หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 304-2 รับกรรมที่ตนก่อ ให้บทเรียนจีซวง (2)
ตอนที่ 304-2 รับกรรมที่ตนก่อ ให้บทเรียนจีซวง (2)
คนบนรถม้ากลับทำคล้ายไม่ได้ยินเสียงคร่ำครวญด้วยความโกรธแค้นนั้น แล่นรถม้าฝุ่นตลบออกไปทันที
จีซวงยืนอึ้งอยู่กับที่ ในใจเจ็บปวดคล้ายมีมีดทิ่มแทงอยู่ นางพยายามบอกตัวเองว่าที่เขาทำเช่นนี้แค่เพียงเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากฉินเฉียวในการเข้าหนานฉู่เท่านั้น แต่ไม่ว่านางจะเกลี้ยกล่อมตัวเองอย่างไร ความหึงหวงในใจนางก็มีแต่จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
นางจูงม้าตัวหนึ่งมาพลิกตัวขึ้นขี่ แล้วควบตามรถม้าคันนั้นไป
จุดที่คณะของฉินปิงอวี่หยุดพักกันนั้นอยู่นอกเมืองหลวงแต่ยังไปไม่ถึงตัวอำเภอ เพราะเลี่ยงเส้นทางหลักมาใช้เส้นทางรองที่ผู้คนผ่านไปมาน้อย จึงง่ายที่จะหาตัวหมอในหมู่บ้านเจอ แต่น่าเสียดายที่ฝีมือการแพทย์ของท่านหมอนั้นรักษาอาการป่วยของฉินเฉียวไม่ได้
ฉินปิงอวี่เลยจำต้องไปใช้เส้นทางหลักเพื่อไปยังตัวอำเภอ เขาสอบถามจากคนที่เดินผ่านไปมาแล้วไปเจอโรงหมอแห่งหนึ่ง
ท่านหมอในโรงหมอแห่งนี้เข้าไปพักผ่อนนานแล้ว พอได้ยินเสียงเคาะประตูก็ลุกขึ้นนั่งด้วยความรำคาญใจ เขาสวมเสื้ออย่างเชื่องช้า อ้าปากหาวแล้วถึงเปิดประตู “ป่วยเป็นอะไรกัน ดึกดื่นค่อนคืนไม่ยอมให้คนได้พักผ่อน”
ฉินปิงอวี่อุ้มฉินเฉียวเข้าไป “นางเป็นโรคหัด! ตัวร้อนหนักมาก ท่านช่วยรีบดูให้นางที!”
“โรค โรคๆ…โรคหัด?” อาการง่วงงุนของท่านหมอหายวับไปกว่าครึ่ง เขากลับเข้าห้องไปหาผ้ามาปิดจมูกกับปาก แล้วถึงได้เอ่ยกับฉินปิงอวี่ว่า “รีบอุ้มนางเข้ามา”
ฉินปิงอวี่อุ้มนางเข้าไปในห้องที่ค่อนข้างซอมซ่อ
ท่านหมอตรวจชีพจรให้ฉินเฉียวแล้วดูตุ่มตามตัว หลังจากพอเข้าใจแล้วว่าอาการนางประมาณไหน เขาก็เขียนใบยาให้ทันทีเพราะในโรงหมอมีห้องสมุนไพรเป็นของตัวเอง ฉินปิงอวี่จ่ายค่าหมอแล้วให้ท่านหมอช่วยต้มยาให้นางดื่ม
จีซวงไม่ได้ขี่ม้ามาหลายปี พอถูกกระแทกมาตลอดทาง ท้องไส้จึงแทบจะขาดเสียให้ได้ ลงจากม้ามาได้นางก็จับหลังม้าอาเจียนอยู่พักใหญ่ อาเจียนเสร็จถึงได้เข้าไปข้างในด้วยสีหน้ารีบร้อน
ท่านหมอเดินเข้ามาหา “ฮูหยินท่านนี้ นี่ท่าน…”
จีซวงตะคอกใส่ “หลบไป!”
ท่านหมอเบี่ยงตัวหลบด้วยความกลัว
จีซวงตามไปจนถึงห้องที่ฉินเฉียวอยู่ ยาต้มเสร็จแล้ว ฉินปิงอวี่กำลังประคองตัวนางพลางป้อนยาให้ทีละช้อน เขาเป่าเบาๆ แล้วลองชิมเองคำหนึ่ง พอเห็นว่าไม่ร้อนมากแล้วถึงได้ป้อนใส่ปากให้ฉินเฉียว
ฉินเฉียวไม่ยอมดื่ม นางเบือนหน้าหนี ยาจึงไหลออกมาตามมุมปากนาง
ฉินปิงอวี่รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ด
จีซวงอดคิดถึงตอนที่ตนป่วยไม่ได้ นางก็มักจะเอาแต่ใจไม่ยอมดื่มยาเช่นนี้ งอแงจะให้เขาป้อน เขาก็มักจะยั่วนาง กล่อมให้นางยิ้ม พอนางถูกกล่อมจนอารมณ์ดีถึงได้ยอมกินยา
แต่ในเวลานี้เขาไม่พูดอะไร ไม่มีรอยยิ้ม แววตาไม่ถึงกับอ่อนโยน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จีซวงถึงรู้สึกว่าเขาในเวลานี้ต่างหากที่มีความเป็นกังวลอย่างรุนแรงโอบคลุมอยู่จริงๆ
ยามที่เป็นห่วงใครสักคนหนึ่งเข้าไปถึงกระดูกจริงๆ แล้วนั้น คงจะไม่มีรอยยิ้มไม่มีคำพูดใดๆ ให้ได้ยินเช่นนี้กระมัง
จีซวงรู้สึกปวดหนึบไปทั้งหัวใจ
ท่านเขยฉินป้อนยาให้ฉินเฉียวกินเงียบๆ ถึงขั้นไม่รับรู้สักนิดว่าจีซวงมายืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วและกำลังมองภาพตรงหน้าด้วยความหึงหวง
เขาตักยาอีกช้อนหนึ่งขึ้นป้อนฉินเฉียว ฉินเฉียวลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเยือกเย็น นางยกมือขึ้นปัดทั้งชามยาและช้อนจนพลิกคว่ำ
ยาร้อนๆ สาดลงบนหน้าอกเขา จีซวงพลันเลิกคิ้ว ในใจปวดหนึบขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใครจะคิดว่าสิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การถอดเสื้อที่เปียกร้อนนั้นออก แต่เป็นการวางชามลงแล้วดูว่าฉินเฉียวถูกลวกตรงใดบ้างหรือไม่
มือของเขาถูกลวกจนแดงก่ำไปหมดแล้ว…
เล็บของจีซวงจิกลึกเข้าไปในเนื้อ
ฉินปิงอวี่พอเห็นว่าฉินเฉียวไม่ได้โดนลวกตรงไหน จึงวางตัวนางลงด้านข้าง เตรียมจะออกไปเอายาอีกถ้วยมาถึงได้เห็นว่าที่หน้าประตูมีจีซวงที่น้ำตาเอ่อคลอยืนมองอยู่ตรงนั้น
ครานี้ไม่ว่าท่านเขยจะแก้ตัวอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้นอีกแล้ว
ฉินปิงอวี่มองหน้านาง ก่อนจะเดินผ่านตัวนางไปโดยไม่พูดอะไร
จีซวงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีก ร่วงเผาะๆ ลงมาราวกับสายน้ำ นางเช็ดน้ำตาแล้วไล่ตามฉินปิงอวี่ไป ฉินปิงอวี่ไปที่ลานด้านหลังแล้วเทยามาชามหนึ่ง จีซวงขวางทางเขาไว้ น้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ อายุปูนนี้แล้วยังร้องห่มร้องไห้เช่นนี้อีก ช่างน่าขายหน้าจริงๆ แต่กระนั้นนางกลั้นไว้ไม่ไหวอีก ความเสียใจที่ไม่เคยมีมาตลอดหลายสิบปี คล้ายพลันกดลงมาบนศีรษะนางในเวลานี้ “ทำไมกัน”
“เจ้าไม่ได้เห็นหมดแล้วหรือ” ฉินปิงอวี่เอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน น้ำเสียงเย็นชา
น้ำเสียงที่เย็นชานี้ทำให้จีซวงรู้สึกถึงความห่างเหินที่เจ็บปวด จีซวงจับแขนเขาไว้ “เจ้ากลัวว่า…กลัวว่าหากนางตาย เจ้าจะไปหนานฉู่ไม่ได้ใช่หรือไม่”
ฉินปิงอวี่มองหน้านางอีกครั้ง ไม่ได้ตอบอะไร
ในใจจีซวงคล้ายถูกมีดกรีด แต่นางก็ยังยื่นมืออกไปจะถือยาให้เขาแทน “ข้าถือให้”
“ไม่ต้อง” ฉินปิงอวี่เอ่ยเสียงเรียบแล้วก้าวเดินออกไป
ชั่วขณะที่เขาเดินเฉียดผ่านไปนั้น จีซวงคล้ายถูกฝังอยู่ในน้ำแข็ง
จีซวงหันไปมองแผ่นหลังเขา “ข้าจะไปส่งเจ้าถึงหนานฉู่! เจ้าจะพานางไปด้วยก็ได้ ข้าไม่ว่าอะไร…”
ฝีเท้าฉินปิงอวี่พลันชะงัก แต่กลับไม่หันกลันไปมอง เขาเลิกผ้าม่านเดินเข้าไปข้างใน
จีซวงตามเขาไปเอ่ยเสียงสะอื้นว่า “ข้าไม่ด่าว่านางแล้ว หากเจ้าชอบนางจริงๆ ข้าจะทำตัวดีกับนาง…ไว้ไปถึงตรงนั้นแล้ว…เจ้าอย่าลืมมารับข้า…”
ฉินปิงอวี่เดินเข้าห้องไป
“เจ้าจะมารับข้าใช่หรือไม่” จีซวงมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน
ฉินปิงอวี่ยังคงไม่พูดอะไร ตักยาขึ้นมาช้อนหนึ่งแล้วป้อนใส่ปากฉินเฉียว ฉินเฉียวกำลังสลึมสลือ ไม่รู้ว่าใครกำลังป้อนยานาง จึงดื่มยาลงไปทั้งอย่างนั้น
จีซวงรู้สึกว่าตนใกล้จะสูญเสียสามีของตนไปเต็มที แต่นางไม่นึกยอม นางพยายามใช้กำลังเฮือกสุดท้ายในการกคว้าตัวเขาเอาไว้ “ท่านพี่ เจ้าพูดอะไรหน่อยสิ…”
ปัง!
ประตูถูกถีบเปิดออก
“มีใครพบเห็นบุรุษผู้นี้หรือไม่” ในห้องโถงใหญ่ จู่ๆ ก็มีเสียงองครักษ์ดังขึ้น
ก่อนจะตามด้วยเสียงของท่านหมอ “ไม่เห็นขอรับ!”
“เช่นนั้นสตรีนางนี้เล่า” องครักษ์ถามต่อ
ท่านหมออึ้งไป “เห็นขอรับๆ! นางอยู่ข้างใน!”
จีซวงหน้าถอดสี “คงไม่ใช่คนของหมิงซิวตามมาถึงที่นี่แล้วกระมัง”
ฉินปิงอวี่แง้มผ้าม่านมองออกไปข้างนอก มีองครักษ์กรูกันเข้ามาเป็นยี่สิบสามสิบคน ทั้งหมดล้วนผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี เขายังบาดเจ็บอยู่เกรงว่าคงจะหนีไม่รอด แต่จะติดต่อไปหาพรรคพวกเขาเหล่านั้นก็ดูจะไม่ทันกาลเสียแล้ว
ฉินปิงอวี่อุ้มฉินเฉียวขึ้นมา คิดจะหนีออกไปทางประตูหลัง
แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงองครักษ์บอกว่า “ปิดตายประตูทั้งหมดเอาไว้! ประตูหลังก็ด้วย! แมลงวันสักตัวก็อย่าให้ออกไปได้!”
ผู้คุ้มกันที่เป็นสารถีให้ฉินปิ่งอวี่ได้ยินเสียงจึงรีบเข้ามารับตัวฉินปิงอวี่ทันที เลยได้ปะทะกับองครักษ์เหล่านั้น
ผู้คุ้มกันวรยุทธ์สูงส่ง การจะดึงองครักษ์สักสิบคนมาสู้กับตนนั้นไม่ใช่ปัญหา จะยากก็ตรงที่องครักษ์ก็ขวางทางเขาไว้เช่นกัน องครักษ์สิบกว่าคนเข้ามาล้อมเขาไว้ สู้กันจนเขาสลัดไม่หลุด ในช่วงนั้นทางด้านฉินปิงอวี่ไม่มีกำลังเสริม เขาที่กำลังประคองฉินเฉียวอยู่จึงเปิดเผยตัวต่อหน้าองครักษ์ทั้งหลาย บรรดาองครักษ์จึงชักดาบออกมาเล็งตรงไปที่เขา
เป้าหมายของคนพวกนี้อยู่ที่เขาคนเดียวเท่านั้น ไม่ได้หมายจะเล่นงานจีซวงที่อยู่ด้านข้างรวมถึงฉินเฉียวที่ฉินปิงอวี่ประคองอยู่ด้วย
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นฉินปิงอวี่ก็ไม่คิดจะเอาตัวฉินเฉียวออกไปเป็นตัวประกัน แต่ละกระบวนท่าของเขาล้วนกลัวว่าจะทำให้ฉินเฉียวที่อยู่ในอ้อมแขนตนบาดเจ็บ
ดาบเล่มหนึ่งเหวี่ยงไปทางเขาดูใกล้จะฟันถูกฉินเฉียวเต็มที เขาก็เบี่ยงตัวใช้หลังรับดาบเล่มนั้นไว้!