ให้มันแทะอยู่ด้านโน้น หลังจากนั้นพอข้ากินเสร็จ…ก็พบว่ามันหายไปแล้ว! ข้าเรียกมัน มันก็ไม่ออกมา!”
เล่าจนจบ เฉียววั่งซูก็ใกล้จะร้องไห้
“เจ้าอย่าเพิ่งร้องไห้ แม่จะช่วยเจ้าหา” เฉียวเวยปลอบบุตรสาวแล้วถามบุตรชายว่าเห็นสิ่งใดหรือไม่ เด็กชายส่ายศีรษะ
ฝั่งป้าหลัวได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอได้รู้ว่าเสี่ยวไป๋หายก็รีบไปตามหาเป็นเพื่อนเด็กๆ
ผู้อื่นไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงพอน แต่นางรู้ ครั้งก่อนที่เข้าเมือง เกือบจะถูกมามาของจวนเอินปั๋วแย่งไปแล้ว ของล้ำค่าเช่นนี้จะหลุดมือไปไม่ได้
พวกเขาหาตามจุดที่หาได้จนรอบแล้วแต่กลับหาไม่พบเลย เมื่อหมดหนทาง จึงได้แต่ไล่ถามทีละคนว่าพวกเขาเห็น ‘สุนัขน้อย’ ของบ้านเฉียวหรือไม่
“ตัวที่สวมเสื้อสีชมพู สีเดียวกับตัวนี้!” ป้าหลัวชี้เสื้อนวมของวั่งซู
เฉียวเวยก็ถามด้วย เมื่อถามมาถึงน้าหลิวก็พบว่าดวงตาของน้าหลิวหลุกหลิก เฉียวเวยกลอกลูกตามองน้าหลิว “ท่านน้าไม่เห็นเสี่ยวไป๋ของบ้านข้าจริงหรือ”
น้าหลิวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “แน่นอนว่าไม่เห็น! เจ้าถามคนอื่นรอบเดียวหมด แต่กลับถามข้าสองรอบ หมายความว่าอย่างไร สงสัยว่าข้าขโมยหรือ ข้าหลิวชุ่ยฮวามิขาดแคลนเงินทอง ต้องขโมยสุนัขตัวหนึ่งของเจ้าหรือ หากข้าต้องการข้าซื้อหาเองไม่ได้หรือไร”
“น้าหลิวพูดถูกต้องที่สุด ข้าไม่ได้สงสัยท่านน้า แต่สุนัขตัวนั้นของข้าซุกซน ชอบมุดไปเรื่อย” เฉียวเวยว่าพลางก็เบี่ยงตัวเล็กน้อย ระหว่างที่อมยิ้มสายตาก็จับจ้องถุงกระสอบที่น้าหลิวใช้สองขาหนีบไว้แน่นซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ “น้าหลิวกระสอบใบนี้ใหญ่ทีเดียว เสี่ยวไป๋บ้านข้าชอบมุดถุงกระสอบเช่นนี้นัก”
ดวงตาของน้าหลิวฉายแววลนลาน “ถุงกระสอบของข้ามัดอยู่ตลอด สุนัขของเจ้ามุดเข้าไปไม่ได้!”
เฉียวเวยยิ้มละไม “ท่านน้าไม่รู้จักมันดี มันคลายเชือกได้”
หากน้าหลิวฉลาดสักหน่อยก็สมควรรู้ว่าเฉียวเวยมอบทางลงให้นางแล้ว แต่นางดันไม่เข้าใจความหวังดีของเฉียวเวยแม้แต่น้อย แล้วยังเอ่ยเสียดสีว่า “สุนัขบ้านผู้ใดคลายเชือกได้ เจ้าบอกว่าข้าขโมยเลยดีกว่า! อยากดูก็เอาไปดู! แต่ข้าขอเตือนเจ้า สัตว์เลี้ยงตัวนั้นของเจ้าครั้งก่อนข่วนลูกข้าเจ็บตัว ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า! หากครั้งนี้เจ้าใส่ร้ายข้าอีก…ก็เก็บข้าวของไสหัวออกไปจากหมู่บ้านซีหนิว! เจ้าคิดให้ดี จะค้นแน่หรือไม่”
ครั้งนี้แตกต่างจากบุญคุณความแค้นส่วนตัว เพราะเป็นการสงสัยหลิวชุ่ยฮวาอย่างเปิดเผยต่อหน้าชาวหมู่บ้านทุกคนรวมไปถึงคนต่างหมู่บ้าน ถึงอย่างไรหลิวชุ่ยฮวาก็เป็นญาติของหัวหน้าหมู่บ้าน ครั้งนี้หากค้นเจอเสี่ยวไป๋ก็ดีไป แต่หากค้นไม่เจอ น่ากลัวว่าเฉียวเวยคงใช้ชีวิตในหมู่บ้านไม่ง่ายนักแล้ว
ตอนนี้แม้แต่ป้าหลัวกับซิ่วไฉเฒ่าต่างก็รู้สึกว่าเสี่ยวเฉียวไม่สมควรเสี่ยงต่อ
“แล้วถ้าข้าหาเจอเล่าจะทำเช่นไร” ปฏิกิริยาของเฉียวเวยกลับผิดจากที่คนทั้งหลายคาด
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” น้าหลิวพองขน
เฉียวเวยเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “ตามที่พูด กล้าให้ข้าค้นหรือไม่”
น้าหลิวเอ่ยอย่างอันธพาล “หากเจ้าค้นไม่พบเล่า”
เฉียวเวยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าค้นไม่พบ ข้าจะเก็บของไปตอนนี้เลย”
ป้าหลัวเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “เสี่ยวเฉียว!”
เฉียวเวยจ้องน้าหลิวเขม็ง “ถึงอย่างไรท่านก็เห็นข้าขัดตาอยู่แล้ว ไม่สู้อาศัยโอกาสนี้ไล่ข้าออกจากหมู่บ้านซีหนิวเลยสิ เป็นอะไร ไม่กล้าหรือ หรือว่าเสี่ยวไป๋อยู่ในถุงกระสอบของท่านจริงๆ ดังนั้นท่านจึงกลัว”
ทุกคนหันขวับไปมองน้าหลิว!
น้าหลิวในใจสับสนวุ่นวายแต่ฝืนทำเป็นนิ่งสงบ “ใครกลัว ข้าก็แค่ทนไม่ได้ที่เห็นคนต่างถิ่นอย่างเจ้าใส่ร้ายข้าก็เท่านั้น!”
เฉียวเวยเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ถ้าข้าค้นไม่พบสิ่งใดจึงจะเรียกว่าใส่ร้ายท่าน”
น้าหลิวสะอึก “เจ้า…”
ซิ่วไฉเฒ่าจึงเอ่ยปากว่า “เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว เรื่องนี้ผู้เฒ่าอย่างข้าเป็นคนตัดสินเอง เปิดกระสอบ!”
น้าหลิวหัวใจกระตุก “ซิ่วไฉ! เจ้าก็สงสัยข้าหรือ”
ซิ่วไฉเฒ่าเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “พูดเหลวไหล ข้าเชื่อเจ้าถึงเรียกให้เจ้าเปิดกระสอบ! ข้าเห็นแม่หนูคนนี้ขัดหูขัดตามานานแล้ว ในสายตาไม่เห็นหัวใคร หยิ่งยโสยิ่งนัก รีบเปิดกระสอบให้นางดูแล้วก็ไล่นางไปเสีย!”
ทุกคนรู้สึกว่าซิ่วไฉเฒ่าพูดมีเหตุผลยิ่งนักจึงพากันกล่อมให้น้าหลิวเปิดกระสอบ สั่งสอนบทเรียนให้คนนอกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้เสียบ้าง
น้าหลิวลอบโอดครวญในใจ อยากจะตบซิ่วไฉที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องให้ตายยิ่งนัก…
ในเมื่อซิ่วไฉเฒ่าออกปากแล้ว เฉียวเวยจึงไม่มีสิ่งใดให้พะวงอีกต่อไป นางกระชากกระสอบออกมาจากใต้โต๊ะแล้วคลายเชือกออก เทเพียงพอนหิมะตัวน้อยที่ถูกมัดทั้งตัวออกมา