หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 253-2 แม่ลูกอยู่พร้อมหน้า สามีภรรยาหวนพบพาน
ตอนที่ 253-2 แม่ลูกอยู่พร้อมหน้า สามีภรรยาหวนพบพาน
“ท่านแม่ เรื่องของข้าเล่าสั้นๆ คงเล่าไม่จบ กลับไปค่อยเล่าให้ท่านฟังช้าๆ ดีกว่า ท่านไม่ได้เก็บตัวฝึกวิชาอยู่หรือ เหตุใดจึงออกมาก่อนกำหนดได้เล่า”
“หากข้าไม่ออกมา เจ้าก็ถูกนางเด็กต่ำช้ารังแกแล้วไม่ใช่หรือ”
ความรู้สึกยามมีมารดารักใคร่ช่างแตกต่างจริงๆ หัวใจของเฉียวเวยอบอุ่น “ท่านทราบได้อย่างไร”
“ข้าให้ชิงอวิ๋นออกมาสืบข่าวอยู่หลายครั้ง พอรู้ว่าพวกเจ้ามาที่นี่ ก็รู้ว่าท่านตาของเจ้าจะต้องแต่งตั้งยศให้เจ้าในพิธีบวงสรวงวันขึ้นปีใหม่อย่างแน่นอน ข้ากลัวว่านางเด็กต่ำช้าคนนั้นจะใช้เล่ห์เหลี่ยม ข้าจึงออกมาก่อนกำหนด”
“ไม่มีผลกระทบกับท่านหรือ”
“ไม่มี แม่ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์เสียหน่ยอ ฝึกฝนองครักษ์เกราะทมิฬอยู่ต่างหาก”
องครักษ์ที่มีไอสังหารท่วมท้นคล้ายอสูรกลุ่มนั้น ที่แท้ก็มีนามว่าองครักษ์เกราะทมิฬนี่เอง ตั้งชื่อได้เยี่ยม แน่นอนว่าความสามารถยอดเยี่ยมยิ่งกว่า
เฉียวเวยชงชาหนึ่งกา “ท่านแม่ ในใจข้ามีคำถามมากมายเก็บไว้มาตลอด ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า ปีนั้นตอนเขาพบท่าน บนตัวท่านมีแผลถูกฟันสาหัสยิ่งนัก ข้าอยากรู้ว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดท่านต้องออกไปจากเผ่า เหตุใดถูกลอบสังหาร แล้วเหตุใดผ่านมานานหลายปีเช่นนั้นกลับไม่กลับมาหาข้ากับท่านพ่อ”
“ตอนนั้นแม่ออกจากเผ่า เหตุผลประการหนึ่งเพราะรำคาญท่านตาของเจ้า อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะตัวแม่เองว่างมากจึงอยากจะออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อย ยามนั้นอายุน้อยไม่รู้จักระวังคนนัก ไม่ทันระวังเพียงนิดเดียวก็หลงกลนางปีศาจน้อยกลุ่มนั้น เพราะได้พบพ่อของเจ้าถึงเก็บชีวิตกลับมาได้ ส่วนที่เจ้าบอกว่าแม่จากไปนานหลายปีแล้วเงียบหายไร้ข่าวคราว แม่ก็ไม่อยากทำเช่นนั้น แต่แม่กลัวว่าหากติดต่อพวกเจ้า จะเปิดเผยเรื่องของเจ้าออกมา ทำให้คนต่ำช้าพวกนั้นจับเจ้ากลับมาที่เผ่า”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดูท่าตอนแรกที่จับมารดาของนางกลับมา คนกลุ่มนั้นจะไม่ได้สืบเรื่องราวของมารดาให้ละเอียด หากสืบก็คงทราบไม่ยากว่ามารดาของนางมีบุตรสาวหนึ่งคน
“เหตุใดให้ข้ากลับมาที่เผ่าไม่ได้เล่า” เฉียวเวยถามอย่างฉงน จากที่นางเห็นตอนนี้ นอกจากตำหนักธิดาเทพที่น่าชัง อย่างอื่นก็ไม่มีสิ่งใดแย่
เฮ่อหลันชิงตอบว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าชาวเผ่าถ่าน่าชั่วชีวิตมิอาจออกจากเกาะนิรนาม”
เฉียวเวยพยักหน้า “ข้าได้ยินไซน่าฮูหยินพูดให้ฟังแล้ว ชาวเผ่าถ่าน่าไม่อาจออกจากเผ่า เผ่าคือดินแดนแห่งชีวิตของชาวเผ่าถ่าน่า หากไปจากเผ่าถ่าน่า ชาวเผ่าถ่าน่าก็เสมือนต้นไม้ขาดแสงตะวัน ย่อมเหี่ยวเฉาลงทุกวันๆ หากจะออกจากเกาะต้องกินยาชนิดหนึ่ง แต่ยาชนิดนี้มีเวลาออกฤทธิ์จำกัด พอถึงเวลาก็ต้องกลับมา เรื่องนี้จริงหรือไม่”
เฮ่อหลันชิงดวงตาทอประกายเย็นยะเยือกวูบหนึ่ง “ไม่ผิด ตอนนั้นข้าพกยาไปด้วยจำนวนมากถึงทนอยู่ข้างนอกได้ห้าปี หลังจากให้กำเนิดเจ้าแล้ว ข้าเป็นห่วงยิ่งนักว่าเจ้าจะเป็นเหมือนกับข้า แต่ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วกลับพบว่าเจ้าไม่มีความผิดปกติที่ตรงไหนเลย เจ้าเป็นชาวเผ่าถ่าน่าเพียงคนเดียวที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกได้ตามใจ แม้แม่จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีแต่เจ้าที่เป็นข้อยกแว้น แต่แม่ก็ไม่กล้าพาเจ้ากลับมาในเผ่า แม่กลัวว่าหากเจ้ากลับมาแล้วจะกลายเป็นเหมือนพวกเรา”
ที่แท้มารดาของนางก็ทุ่มเทใส่ใจนางถึงเพียงนี้
นางไม่เชื่อเรื่องงมงาย เรื่องนี้จะต้องมีสาเหตุที่ผู้คนไม่ล่วงรู้บางอย่างแน่
นางยังคิดไม่ออก แต่ช่างเถิด กลับไปจะให้หมิงซิวช่วยคิดหาทาง!
ตอนนี้วางความคิดนี้ลงก่อน เฉียวเวยถามเรื่องเกี่ยวกับมารดาต่อ “ท่านแม่ ตอนนั้นคนที่ไล่ล่าสังหารท่านเป็นคนของตำหนักธิดาเทพหรือ”
“ก็นางปีศาจน้อยพวกนั้นน่ะสิ!” เฮ่อหลันชิงหรี่ตาลงท่าทางอันตราย
ตำหนักธิดาเทพมีปัญหาจริงๆ ดูท่าเรื่องที่ไซน่าอิงสลบอยู่ที่ภูเขาด้านหลังของตำหนักธิดาเทพจะไม่ใช่อุบัติเหตุจริงๆ เสียแล้ว ไซน่าอิงปิดบังตระกูลไปพบกับคนของตำหนักธิดาเทพก็ไม่แปลก อย่างไรเสียตำหนักธิดาเทพก็มีตำแหน่งสูงส่งในเผ่าถ่าน่า ผู้คนเชื่อถือพวกนางเสมือนเป็นองค์เทพ ไซน่าอิงย่อมไม่มีทางระแวงพวกนางแม้แต่น้อย
เฉียวเวยถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านแม่ เหตุใดพวกนางต้องสังหารท่านเล่า”
เฮ่อหลันชิงตอบอย่างเฉยชา “ตั้งแต่เล็กข้าก็เห็นพวกนางขัดตา ตอนยังเด็กข้าเผาท้ายตำหนักของพวกนางจนวอดวาย พอโตขึ้นมาก็เป็นอริกับพวกนางเสียทุกเรื่อง พวกนางย่อมต้องการหาโอกาสกำจัดข้าอยู่แล้ว”
เฉียวเวยเอ่ยขึ้นว่า “คนพวกนั้นยังปล่อยข่าวลืออีกว่าตอนยังเล็กท่านจุดไฟเผาตำหนักธิดาเทพ แต่ธิดาเทพรุ่นก่อนช่วยชีวิตท่านไว้”
เฮ่อหลันชิงตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ “ผายลมอะไรกัน! ข้าเป็นฝ่ายกัดเนื้อนางไม่ปล่อย บอกว่าหากไม่พาข้าออกไป นางก็อย่าคิดจะออกเหมือนกัน นางถึงพาข้าออกมา!”
ธิดาเทพรุ่นก่อนก็ยังเป็นคนเช่นนี้ ดูท่าตำหนักธิดาเทพคงไม่มีคนดีสักกี่คน
เฉียวเวยเอ่ยต่อว่า “ท่านแม่ พวกนางฉากหน้าเป็นอย่างหนึ่ง ลับหลังเป็นอีกอย่างหนึ่ง นอกจากท่านแล้วไม่มีผู้ใดเคยสงสัยเลยหรือ”
เฮ่อหลันชิงตอบอย่างเย็นชา “เจ้าไม่เข้าใจฐานะของตำหนักธิดาเทพ ไม่มีผู้ใดสงสัยพวกนาง รวมถึงท่านตาของเจ้าด้วย”
ฟังจากน้ำเสียงนี้เห็นชัดว่านางไม่พอใจที่ท่านตารักใคร่เอ็นดูธิดาเทพ น่าสงสารท่านตาที่ไม่สังเกตว่าบุตรสาวของตนกับธิดาเทพเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน
เฉียวเวยครุ่นคิดแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “หรือเป็นเพราะว่าท่านตาผูกคำสาบานเลือดกับนางแล้ว ท่านตาจึงเชื่อว่านางจะไม่ทรยศตนเองอย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านี้ท่านตายังคิดว่าตนเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว แต่ธิดาเทพยังสาว ตนเองทำให้ชีวิตนางอาภัพจึงยิ่งเห็นใจนางมากขึ้นอีก”
เฮ่อหลันชิงไม่ปฏิเสธคำพูดของบุตรสาว แต่กลับถามอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “แม้แต่เรื่องที่พวกเขาผูกคำสาบานเลือดกัน เจ้าก็รู้ด้วยหรือ”
เฉียวเวยรินชาร้อนถ้วยหนึ่งให้เฮ่อหลันชิง “หมิงซิวเป็นคนสืบพบ”
เฮ่อหลันชิงเอ่ยขึ้นมาเรียบๆ “เจ้าเด็กคนนี้ มีความสามารถอยู่บ้าง”
แน่นอน ไม่ดูเสียบ้างว่าเป็นสามีของผู้ใด!
สามีถูกคนชม เฉียวเวยก็อารมณดียิ่งนัก นางแกะส้มลูกหนึ่งให้มารดา “ลูกน้องเจ็ดคนของหมิงซิวก็ผูกคำสาบานเลือดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นลูกน้องของเขาทั้งหมดจึงไม่กล้าทรยศเขา แต่เหตุใดธิดาเทพกล้าทรยศท่านตาเล่า”
“เจ้าคิดว่าเพราะอะไรเล่า” เฮ่อหลันชิงรับส้มมา แต่ไม่กินทีละกลีบ นางยัดเข้าปากทั้งลูกในคราวเดียว
เฉียวเวย “…”
ช่วงก่อนหน้านี้เฉียวเวยสู้รบปรบมืออยู่กับเซวียหรงหรง ตอนนี้เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นย่อมคิดโยงไปถึงเซวียหรงหรง จึงตอบว่า “หรือว่าตอนแรกพวกนางหาตัวแทนมาผูกคำสาบานเลือดแทนธิดาเทพ”
เฮ่อหลันชิงตอบอย่างเย็นชา “หากเป็นเช่นนั้นก็ง่าย ข้าฟันฉับเดียวก็ฆ่านางเด็กต่ำช้าคนนั้นได้ตั้งนานแล้ว!”
เฉียวเวยถูกความน่าเกรงขามของมารดาทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นระรัว นางตั้งสติแล้วถามว่า “ไม่ใช่แบบนี้ ถ้าเช่นนั้นเพราะเหตุใดเล่า”
เฮ่อหลันชิงตอบว่า “คำสาบานเลือดเป็นวิชาไสยศาสตร์ชนิดหนึ่ง ใช้โลหิตของเจ้านายเป็นกระสายยาผสมเป็นพิษไสยเวท แล้วให้บ่าวรับใช้ดื่มลงไป แต่ในตอนนั้นตำหนักธิดาเทพผสมพิษไสยเวทกลับกัน ใช้โลหิตของธิดาเทพแล้วหาโอกาสให้ท่านตาของเจ้าดื่มลงไป ส่วนตัวนางก็หาอะไรมาดื่มเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนสายตาของผู้คน”
เฉียวเวยคล้ายจะเข้าใจแล้ว “หากพูดเช่นนี้ก็หมายความว่าชีวิตนางไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่านตา แต่ชีวิตของท่านตาขึ้นอยู่กับนางหรือ”
เฮ่อหลันชิงกระดกน้ำชาทั้งถ้วยเข้าปาก “ไม่ผิด ท่านตาของเจ้าตายหรือไม่ นางเด็กต่ำช้าคนนั้นก็ไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น แต่หากนางเด็กต่ำช้าคนนั้นเป็นอะไรไปขึ้นมา ท่านตาเจ้าก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้แล้ว ข้าเก็บนางไว้ตั้งหลายปีขนาดนี้ก็เพราะสาเหตุนี้!”
นางก็ว่าแล้ว มารดาของนางเก่งกาจปานนี้ ขยี้ธิดาเทพให้ตายย่อมเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เหตุไฉนจึงเก็บชีวิตน้อยๆ ของนางมาตลอด
เฉียวเวยชะงัก “ถ้าเช่นนั้น…พิษไสยเวทนี่มีทางแก้หรือไม่”
พอเฮ่อหลันชิงคิดขึ้นมาว่าขยี้นางเด็กต่ำช้าคนนั้นให้ตายไม่ได้ก็โทสะลุกโชน “ข้าแก้ไม่ได้! ลองถามสามีคนนั้นของเจ้าดู”
เฉียวเวยเรียกจีหมิงซิวเข้ามา
“ท่านแม่” จีหมิงซิวเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท
เฮ่อหลันชิงเปิดปากเข้าประเด็น “พิษไสยเวทในตัวลูกน้องของเจ้า แก้ได้หรือไม่”
จีหมิงซิวตอบอย่างไม่ลังเล “ได้”
เฉียวเวยตะลึง
เฮ่อหลันชิงมองจีหมิงซิวอย่างครุ่นคิด “พิษไสยเวทชนิดนี้ เจ้าเรียนมาจากที่ใด”
จีหมิงซิวตอบว่า “ในหอตำราลับของตระกูลจีมีบันทึกเล่มหนึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ในนั้นบันทึกวิธีใช้พิษไสยเวทและวิธีแก้เอาไว้”
เฮ่อหลันชิงหรี่ตาลง เป็นดังนั้นจริงสินะ…
เฉียวเวยไม่ทันสังเกตเห็นแววตาของมารดาตน นางจับแขนของจีหมิงซิวแล้วถามว่า “แก้อย่างไร”
จีหมิงซิวเหลือบมองเฮ่อหลันชิงแล้วตอบว่า “วิธีการโดยละเอียดค่อนข้างซับซ้อนอยู่บ้าง ข้ายังไม่เคยลองมาก่อน แต่ข้าจำขั้นตอนได้ ขอเพียงมอบเลือดของธิดาเทพให้ข้า ข้าคิดว่า ข้าน่าจะแก้พิษของเหอจั๋วได้”
เฮ่อหลันชิงเลียมุมปากอย่างชั่วร้าย “ดี วันพรุ่งนี้ข้าจะไปเอาเลือดนางเด็กต่ำช้ามาให้เจ้า!”