หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 331-2 กลับเมืองหลวง แขกที่คิดไม่ถึง (2)
ตอนที่ 331-2 กลับเมืองหลวง แขกที่คิดไม่ถึง (2)
จีเหล่าฮูหยินมองหน้าท้องของสวินหลันด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนอยู่บ้าง ตอนแรกที่ได้ยินว่าสวินหลันตั้งท้องเดินทางมาถึงหน้าจวน ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือคิดว่าหนนั้นสวินหลันไม่ได้แท้งโดยสมบูรณ์ สาเหตุที่สงสัยเช่นนี้ก็เพราะองค์หญิงเจาหมิงเคยเกิดเรื่องทำนองนี้มาก่อน ตอนนั้นองค์หญิงเจาหมิงถูกคนร้ายทำร้ายจนแท้งลูกไปหนึ่งคน แต่ในท้องยังเหลืออีกสองคน หากสวินหลันไม่ได้ตั้งท้องบุตรเพียงคนเดียว การที่นางท้องโตมาถึงประตูจวนก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
แต่หากเป็นเด็กเมื่อตอนนั้น ยามนี้ก็สมควรจะถึงเวลาคลอดแล้ว แต่ท้องของสวินหลันเห็นชัดว่ายังอายุครรภ์ไม่ถึง
จีเหล่าฮูหยินไม่รีบร้อนถามเรื่องครรภ์ แต่เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ผู้ใดให้เจ้าออกมาจากสุสานโดยพลการ”
สวินหลันหลุบตาลง
โจวมามารีบตอบว่า “เหล่าฮูหยิน ท่านอย่าโทษฮูหยิน ฮูหยินเองก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่ไร้หนทางแล้วจริงๆ…จึงต้องใช้แผนการนี้!”
“ข้าถามเจ้าหรือ” แววตาของจีเหล่าฮูหยินถมึงทึง!
โจวมามารีบโขกศีรษะเสียงดัง เอ่ยว่า “เหล่าฮูหยิน ถึงท่านจะสังหารบ่าว บ่าวก็ต้องพูดเจ้าค่ะ…ท่านก็ทราบนิสัยของฮูหยิน แต่ไหนแต่ไรต่อให้ถูกตีจนฟันหลุด นางก็มีแต่กลืนลงไปในท้อง นางได้รับความอยุติธรรมเท่าใดไม่เคยปริปากพูด ถูกคนเข้าใจผิดก็ไม่เคยแก้ตัว…แต่หนนี้ไร้หนทางแล้วจริงๆ …เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน แต่เดิมพวกเราคิดจะขอให้นายท่านสามช่วย แต่พวกเราไร้หนทางจะส่งข่าว…”
จีเหล่าฮูหยินขมวดคิ้ว “ขอให้ช่วยอะไร ส่งข่าวอะไรไม่ได้”
โจวมามาเอ่ยอย่างคับแค้น “เรื่องนี้…ต้องเล่าตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน วันนั้นข้าออกไปกวาดสุสานของเหล่าไท่เหยียเป็นเพื่อนฮูหยิน ระหว่างทางกลับไม่ทราบว่ามีโจรกลุ่มหนึ่งมาจากที่ใด จับตัวพวกเราไป…”
จีเหล่าฮูหยินฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะ “เหลวไหล! ทั่วทั้งชิวโจวมีผู้ใดไม่ทราบว่าสุสานตระกูลจีเป็นอาณาเขตของผู้ใด ไหนเลยจะมีโจรกล้าเข้ามาปล้นในสุสานตระกูลจี”
โจวมามาโขกศีรษะซ้ำๆ “บ่าวไม่ได้พูดปดนะเจ้าคะ…หากบ่าวโป้ปดแม้เพียงหนึ่งประโยค ขอให้บ่าวถูกสวรรค์ส่งอสนีบาตมาฟาด ไม่ได้ตายดี!”
นางสาบานเต็มปากเต็มคำ ไม่เหมือนกำลังโกหก จีเหล่าฮูหยินจึงลังเล หรือว่าจะมีโจรขวัญกล้าเทียมฟ้าเข้าไปก่อเรื่องในสุสานตระกูลจีจริงๆ
โจวมามาเห็นสีหน้าของจีเหล่าฮูหยิน ใจก็ทราบว่านางเริ่มจะฟังแล้ว จึงรีบร้อนกล่าวต่อว่า “หลังจากพวกเราถูกจับตัวไป คนพวกนั้นก็ไม่บอกว่าจับพวกเราไปเพราะเหตุใด บ่าวบอกพวกเขาว่าพวกเราเป็นคนของตระกูลจี ตระกูลจีร่ำรวยมาก ขอเพียงพวกเขาส่งพวกเรากลับไป ตระกูลจีจะต้องมอบรางวัลให้พวกเขามากมายแน่นอน แต่พวกเขาเหมือนจะไม่เชื่อ พยายามจะพาพวกเราเร่งรีบเดินทาง ไม่ทราบว่าจะพาพวกเราไปที่ใด…มีคืนหนึ่งพวกเขาดื่มกันมากเกินไป ฮูหยินกับบ่าวจึงสบโอกาสหนีออกมาได้…พอหนีออกมาพวกเราก็ไม่กล้าเดินทางกลับเพราะกลัวว่าจะพบกับโจรกลุ่มนั้นอีก…ด้วยเหตุนี้จึงจำนำของมีค่าที่มีติดตัวทั้งหมดจ้างรถม้าคันหนึ่งเดินทางรอนแรมมายังเมืองหลวง”
คิ้วของจีเหล่าฮูหยินขมวดจนหน้าผากมีรอยย่นสามเส้น หรงมามาก้มตัวลงมากระซิบริมหูนางเบาๆ สองสามประโยค จีเหล่าฮูหยินก็แววตาวูบไหวถามว่า “เรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์เหตุใดจึงปิดบังเจ้าสาม”
สวินหลันตอบว่า “ข้าอยากให้กำเนิดเขา ข้ากลัวว่าพวกท่านจะไม่ยอมให้ข้าคลอดเขาออกมา”
“ตั้งครรภ์เมื่อใด” จีเหล่าฮูหยินถามา
สวินหลันตอบว่า “ต้นเดือนสอง”
นั่นไม่ใช่…ช่วงที่เจ้าลูกชายเดินทางไปจวนเก่าตระกูลจีหรือ
จีเหล่าฮูหยินรู้สึกเหมือนจะวูบ นางให้หรงมามาพาสวินหลันกับบ่าวรับใช้ออกไปแล้วให้ตงเหมยเรียกจีซั่งชิงมา
จีซั่งชิงเหมือนจะเดาได้ว่าเหล่าฮูหยินเรียกเขามาเพราะเรื่องใด ดังนั้นตั้งแต่ชั่วขณะที่ก้าวเข้าประตูมาเขาจึงทำสีหน้าสงบเสงี่ยม
หลี่ซื่อกับเฉียวเวยนั่งอยู่นอกห้อง เฉียวเวยจิบชาอย่างสงบ หลี่ซื่อแอบแนบหูกับผ้าม่าน นางได้ยินจีเหล่าฮูหยินฟาดฝ่ามือลงกับโต๊ะ “จีซั่งชิงเจ้าอธิบายมาให้ข้าฟังชัดๆ! นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าไม่ได้ไปสืบเรื่องที่สุสานของหมิงเยี่ยถูกปล้นหรอกหรือ เหตุใดจึงไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีก”
หลี่ซื่อหลิ่วตาให้เฉียวเวย เหล่าไท่ไท่โมโหแล้ว!
เฉียวเวยยิ้มจางๆ จะไม่โมโหได้หรือ เหล่าไท่ไท่เป็นคนไล่สวินหลันออกไปเอง เหล่าไท่ไท่เข้าใจว่าตัดสายสัมพันธ์ของทั้งสองคนสำเร็จแล้ว แต่พ่อสามีกลับยังกล้าไปข้องแวะกับสวินหลันอีก เรื่องนี้จะให้เหล่าไท่ไท่เอาหน้าไปไว้ที่ไหนเล่า
จีซั่งชิงก้มหน้าลง “ลูกไม่ดีเองขอรับ เชิญท่านแม่ลงโทษ”
จีเหล่าฮูหยินยกมือชี้เขา นิ้วมือสั่นระริกตอบว่า “จีซั่งชิงเจ้าอย่าคิดว่าเจ้ากล่าวขออภัยประโยคเดียวแล้วจะจบเรื่อง! ข้าขอบอกเจ้า! เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ! ข้าไม่ให้นางเข้ามาในตระกูลจี! ข้าจะไม่ให้นางวิ่งมาทำร้ายเจ้าอีก!”
จีซั่งชิงตอบว่า “ท่านแม่ นางไม่ได้วางยาข้า ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
จีเหล่าฮูหยินขว้างถ้วยน้ำชา “เจ้ายังจะเชื่อนางอีก!”
สวินหลันไม่ได้วางยาพิษจีซั่งชิงจริงๆ หมิงซิวต่างหากที่เป็นคนทำ ลูกชายร่วมสายเลือดวางยาพิษบิดาเพื่อขับไล่ผู้หญิงของบิดา แล้วยัง ‘ทำร้าย’ แม่เลี้ยงจนแท้งอีก หัวใจของจีซั่งชิง…คงจะรู้สึกผิดต่อสวินหลันอยู่บ้างกระมัง
ความรู้สึกผิดนี้เร่งเร้าให้เขาแวะไปเยี่ยมสวินหลันระหว่างเดินทางไปที่ดินศักดินา เมื่อเห็นว่าสวินหลันมีชีวิตน่าเวทนาถึงเพียงนั้น หัวใจก็ทนไม่ได้…
เฮ้อ บุรุษหนอบุรุษ!
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าไปที่ดินศักดินาหาข่าว แม้แต่ปีใหม่ก็ยังไม่ยอมกลับมาบ้าน ข้าก็คิดว่าเจ้าไปสืบหาข่าวจริงๆ!”
จีซั่งชิงตอบว่า “ข้าไปสืบหาข่าวจริงๆ…”
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยขัดเขา “ข้าว่าเจ้าไปสืบหาถึงบนเตียงของนางล่ะสิไม่ว่า! เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักจำเช่นนี้ นางมีอะไรดี เจ้าถึงได้คิดถึงนางไม่ลืมเลือนเช่นนี้”
“ไม่ใช่นะขอรับ ลูกไม่ได้…” จีซั่งชิงก็ไม่รู้ว่าสมควรจะอธิบายอย่างไร “ตอนนั้นลูก…”
“ตอนนั้นเป็นอย่างไร” จีเหล่าฮูหยินถามเสียงเข้ม
จีซั่งชิงสีหน้าสับสน คล้ายอยากพูดแต่ก็ไม่รู้จะเล่าจากที่ใดดี “ไม่จำเป็นต้องเล่าหรอกขอรับ! ล้วนเป็นความผิดของลูกเอง ท่านแม่อย่าโมโหเลย หากโมโหร่างกายจะแย่เอา…”
จีเหล่าฮูหยินโทสะพลุ่งพล่านยากจะระงับ “เจ้ารู้จักกลัวว่าข้าจะโมโหจนร่างกายย่ำแย่ด้วยหรือ หากเจ้ากลัวว่าข้าจะโมโหจนร่างกายแย่ลงจริงก็อย่าทำเรื่องที่ข้าต้องโมโหสิ!”
จีซั่งชิงทำหน้าลำบากใจ
“เจ้าคิดจะทำอย่างไร” จีเหล่าฮูหยินถาม
จีซั่งชิงตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด “แล้วแต่ท่านแม่ขอรับ”
หากจีซั่งชิงกล้าพูดสักคำว่าขอให้สวินหลันอยู่ จีเหล่าฮูหยินอาจจะให้คนไล่ตะเพิดสวินหลันออกไปทันที แต่เขากลับทำท่าทางว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ เหล่าฮูหยินจึงไม่สะดวกจใจจะเหยียบสวินหลันให้ตาย จีเหล่าฮูหยินตอบว่า “อย่าว่าแม่คนนี้อย่างข้าไร้เมตตาเลย สตรีนางนี้ ข้าไม่มีวันยอมตกลงให้นางแต่งเข้าตระกูลจีมาอีกหน ต่อให้เจ้าจะรับเป็นอนุภรรยาก็ไม่ได้! แต่นางอุ้มท้องเลือดเนื้อของเจ้าอยู่จริง ถ้าเช่นนั้นก็ให้นางคลอดเด็กที่ตระกูลจี หลังจากคลอดแล้วก็ส่งกลับไปสุสานตระกูลจี ชั่วชีวิตนี้เจ้าอย่าคิดจะไปหานางอีก!”
จีซั่งชิงก้มหน้า “ขอรับ…ลูกเข้าใจแล้ว”
จีเหล่าฮูหยินเห็นท่าทีว่านอนสอนง่ายของเขา ความโกรธในหัวใจก็ลดทอนลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “เจ้าออกไปเถิด ข้าจะจัดเรือนแยกไว้ให้นาง เจ้าห้ามไปหานางอีก ได้ยินหรือไม่”
จีซั่งชิงตอบว่า “ลูกได้ยินแล้วขอรับ”
จีเหล่าฮูหยินโบกมือ จีซั่งชิงประสานมือคำนับตามธรรมเนียมจากนั้นจึงหมุนตัวเปิดม่านเดินออกไป
หลี่ซื่อรีบกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตนเอง คว้าเมล็ดแตงที่เฉียวเวยแทะไปแล้วขึ้นมาขบ ยัดเข้าปากเป็นพัลวัน พอยัดเข้าไปก็ถ่มออกมาดังถุย!
จีซั่งชิงเหลือบมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง
เฉียวเวยลุกขึ้นคำนับ
หลี่ซื่อกระอักกระอ่วน
จีซั่งชิงไม่พูดอะไร เขาเดินออกไปพร้อมกับสีหน้าเคร่งขรึม
ในที่สุดสวินหลันก็ได้อยู่ที่จวนต่อ จีเหล่าฮูหยินกลัวว่านางจะวิ่งไปล่อลวงบุตรชายของตนเองอีกจึงหาเรือนที่อยู่ห่างจากเรือนถงเป็นเป็นหมื่นเป็นพันลี้ให้นาง เรือนแห่งนั้นอยู่ห่างจากบ้านชิงเหลียนไม่ไกลนัก
ซิ่วฉินประคองฟู่เสวี่ยเยียนมาเดินเล่นข้างนอก พอเงยหน้าขึ้นเห็นคนกลุ่มหนึ่งยกสัมภาระเดินมายังเรือนแห่งนั้น ซิ่วฉินก็ถามว่า “มีคนจะย้ายเข้ามาอีกแล้วหรือ”
ฟู่เสวี่ยเยียนตอบเบาๆ “ไม่รู้สิ”