หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 294-2 ความลับสะเทือนฟ้า ราตรีอันรื่นรมย์
ตอนที่ 294-2 ความลับสะเทือนฟ้า ราตรีอันรื่นรมย์
หากตนต้องการจะวางยาคงต้องเร่งมือหน่อย
ตามแผนเดิมคือใส่ในอาหาร แต่หลังจากเดินไปเดินมาแถวห้องครัวรอบหนึ่ง ใต้เท้าเจ้าสำนักก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ห้องครัวมีคนเฉพาะคุมอยู่ คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปไม่ได้ ระหว่างทางก็มีเสี่ยวเอ้อร์คอยยกอาหาร จึงไม่มีโอกาสลงมือ ถึงอย่างไรก็ต้องไปที่ห้องนาง
ใต้เท้าเจ้าสำนักหรี่ตาลง เปิดประตูเบาๆ แล้วแอบมองออกไปข้างนอก จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครเห็นเดินตัวปลิวไปอีกฝั่งหนึ่ง เปิดประตูแล้วแทรกตัวเข้าไปข้างใน
เขาเปิดกาน้ำชา หยิบขวดยามาเปิดออก แล้วหยดลงไปในนั้นประมาณสามถึงห้าหยด จากนั้นก็ปิดฝากาแล้วเดินสบายๆ ออกไป เมื่อมั่นใจว่าตัวเขาผสมลงไปดีแล้ว เขาก็รีบวางกาน้ำชาลง คิดจะหนีออกไป
แต่ในขณะนั้นเอง ด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
ช่างมาได้รวดเร็วเสียจริง!
โชคดีที่เขาใส่ยาลงไปแล้ว หากช้ากว่านี้อีกก้าวก็คงไม่ทันการ
เอี๊ยด…
ประตูถูกผลักเปิด
ใต้เท้าเจ้าสำนักแทรกตัวเข้าไปใต้เตียงอย่างรวดเร็ว
รองเท้าลายปักคู่หนึ่งก้าวเข้ามา ชายกระโปรงสีฟ้ากับพื้นรองเท้าเรี่ยพื้นไปเบาๆ คล้ายเกลียวคลื่นที่กำลังม้วนตัว
รองเท้าลายปักหยุดลงตรงข้างโต๊ะ ไม่นานในห้องก็มีเสียงเทน้ำชาดังขึ้น
ใต้เท้าเจ้าสำนักลอบยินดี ดื่มเลยๆ หึหึ รอเจอฤทธิ์ยาได้เลย!
เสียงเวลากลืนน้ำ ช่างไพเราะและน่าฟังอย่างประหลาด
ใต้เท้าเจ้าสำนักไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนกินน้ำจะกินได้น่าฟังเพียงนี้ เพียงแต่คนเช่นนี้เหตุใดถึงกระทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ได้
รองเท้าลายปักเดินมาทางเตียง
ใต้เท้าเจ้าสำนักกลั้นหายใจ
ชายกระโปรงมาหยุดตรงข้างเตียง กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามาเตะจมูกใต้เท้าเจ้าสำนัก กลิ่นนั้นหอมหวนจนเขาแทบจะหยุดหายใจ
แต่แล้วจู่ๆ ประตูก็ถูกผลักเปิด
รองเท้าปักอีกคู่หนึ่งเดินเข้ามา
เจ้าของรองเท้าปักคู่นี้พอเข้ามาและปิดประตูแล้ว ยังขัดกลอนประตูเสียด้วย
ใต้เท้าเจ้าสำนักอดงุนงงไม่ได้ ฉินเฉียวมาลอบพบกับโจวซุ่นเป็นการส่วนตัว เรื่องนี้น่าจะเป็นความลับถึงจะถูก เหตุใดถึงพาคนอื่นมาด้วยได้
เจ้าของรองเท้าปักคู่ที่สองบอกว่า “คุณหนู ส่งข่าวไปแล้วเจ้าค่ะ อีกไม่นานเขาก็น่าจะมาถึง”
คุณหนู? ใต้เท้าเจ้าสำนักลอบขมวดคิ้ว
“ในที่สุดก็ได้มาเสียที” คุณหนูเอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงนั้นไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ราบเรียบประหนึ่งดอกโยวหลันในป่าลึก เบาสบายคล้ายสายลมในช่องเขา แค่ได้ฟังก็คล้ายได้กลิ่นหอมอันสดใส จิตใจแทบจะหลุดลอยออกจากร่าง
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็กสำคัญ ประเด็นสำคัญก็คือ… นี่ไม่ใช่เสียงฉินเฉียว!
หลังจากฉินเฉียวได้รับการช่วยเหลือจากท่านเขยฉินแล้ว นางได้พูดเสียงเบาออกมาสองสามประโยค ใต้เท้าเจ้าสำนักนั่งอยู่แค่ในศาลารับลมตรงนั้นจึงได้ยินอย่างชัดเจน เขายอมรับว่าบนตัวฉินเฉียวมีรัศมีบางอย่างที่ทำให้คนที่พบเห็นยากจะลืมเลือน แต่น้ำเสียงของนางไม่ได้น่าฟังเพียงนี้
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
แท้จริงแล้วเป็นเขาที่เข้าห้องผิดหรือเป็นสองคนนี้ที่เข้าห้องผิดกันแน่
เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอีก เรื่องสำคัญก็คือเขาวางยาผิดคน
นี่ นี่ นี่…นี่จะทำอย่างไร
หรือจะ…รีบพุ่งตัวออกไปตอนนี้
ในขณะที่ใต้เท้าเจ้าสำนักกัดฟันแน่นเตรียมจะ “พุ่งทะยาน” ออกไปนั้น ก็ได้ยินเสียงที่น่าฟังนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “คนตระกูลจีก็ช่างโชคดีนัก ถึงขั้นได้ไปชนเผ่าลึกลับกันมาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็คงรู้เรื่องโหราจารย์แล้ว”
สีหน้าใต้เท้าเจ้าสำนักพลันแข็งค้าง หดตัวกลับไปใต้เตียงอีกครั้ง
สาวใช้บอกว่า “ที่น่าแปลกก็คือ พวกเขาไปกันมาแล้ว แต่กลับมาก็ไม่ทำตัวเอิกเกริกสักนิด”
สตรีนางนั้นเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม้ใหญ่ย่อมล่อลม ไม่ทำให้เอิกเกริกน่ะถูกต้องแล้ว หากเอะอะไป น่ากลัวว่าทั้งตระกูลจีหรือแม้กระทั่งต้าเหลียงคงไม่มีวันได้สงบสุขอีก”
สาวใช้หัวเราะเสียงเย็น จะปิดบังให้มิดชิดเพียงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ใช่เพราะฉางเฟิงสื่อไปเจอผลสองภพในบ้านตระกูลจี น่ากลัวว่าแม้แต่พวกเราก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาไปกันมาแล้ว”
ผลสองภพของตระกูลจีเล็ดรอดออกไปข้างนอก? ใต้เท้าเจ้าสำนักขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
สตรีนางนั้นถามว่า “ฉางเฟิงสื่อจะมาถึงเมื่อไร”
สาวใช้ตอบกลั้วหัวเราะว่า “อีกไม่นานเจ้าค่ะ ไว้รอให้จัดการตระกูลจีได้ ชนเผ่าลึกลับก็จะเป็นของพวกเราแล้ว”
ช่างตะกละตะกลามเสียจริงนะ ถึงขั้นคิดจะยึดตระกูลจีแล้วเอาชนเผ่าลึกลับมาเป็นของตนเลยหรือ!
สาวใช้พูดกลั้วหัวเราะอีกหลายประโยค แล้วจู่ๆ สตรีนางนั้นก็เอามือจับหน้าอก
สาวใช้พลันหน้าถอดสี “คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ”
สตรีนางนั้นจับโต๊ะไว้ด้วยความทรมาน “อยู่ๆ ข้าก็รู้สึกไม่สบาย”
สาวใช้ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ไม่สบายตรงใดเจ้าคะ ข้าจะไปตามหมอเดี๋ยวนี้!”
สาวใช้รีบร้อนออกไป
สตรีนางนั้นฟุบอยู่กับโต๊ะด้วยความทรมาน มือข้างหนึ่งจับหน้าอก มืออีกข้างหนึ่งเดินกำลังภายใน พยายามจะกดความไม่สบายที่อยู่ภายในเอาไว้ แต่กระนั้นนางก็ได้รับรู้ว่า ยิ่งตนใช้วรยุทธ์ ความร้อนรุ่มในกายก็ปะทุขึ้นหนักกว่าเดิม
นางเปิดฝากาน้ำแล้วดมกลิ่นน้ำชาที่อยู่ภายใน คิ้วนางพลันขมวดก่อนจะเขวี้ยงลงกับพื้นโดยแรง
กาน้ำชาแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษกระเบื้องชิ้นเล็กๆ กระเด็นเข้าไปใต้เตียง ไปถูกส่วนล่างของหน้ากากหยกบนหน้าใต้เท้าเจ้าสำนักจนส่งเสียงดังกริ๊ง สตรีนางนั้นหันมามองอย่างระแวดระวัง ทั้งยังฟาดฝ่ามือใส่ทีหนึ่งจนเตียงพังไปครึ่งหลัง
ใต้เท้าเจ้าสำนักจึงปรากฏสู่สายตาของอีกฝ่ายโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
สตรีนางนั้นใส่ผ้าโปร่งคลุมหน้าอยู่ ใต้เท้าเจ้าสำนักมองรูปลักษณ์อีกฝ่ายไม่ชัด เขาเองก็ใส่หน้ากากอยู่ สตรีนางนั้นก็ไม่เห็นหน้าเขาเช่นกัน แต่พอสายตาทั้งสองได้ปะทะกันกลางอากาศ นัยน์ตาสตรีนางนั้นก็พลันปรากฏไอสังหาร ไม่พูดอะไรให้เสียเวลาก็เงื้อฝ่ามือขึ้นมาจะพุ่งเข้าใส่ใต้เท้าเจ้าสำนัก!
ใต้เท้าเจ้าสำนักรีบเร้นกายหลบ!
เตียงที่อยู่ด้านหลังถูกแรงกระแทกนั้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
ใต้เท้าเจ้าสำนักไม่เพียงวางยาอีกฝ่าย แต่ยังแอบฟังที่อีกฝ่ายสนทนากันอีก เขาจะมีชีวิตเดินออกไปสิน่าแปลก เวลานี้ในที่สุดเขาก็เริ่มเสียใจแล้ว ตนน่าจะไปหาจีซวง แล้วให้นางยักษ์นั่นอยู่วางยาฉินเฉียวที่นี่ ด้วยฝีมือของนางยักษ์ น่ากลัวว่าคงจะประมือกับนางยักษ์หมายเลขสองนี้ได้บ้าง…
สตรีนางนั้นฝีมือเก่งกาจ แต่ใต้เท้าเจ้าสำนักที่หลบซ้ายหลีกขวามาหลายปีผู้นี้ก็คล้ายกับปลาดุกที่สามารถเร้นกายหนีกระบวนท่าสังหารของสตรีนางนั้นได้ทุกครั้งไป
หากเป็นยามปกติ พวกคนชั่วตัวเล็กๆ เช่นนี้มาตกอยู่ในมือนางคงรอดไปได้ไม่เกินสามกระบวนท่า แต่เวลานี้นางโดนยาพิษเข้าไป ทั่วตัวร้อนรุ่มราวกับมีไฟลน นางไม่กล้าใส่พลังสุดแรง จำต้องใช้พละกำลังไม่ถึงสามส่วน แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ยังทรมานหนักขึ้นเรื่อยๆ
ใต้เท้าเจ้าสำนักอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเสียสมาธิ วิ่งเร็วจี๋หนีไปทางปากประตู
แต่เงาสีขาวเงาหนึ่งพุ่งเข้ามากอดเอวเขาไว้ แล้วดึงเขากลับลงกับพื้นโดยแรง!
เขาล้มกระแทกอย่างรุนแรงจนอวัยวะภายในเคลื่อนที่ไปหมด
สตรีนางนั้นเดินเข้ามาหาเขาทั้งที่ยังมึนศีรษะอยู่
ใต้เท้าเจ้าสำนักขยับหนีไปด้านหลัง “เจ้าจะทำอะไร อย่าเข้ามานะ!”
สตรีนางนั้นคว้าคอเสื้อเขาขึ้นมา พ่นคำพูดลอดไรฟันออกมาว่า “ข้าจะต้อง…จะต้องฆ่าเจ้า…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักได้ยินประโยคนี้แล้วรู้สึกแปลกๆ แต่เขายังไม่ทันคิดออกว่าแปลกที่ตรงใด สตรีนางนั้นก็ฉีกเสื้อผ้าเขาจนหลุดลุ่ย และปิดการมองเห็นของเขาไปแล้ว