หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 277-1 พี่ซิวลงมือ ย่อยยับในคราเดียว
ตอนที่ 277-1 พี่ซิวลงมือ ย่อยยับในคราเดียว
ในห้องส่วนตัว เสนาบดีหยางกลับมาจาก ‘ห้องน้ำ’ บางทีอาจเพราะมีแต้มต่อแล้ว ในใจเขาจึงไม่วิตกกังวลเท่าเดิมอีกต่อไป หากจะถามว่าเวลาแบบนี้จะหาผู้หญิงเหตุใดจึงไม่ไปหอคณิกา ก็ไม่ใช่เพราะราชสำนักไม่อนุญาตหรือไร ราชสำนักตรากฎว่าขุนนางห้ามเหยียบย่างเข้าสถานเริงรมย์ ทว่าเรื่องเช่นนี้เบื้องบนมีคำสั่ง เบื้องล่างก็มีวิธีรับมือ ทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำอย่างลับๆ สิ ร้านสุราแห่งนี้ก็คล้ายกับร้านสุราน้อยที่จีซวงเคยเปิดกิจการ ป้ายร้านเขียนว่าร้านสุรา แต่ทำกิจการขายเนื้อสด แน่นอนอาจมีลูกค้าขาจรที่คิดว่ามันเป็นร้านสุราจริงๆ หลงเข้ามาบ้าง แต่นั่นก็ไม่เป็นอะไร จะมาดื่มสุราอย่างเดียว เถ้าแก่เนี้ยก็ยินดีต้อนรับ
เสนาบดีหยางกลับมานั่งที่ ใบหน้าเอิบอิ่มแดงระเรื่อ
อาหารทยอยยกมาขึ้นโต๊ะ ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารชั้นยอดรสชาติโอชา เสนาบดีหยางเชิญจีหมิงซิวรับประทาน จีหมิงซิวหยิบตะเกียขึ้นมาคีบเนื้อปลารสชาติดีชิ้นหนึ่ง เสนาบดีหยางยิ้มร่ารีบขยับตะเกียบบ้าง
สุราที่ตั้งอยู่บนเตาอุ่นได้ที่แล้ว เสนาบดีหยางจึงรินให้จีหมิงซิวจนเต็ม สุราชนิดนี้ไม่ต่างจากสุรานารีแดงปกติ แต่มีสรรพคุณเสริมไตบำรุงหยางเพิ่มขึ้นมา ทำให้คนคึกคัก ประเดี๋ยวมีคนงามในอ้อมแขน ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีจะต้องได้มีค่ำคืนอันงดงามอย่างแน่นอน
“อัครมหาเสนาบดี ข้าดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” เสนาบดีหยางชูจอกขึ้น
จีหมิงซิวทำท่าเหมือนชนจอกกับเขาจากอีกฝั่งของโต๊ะ จากนั้นก็จิบหนึ่งคำ
เสนาบดีหยางดื่มอย่างไม่ค่อยพอใจแล้ววางจอกลง เขาใช้ตะเกียบกลางคีบเนื้อกวางย่างสุกให้อัครมหาเสนาบดีหนึ่งชิ้น “เนื้อกวางของร้านนี้อร่อยที่สุดในเมืองหลวง ขอเพียงเคยกินหนหนึ่ง รับประกันได้ว่าต้องกลับมากินอีกเป็นหนที่สอง อัครมหาเสนาบดีท่านลองชิมดู”
จีหมิงซิวยังไว้หน้าอยู่บ้าง เขาลองชิมคำเล็กๆ จริงดังที่เสนาบดีหยางว่า นี่เป็นเนื้อกวางที่อร่อยที่สุดที่เคยกินตามร้านสุราของเมืองหลวงจริงๆ แต่เมื่อเทียบกับฝีมือทำอาหารของเฉียวเวยก็แค่พอกินได้เท่านั้น
เสนาบดีหยางขยับอาหารมาให้จีหมิงซิวแล้วแอบเหลือบมองทางประตู ในใจคิดว่าเสี่ยวเอ้อร์ไปทำอะไรอยู่ เหตุไฉนนานป่านนี้แล้วยังไม่พาคนมา รออีกประเดี๋ยวอัครมหาเสนาบดีกินอิ่ม คนก็ไปกันพอดี
ตอนที่เสนาบดีหยางรอจนใกล้จะหมดความอดทนนั่นเอง เสี่ยวเอ้อร์ก็โผล่มาหน้าประตู เสี่ยวเอ้อร์ส่งสายตาให้เขา เสนาบดีหยางเข้าใจความนัย อัครมหาเสนาบดีหน้าบาง เรื่องอย่างการรื่นรมย์กับนางคณิกาย่อมมิอาจให้ผู้อื่นมองดูได้ เขาต้องหลบ แล้วก็ต้องหลบให้ดีๆ!
เสนาบดีหยางบอกว่าตนจะไปเลือกสุราชั้นดีมาอีกสักสองไห จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
อีกด้านหนึ่งใต้เท้าเจ้าสำนักถูกจับแต่งตัวจนพร้อม หน้ากากถูกปลดออกเผยให้เห็นใบหน้าสง่างามประหนึ่งหยก เส้นผมถูกปล่อยลงมา สวมอาภรณ์สีแดงสดเปิดเผยเรือนร่าง คอเสื้อแบะออก อวดหน้าอกขาวผ่องครึ่งหนึ่งให้ยลโฉม
ความงดงามนี้ แม้แต่เถ้าแก่เนี้ยที่อยู่มาครึ่งค่อนชีวิตเห็นคนมานับไม่ถ้วนแล้วก็ยังใจเต้นอย่างห้ามไม่ได้ เถ้าแก่เนี้ยลูบใบหน้าน้อยของเขา แล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “น่าเสียดายจริง หากข้าพบเจ้าเร็วกว่านี้สักสิบปี ข้าคงยอมปล่อยเจ้าไปไม่ลง”
ใต้เท้าเจ้าสำนักถูกวางยาจนทั้งร่างอ่อนเปลี้ยไร้กำลัง แม้แต่พูดยังไม่มีแรง ทำได้เพียงถลึงตาใส่นางอย่างเคียดแค้น
เถ้าแก่เนี้ยไม่กลัวแม้แต่น้อย นางเชิดคางขึ้น “ต่อให้ทำตาเช่นนี้ ลูกค้าก็คงถูกเจ้าทำให้ตกหลุมรักหัวปักหัวปำอยู่ดี”
ใต้เท้าเจ้าสำนักเบ้หน้าอย่างสะอิดสะเอียน
เถ้าแก่เนี้ยข่มขู่อย่างอ้อยอิ่ง “จำไว้นะคนงามตัวน้อย ข้าวของของเจ้า ชีวิตของเจ้าล้วนอยู่ในมือข้า ปรนนิบัติให้ดี ข้าก็จะไม่ใจร้ายกับเจ้า แต่หากกล้าทำให้ลูกค้าข้าหวาดกลัวหนีไป ก็ระวังหนังของเจ้าไว้ให้ดี!”
ใต้เท้าเจ้าสำนักถูกคนประคองเข้าไปในห้องส่วนตัว
เถ้าแก่เนี้ยเดินอยู่ด้านหน้าสุด พอเข้าห้องไปก็คำนับ จากนั้นยิ้มกว้างเอ่ยว่า “คุณชายร่ำสุราเพียงลำพังคงเปลี่ยวเหงา บ่าวจึงตั้งใจส่งคนงามตัวน้อยมาบรรเทาความเบื่อหน่ายให้คุณชาย หวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจ”
จีหมิงซิวกินอาหารอย่างเฉยชา ไม่ตอบและไม่ชายตามองนาง
เถ้าแก่เนี้ยกระอักกระอ่วนไปพริบตาหนึ่ง แต่ไม่นานนางก็นึกถึงคำพูดของเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาได้ คนผู้นี้ไม่แตะต้องสตรี ถ้าเช่นนั้นเขาคงคิดว่าตนหาแม่นางสักคนมาให้เขาเป็นแน่
ครุ่นคิดจบ เถ้าแก่เนี้ยก็ยิ้มอย่างพออกพอใจ ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก แล้วตะโกนสั่งคนด้านนอก “รีบประคองคุณชายหลินเฟิงเข้ามา”
มือของจีหมิงซิวชะงักเล็กน้อย
เถ้าแก่เนี้ยเหลือบเห็นเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ ในใจก็ยินดีเจียนคลั่ง ชอบบุรุษจริงๆ ด้วยสินะ
ใต้เท้าเจ้าสำนักถูกอันธพาลเปี่ยมพละกำลังสองคนประคองเข้ามา บนหน้าผากของเขาคาดผ้าแดงไว้ผืนหนึ่ง ทว่าเพียงเห็นเรือนร่างนั่นก็เพียงพอทำให้คนลุ่มหลงแล้ว
เถ้าแก่เนี้ยเหลือบมองจีหมิงซิวพลางยกมือกระตุกผ้าคลุมหน้าของใต้เท้าเจ้าสำนักเบาๆ “ท่านลูกค้า เชิญท่านยลโฉม”
จีหมิงซิวมองมาอย่างเฉยชา แทบจะในเวลาเดียวกันใต้เท้าเจ้าสำนักก็มองมายังลูกค้าเงินหนาของตนเอง ใต้เท้าเจ้าสำนักคิดเพียงอย่างเดียวว่าอีกฝ่ายสภาพเป็นเช่นไร หากว่าเป็นหมูตอนกักขฬะ เขาไม่สู้เอาหัวโขกเสาตายเสียให้สิ้นเรื่อง หากว่ายังมีแรงเอาหัวโขกเสาล่ะก็นะ
ใต้เท้าเจ้าสำนักคิดไม่ถึงว่าตนเองจะมองเห็นจีหมิงซิว ดวงตาของเขาเบิกโตจนกลมบ๊อกในพริบตา!
จีหมิงซิวย่อมคิดไม่ถึงว่านายบำเรอน้อยในร้านสุราจะเป็นน้องชายของตนเอง ก่อนไปประชุม น้องชายยังอยู่ในบ้านชิงเหลียนดีๆ อยู่เลย ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน น้องชายกลับกลายเป็นนายบำเรอที่เสนาบดีหยางเอามาปรนเปรอตนเองเสียแล้ว
ดววตาเขาเย็นยะเยือกในพริบตา!
เถ้าแก่เนี้ยรู้สึกว่าสีหน้าของลูกค้าไม่ค่อยปกติ คนงามปานเทพบุตรเช่นนี้ ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็น่ากลัวว่าคงต้องน้ำลายไหลยืด เหตุไฉนเขาไม่ดีใจสักนิดเลยเล่า หรือตนเองเดาผิด เขาชอบสตรีอย่างนั้นหรือ
แปดส่วนน่าจะเป็นเช่นนั้น!
เถ้าแก่เนี้ยรีบคลุมผ้าปิดหน้าใต้เท้าเจ้าสำนัก แล้วสั่งลูกน้องว่า “ยังไม่รีบพาคุณชายหลินเฟิงกลับห้องอีก!”
ปัง!
จีหมิงซิวตบตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง
ทุกคนตกตะลึงจนนิ่งอึ้ง
จีหมิงซิวลุกขึ้นเดินไปหน้าใต้เท้าเจ้าสำนักอย่างเย็นชา สายตมคมกริบจับบนใบหน้าของเขา คล้ายกับว่าจะมองจนใบหน้าของเขามีดอกไม้ผุดออกมา
สภาพเช่นนี้ถูกคนคุ้นเคยมาเห็นเข้า ใต้เท้าเจ้าสำนักอยากจะหาซอกหลืบมุดเข้าไปหลบเสียจริงๆ
จีหมิงซิวถามเรียบๆ “ตอนนี้รู้จักขายหน้าคนแล้วหรือ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักหันหน้าหนีอย่างอับอายและขุ่นเคือง
จีหมิงซิวจับมือเขากระชากมานั่งบนเก้าอี้
ใต้เท้าเจ้าสำนักถูกโยนโครมมาไม่เบานัก ก้นกระแทกจนเกือบแยกเป็นสองเสี่ยง “จีหมิงซิวเจ้า…”
จีหมิงซิวกลับละสายตาจากไปแล้ว เขาหันไปมองกลุ่มคนของร้านสุรา “หยางปี้”
เสียงของเขาไม่ดังแต่มีอำนาจที่ทำให้คนไม่อาจขัดขืน
เสนาบดีหยางที่อยู่ในห้องด้านข้างรีบล้มลุกคลุกคลานเดินเข้ามา พอเห็นแววตาเย็นยะเยือกของจีหมิงซิว หนังศีรษะก็ขนลุกชัน หลังจากนั้นเขาก็เห็นบุรุษบนเก้าอี้ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จนใต้เท้าเจ้าสำนักหันหน้ามาอย่างเชื่องช้า ทันทีที่เสนาบดีหยางเห็นใบหน้าของเขาชัด คิ้วก็ดีดขึ้นไปบนหน้าผากทันที!
บุรุษคนนี้เหตุไฉนจึงหน้าตาเหมือนบิดาของอัครมหาเสนาบดีเช่นนี้!
นี่ นี่ นี่…
ไม่รอเสนาบดีหยางติดอ่างคำว่า ‘นี่’ ในใจจนได้คำตอบ จีหมิงซิวก็เปิดปากพร้อมกับสีหน้าเฉยชา “ลักพาตัวน้องชายของข้ามาเป็นนายบำเรอ หยางปี้ เจ้าขวัญกล้านักนะ”
ตุ้บ! เสนาบดีหยางคุกเข่าลงไปบนพื้น
เถ้าแก่เนี้ยมองภาพนี้อย่างหวาดผวา นางไม่รู้จักจีหมิงซิว แต่นางรู้จักเสนาบดีหยาง เสนาบดีหยางเป็นขุนนางสองรัชสมัย เคยสั่งสอนวิชาในวังหลวง คนที่แม้แต่เขายังต้องคุกเข่าให้ สมควรเป็นคนระดับใดเล่า
แล้วเมื่อครู่คนผู้นี้บอกว่า…คนงามตัวน้อยเป็นน้องชายของเขา
‘ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย! อัครมหาเสนาบดีเป็นพี่ใหญ่ของข้าจริงๆ !’
คุณพระ เขาเป็นน้องชายของอัครมหาเสนาบดี เป็นคุณชายของตระกูลจีจริงๆ หรือ
เถ้าแก่เนี้ยหน้าซีดเผือดในพริบตา สองขาอ่อนแรงคุกเข่าลงไปบนพื้น
แววตาเย็นเฉียบของจีหมิงซิวจับจ้องใบหน้าของเสนาบดีหยาง “หยางปี้ แม้ข้าจะดูแคลนการกระทำของเจ้า แต่เห็นแก่หน้ามารดา ข้าจึงไม่เคยคิดสร้างความลำบากให้เจ้า ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้ากลับสมคบคิดทำเรื่องพรรค์นี้ลับหลัง!”
เสนาบดีหยางตกใจกลัวจนตัวสั่น “อัครมหาเสนาบดีโปรดอภัย! ข้ามิรู้เห็นด้วย! ข้าไม่รู้สักนิดว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าเพียงแต่ให้พวกเขาส่งคนงามมาเป็นเพื่อนร่ำสุรากับอัครมหาเสนาบดีเท่านั้น ไหนเลยจะรู้ว่าพวกเขาขวัญกล้าเทียมฟ้าจับตัวน้องชายของท่านมา”
เถ้าแก่เนี้ยเนื้อตัวสั่นเทาแก้ตัวว่า “ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี! ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีข้าน้อยก็เพิ่งทราบ! หากข้าน้อยทราบก่อนว่าเขาคือน้องชายของท่าน ต่อให้ข้าน้อยขวัญกล้ากว่านี้อีกร้อยเท่า ข้าน้อยก็ไม่กล้าจับเขามา! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ!”
จีหมิงซิวเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าหมายความว่าหากเขาไม่ใช่น้องชายของข้า เจ้าก็จะทำอะไรกับผู้ใดก็ได้หรือ”