หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 330-1 กลับเมืองหลวง แขกที่คิดไม่ถึง (1)
ตอนที่ 330-1 กลับเมืองหลวง แขกที่คิดไม่ถึง (1)
เด็กรับใช้ที่เฝ้าประตูได้ยินเสียงกีบเท้าม้ากับเสียงล้อรถบดถนนดังมาแต่ไกล เขาสงสัยว่ามีแขกผู้สูงศักดิ์คนใดมาเยือนหรือไม่จึงวิ่งไปดูที่ถนน คุณพระ นั่นมิใช่รถม้าของคุณชายใหญ่หรอกหรือ สารถีคนนั้นเขารู้จักดี ตาเฒ่าหยางไม่ใช่หรือนั่น!
เด็กรับใช้วิ่งเข้าไปในจวนทันควัน “คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว! คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว!”
“อะไรนะ คุณชายใหญ่กลับมาแล้วหรือ” สาวใช้ตัวน้อยที่ตัดกิ่งดอกไม้อยู่วางงานในมือลงแล้ววิ่งออกไปดู รถม้าของคุณชายใหญ่จริงๆ เสียด้วย! รถม้าของคุณชายรองก็มาด้วยเหมือนกัน!
“คุณชายรองกลับมาแล้ว!” สาวใช้ตัวน้อยตะโกนพลางวิ่งไปทางเรือนลั่วเหมย
ภายในเรือนลั่วเหมย จีเหล่าฮูหยินกำลังเอนกายพิงเก้าอี้หวายอยู่ตรงโถงทางเดิน อากาศร้อนอยู่ในห้องย่อมอบอ้าว อยู่ตรงลานบ้านแม้ถูกแดดส่องแต่ก็มีลมเย็นพัดมาอยู่บ้าง แต่ลมเย็นแล้วมีประโยชน์อะไรเล่า หลานตัวน้อยทั้งหลายล้วนไม่อยู่ นางอยู่คนเดียวเบื่อจะตายอยู่แล้ว
หลี่ซื่อปอกลิ้นจี่สดใหม่ผลหนึ่งให้นาง แล้วบอกอย่างอ่อนโยนและหวังดี “ท่านแม่ ผลไม้พวกนี้เจ้าสามให้คนใช้ม้าเร็วส่งมา ท่านลองชิมดูเจ้าค่ะ”
จีเหล่าฮูหยินถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “ไม่อยากกิน”
หลี่ซื่อยิ้ม “ข้ารู้ว่าท่านคิดถึงเจ้าตัวน้อยทั้งหลาย ตอนนี้ก็ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้วไม่ใช่หรือ อีกไม่นานพวกเขาก็คงกลับมาแล้ว”
จีเหล่าฮูหยินแค่นเสียงฮึดฮัด หากรู้ก่อนว่าจะทรมานยากจะทนเช่นนี้ ตอนนั้นไม่ว่าอย่างไรนางก็คงไม่ยอมให้เจ้าตัวน้อยทั้งหลายเดินทางลงใต้ไปด้วย
“เหล่าไท่ไท่! เหล่าไท่ไท่!” ตงเหมยหัวเราะร่าเดินเข้ามา
จีเหล่าฮูหยินหนังตาไม่กระตุกสักนิด นางถอนหายใจอย่างเกียจคร้าน “มีเรื่องอะไรอีกเล่า”
หลี่ซื่อพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว ดูเจ้าหัวเราะเสียเช่นนี้ มีเรื่องน่ายินดีมากมายอะไรหรือ รีบพูดมาให้เหล่าไท่ไท่อารมณ์ดีเร็ว!”
ตงเหมยยิ้มจนปากไม่หุบ
จีเหล่าฮูหยินมองค้อนนาง “เจ้ามีเรื่องอะไรให้ดีใจนัก หวานหว่านยังไม่ถึงกำหนดคลอดเสียหน่อย”
ตงเหมยยิ้มกว้าง “ไม่ใช่เรื่องคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ คุณชายใหญ่กับคุณชายรองเจ้าค่ะ! พวกเขากลับมาแล้ว!”
จีเหล่าฮูหยินตกตะลึง ต่อจากนั้นก็ยันตัวกับแขนเก้าอี้ลุกขึ้นมานั่ง “เจ้าว่าอะไรนะ หมิงซิวกับหมิงเยี่ยกลับมาแล้วหรือ”
ตงเหมยตอบว่า “รถม้ามาถึงประตูแล้วเจ้าค่ะ!”
จีเหล่าฮูหยินเบิกตาโตพูดไม่ออก “จิ่ง…พวกจิ่งอวิ๋นกลับมาด้วยหรือไม่”
ตงเหมยยิ้ม “กลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
จีเหล่าฮูหยินดีใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “โอ้ ตอนนี้กลับมากันแล้วหรือ กลับมาแล้วก็ดี…กลับมาแล้วก็ดี…เร็ว! รีบเตรียมเกี้ยว!”
พูดจบก็จะลุกขึ้นเดินออกจากเรือน
หลี่ซื่อพยุงนางแล้วเอ่ยอย่างขับขัน “ท่านแม่ ท่านนั่งรอเถิด เดี๋ยวพวกเขาก็เข้ามาแล้ว!” จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับตงเหมย “เจ้าไปเร่งข้างหน้าหน่อย บอกว่าเหล่าไท่ไท่คิดถึงพวกเขาให้พวกเขารีบเข้ามา”
“เจ้าค่ะ!” ตงเหมยยิ้มแย้มเดินจากไป
รถม้าจอดที่ประตูของตระกูลจี เจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามกระโดดลงมาอย่างตื่นเต้น วั่งซูวิ่งตึงตังเข้าไปด้านใน “กลับบ้านแล้ววว”
จิ่งอวิ๋นกับหลิวเกอร์วิ่งตามไปด้วย
ซุนมามาที่ได้ข่าวว่าเด็กๆ กลับมาเตรียมเสลี่ยงมาเรียบร้อยแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าหลิวเกอร์กลับวิ่งฉิวผ่านข้างตัวนางไป ซุนมามาสงสัยว่าตนเองมองผิด เจ้าตัวน้อยที่วิ่งเร็วยิ่งกว่าลิงคนนั้นคือเจ้านายตัวน้อยของตนจริงหรือ เจ้านายตัวน้อยที่อ่อนแอดุจกิ่งหลิวต้องลม เดินก้าวเดียวก็ไม่ไหวคนนั้นน่ะหรือ
เขาแข็งแรงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด!
พอเจ้าตัวน้อยทั้งสามวิ่งไปทางเรือนลั่วเหมย พวกจีหมิงซิวก็ลงมาจารถม้าบ้าง
หมิงอันก้าวเข้าไปหิ้วข้าวของอย่างฉับไว ปี้เอ๋อร์บอกกับซิ่วฉินว่า “เขาคือหมิงอัน เด็กรับใช้ของคุณชายใหญ่ ตอนนี้รับหน้าที่จัดการงานในจวนเป็นหลัก หลังจากนี้เรือนของพวกเจ้ามีสิ่งใดขาดตกบกพร่องก็เรียกหาเขา!”
ซิ่วฉินมองหมิงอันแวบหนึ่ง บุรุษจงหยวนช่างผอมแห้งตัวเล็กจริงเชียว…
ปี้เอ๋อร์แนะนำซิ่วฉินต่อ “คนนี้คือหญิงรับใช้ของแม่นางฟู่ แม่นางฟู่เป็นแขกคนสำคัญของคุณชายรองของพวกเรา ห้ามดูหมิ่นเข้าใจหรือไม่”
แขกคนสำคัญของคุณชายรอง อ้อ เข้าใจแล้ว
หมิงอันหัวเราะหึๆ “แม่นางซิ่วฉิน ข้าเองๆ!”
ซิ่วฉินตอบว่า “หีบใบนี้หนักมาก”
หมิงอันตอบว่า “ก็เพราะหนักถึงต้องให้บุรุษขนอย่างไรเล่า! จะให้แม่นางเช่นเจ้า…”
พูดยังไม่ทันจบ ซิ่วฉินก็ส่งหีบมาไว้ในมือเขา เสียงของเขาเงียบหายไปทันที…
ใต้เท้าเจ้าสำนักเดินมาข้างรถม้าของเฉียวเวยกับฟู่เสวี่ยเยียน เขาเคาะหน้าต่างแล้วเอ่ยเหมือนไม่ใส่ใจ “พวกเจ้าสองคนทำอะไร ยังไม่ลงมาอีก ในรถไม่ร้อนหรือ”
เฉียวเวยเลิกผ้าม่านมองเขา “เดี๋ยวก็ลงไปแล้ว เจ้าช่วยขนข้าวของของแม่นางฟู่เข้าไปก่อน”
ใต้เท้าเจ้าสำนักแอบมองมองฟู่เสวี่ยเยียนผ่านช่องว่างของผ้าม่าน แล้วเดินอาดๆ จากไป
ฟู่เสวี่ยเยียนไม่ขยับตัวทันที เฉียวเวยเข้าใจว่านางกังวลเรื่องอะไรจึงบอกว่า “ครรภ์ของเจ้าคงปิดบังไว้ไม่ได้แน่ ต่อให้ข้าไม่บอกคนในบ้าน ทุกคนก็เป็นคนที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อน มองปราดเดียวก็มองออกแล้วว่าเจ้าตั้งครรภ์ หากถึงตอนที่พวกเขาถามขึ้นมาจะบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกหลานของตระกูลจีดีหรือว่าจะบอกว่าเป็นลูกของผู้อื่นดีเล่า”
ฟู่เสวี่ยเยียนแย้งว่า “คงอีกนานกว่าจะถึงตอนนั้น”
“ได้ๆ เจ้าบอกว่าคงอีกนานก็คงอีกนาน” คนยุคโบราณสวมเสื้อผ้าหลายชั้น ต่อให้ท้องหกเดือนก็ไม่เห็นท้องนูนออกมา ฟู่เสวี่ยเยียนเพิ่งจะตั้งครรภ์ได้สามเดือน มองแวบแรกไม่แตกต่างอะไรกับหญิงสาวธรรมดา เฉียวเวยชะงัก “ความจริงเจ้าเพียงไม่อยากจะให้หมิงเยี่ยรู้ใช่หรือไม่ หากเจ้าไม่ต้องการบอกคนตระกูลจีเพราะเหตุผลนี้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คิดมากเกินไปแล้ว”
ฟู่เสวี่ยเยียนมองเฉียวเวยอย่างประหลาดใจ
“เจ้ารอเดี๋ยว” เฉียวเวยเปิดผ้าม่าน ตะโกนเรียกใต้เท้าเจ้าสำนัก “หมิงเยี่ย เจ้ามานี่หน่อยซิ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักเดินย้อนกลับมา เขามองเฉียวเวยแล้วถามว่า “มีอะไร”
เฉียวเวยถามว่า “หนก่อนแม่นางฟู่ให้เจ้าซื้อหงฮวาให้นาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าหงฮวาคือสิ่งใด”
ใต้เท้าเจ้าสำนักตอบ “ก็ดอกไม้อย่างไรเล่า”
เฉียวเวยยิ้ม “มีสมุนไพรชนิดหนึ่งชื่อว่าหงฮวา เจ้ารู้หรือไม่ว่าสมุนไพรชนิดนี้มีไว้ใช้ทำอะไร”
สมองของใต้เท้าเจ้าสำนักนึกถึงกระวานที่ใช้มาทาเล็บสีแดงสดบนมือของเฮ่อหลันชิง แล้วตอบว่า “ใช้…ทาเล็บหรือ”
แพขนตาของฟู่เสวี่ยเยียนกระพือไหว
เฉียวเวยเกือบถูกเขาทำให้โมโหจนหลุดขำ นางลูบคางเอ่ยว่า “หงฮวาไม่ได้ใช้เป็นสีทาเล็บ มันใช้รักษาอาการบาดเจ็บกระตุ้นการไหลเวียนเลือดแล้วก็ใช้ทำแท้ง”
พอพูดเช่นนี้ใต้เท้าเจ้าสำนักก็เข้าใจแล้ว เขาเบิกตาโตหันไปมองฟู่เสวี่ยเยียน “เจ้าบาดเจ็บหรือ!”
ฟู่เสวี่ยเยียน “…”
ฟู่เสวี่ยเยียนลงจากรถม้า ใต้เท้าเจ้าสำนักเดินตามนางพลางถามอย่างร้อนรน “นี่ เจ้าบาดเจ็บได้อย่างไร เจ้าบาดเจ็บตรงไหน พี่ชายสารเลวคนนั้นของเจ้าทำใช่หรือไม่ นี่ นี่! เจ้าอย่าเพิ่งไปสิ…”
ปี้เอ๋อร์ถือห่อสัมภาระเดินเข้ามามองเงาสองร่างที่เดินจากไปแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “ฮูหยิน ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดแม่นางฟู่จึงไม่ยอมให้คุณชายรองทราบว่านางคั้งครรภ์เล่า”
เฉียวเวยยิ้ม “คงเป็นเพราะ…ไม่อยากให้คุณชายรองตระกูลจีของเจ้าได้คืบจะเอาศอกกระมัง”
ตอนนี้ก็ตามตื๊อจะแย่อยู่แล้ว หากรู้ว่าฟู่เสวี่ยเยียนตั้งท้องลูกของเขาอยู่ เกรงว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็คงจะแต่งนางเข้าบ้านให้ได้ แต่เห็นชัดว่าฟู่เสวี่ยเยียนยังไม่ค่อยอยากจะแต่งงาน ไม่ว่าสาเหตุที่นางมาตระกูลจีจะเป็นเพื่อคลอดเด็กออกมาอย่างปลอดภัยราบรื่นหรือเพื่อสาเหตุอื่น แต่ไม่ใช่เพราะหมิงเยี่ยอย่างแน่นอน
ฟู่เสวี่ยเยียนไม่คิดจะเป็นสะใภ้ตระกูลจี นางจึงไม่ไปประจบเอาใจผู้อาวุโสตระกูลจี หลังจากเข้ามาในจวนนางก็เดินตรงไปยังบ้านชิงเหลียนด้วยกันกับใต้เท้าเจ้าสำนัก
บ่าวรับใช้ในบ้านชิงเหลียนเห็นคุณชายรองพาแม่นางผู้งามดั่งเทพธิดากลับมาก็ตะลึงจนตาค้าง
เฉียวเวยให้คนเก็บเรือนเสี่ยวอวี่กับเรือนชิงเฟิงให้เรียบร้อย แบ่งให้ฟู่เสวี่ยเยียนกับอาจารย์ตาฮั่วพัก เรือนสองหลังนี้ล้วนตั้งอยู่ข้างบ้านชิงเหลียน มีเพียงกำแพงผืนหนึ่งกั้นขวาง เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมสะดวกในการดูแลทั้งสองคนมากกว่า
ส่วนตัวตนของพวกเขา ตัวตนของอาจารย์ตาฮั่วไม่ต้องปิดบังอะไร เขาเป็นอาจารย์ของมารดานาง ส่วนฟู่เสวี่ยเยียนคงต้องปิดบังสักเล็กน้อย อย่างแรกมิอาจให้ผู้คนทราบว่านางเป็นคนเยี่ยหลัว ฮ่องเต้ออกคำสั่งประหารชนเผ่าเยี่ยหลัวแล้ว หากทราบว่าพวกเขาพาสตรีเผ่าเยี่ยหลัวนางหนึ่งกลับมาที่ตระกูล ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่น่าจินตนาการ ฟู่เสวี่ยเยียนยังคงเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักซู่ซินจงอยู่ หากคนนอกถามขึ้นมาก็คงทำได้เพียงบอกว่านางมาเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงจึงมาพักที่ตระกูลจีชั่วคราว
เฉียวเวยจัดการที่พักให้อาจารย์ตาฮั่วกับฟู่เสวี่ยเยียนเรียบร้อยก็ไปเยี่ยมเหล่าฮูหยินที่เรือนลั่วเหมย