หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 482-2 พลังทำลายล้างของราชันอสูร (1)
ตอนที่ 482-2 พลังทำลายล้างของราชันอสูร (1)
ภายในห้องที่แสงตะเกียงราวกับเม็ดถั่ว แม่ทัพน้อยมู่อาศัยแสงไฟอันน้อยนิด เปลี่ยนเสื้อผ้าสกปรกๆ ด้วยความทุลักทุเล แขนขวาของเขาขยับไม่ค่อยได้ จำต้องอาศัยเพียงแขนซ้ายข้างเดียวพยายามเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่หนึ่งเค่อ ถึงได้เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าสะอาดได้ในที่สุด
เรื่องที่ธรรมดาสุดแสนจะธรรมดา แต่เขากลับเหงื่อแตกเต็มหน้าไปหมด
พอทำเสร็จสภาพเขาก็คล้ายคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง ทิ้งตัวนั่งลงกับฟูกอ่อนนุ่มบนเตียงทันที
เตียงหลังนี้เดิมทีไม่ได้อ่อนนุ่มเพียงนี้ เป็นสตรีนางนั้นที่ช่วยปูนุ่นให้ชั้นแล้วชั้นเล่า ถึงได้นุ่มเสียจนน่าอัศจรรย์
ผ้าปูเตียงยังคล้ายมีกลิ่นหอมจากตัวนางเจืออยู่ แค่เพียงหลับตา ในหัวก็มีแต่ภาพที่นางช่วยเก็บกวาดห้องนี้ให้
ความอบอุ่นเดียวในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ คล้ายได้กลิ่นของความเป็นบ้าน
แต่แล้วจู่ๆ ต้าไป๋ที่นอนอยู่บนหมอนก็สะดุ้งตื่น มันหันไปมองทางประตูด้วยความระแวดระวัง
แม่ทัพน้อยมู่หันไปมองมัน “มีอะไรหรือ ต้าไป๋”
ต้าไป๋กระโดดลงพื้น กระโจนออกไปทางหน้าต่างที่ปิดอยู่ครึ่งบาน มันแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บคมกริบขึ้น เรียกพลังทั้งตัวออกมาเตรียมพร้อม ในขณะที่มันกำลังจะโจมตีหมายเอาชีวิตคนบนรถม้านั้น ก็ได้ยินเสียงดังตึงพร้อมกับตัวมันที่หล่นกระแทกพื้น
แม่ทัพน้อยมู่รับรู้ได้ถึงรัศมีสุดแสนอันตรายนั้น เขาดึงดาบยาวบนโต๊ะขึ้นมา ใช้ขาถีบเปิดประตูแล้วก็ได้เห็นเขาใครคนหนึ่ง เขาเงื้อดาบจะฟันลงไป ตอนฟันลงไปได้ครึ่งทาง อีกฝ่ายก็เอ่ยน้ำเสียงเรียบเรื่อยว่า “ข้าเอง”
แม่ทัพน้อยมู่อึ้งไป เพ่งสายตามองหน้าอีกฝ่าย สายตาครึ้มลงเล็กน้อย “เหตุใดจึงเป็นเจ้า”
จีหมิงซิวเหลือบมองต้าไป๋ที่ถูกแรงกดดันจากราชันอสูรทับตัวไปจนไม่อาจขยับตัวแล้วเอ่ยกับแม่ทัพน้อยมู่ว่า “สะดวกเชิญข้าเข้าไปจิบชาหรือไม่”
“ไม่สะดวก” แม่ทัพน้อยมู่ตอบตามตรง
จีหมิงซิวกลับเข้าไปเองโดยไม่ต้องเชื้อเชิญ เขาเปิดประตู เดินเข้าไปในห้องทันที
ครั้งก่อนที่เฉียวเวยมาก็เช่นนี้ สองคนนี้สมกับคำว่าไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันไม่เข้าประตูเดียวกันจริงๆ ทำอะไรล้วนเหมือนกันไปหมด
แม่ทัพน้อยมู่มองอีกฝ่ายด้วยความจนใจและหงุดหงิด เขาเหลือบสายตาไปมองรถม้าสีดำทะมึนบนถนน บนรถม้ามียอดฝีมือนั่งอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็คือคนที่ใช้พลังจับกดต้าไป๋ไว้กับพื้น
ความสามารถของต้าไป๋ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านักรบมรณะดาบยาว คนที่สามารถใช้พลังจับมันกดไว้ได้ในหนึ่งกระบวนท่าเช่นนี้…คือผู้ใดกันแน่
แม่ทัพน้อยมู่ก้มลงไปอุ้มต้าไป๋ขึ้นมา ต้าไป๋พอได้รับอิสระก็ขวัญกระเจิงจนตัวอวบอ้วนของมันสั่นสะท้าน
ต้าไป๋ไม่เคยหวาดกลัวผู้ใดมาก่อน
แม่ทัพน้อยมู่เหลือบมองไปที่รถม้าอีกครั้ง
“น้ำชาข้าต้มไว้เสร็จแล้ว จะไม่เข้ามาดื่มสักถ้วยจริงๆ หรือ” น้ำเสียงสบายๆ ของจีหมิงซิวดังมาจากในห้อง
แม่ทัพน้อยมู่อุ้มต้าไป๋เดินเข้าไป
จีหมิงซิวต้มชาเอาไว้สองถ้วยแล้วจริงๆ เขาส่งถ้วยหนึ่งให้แม่ทัพน้อยมู่ “ห้องนี้ของเจ้าติดจะเย็นอยู่บ้าง ดื่มชาให้ร่างกายอบอุ่นเสียก่อน”
“เจ้ามาทำอะไร” แม่ทัพน้อยมู่ถาม
จีหมิงซิวตอบกลั้วหัวเราะ “นอนไม่หลับ ออกมาเดินเล่นแล้วเผอิญเดินมาถึงบ้านเจ้า แม่ทัพน้อยมู่คงไม่ถือสากระมัง”
“ข้าถือสาหรือไม่เจ้าก็เข้ามาแล้วมิใช่หรือ” แม่ทัพน้อยมู่พูดพลางเอาต้าไป๋วางลงบนเตียง ต้าไป๋กำลังขวัญผวา จับเสื้อเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาเลยจำต้องอุ้มต้าไป๋นั่งลง
จีหมิงซิวระบายยิ้ม เลื่อนถ้วยน้ำชาเข้าไปให้เขา “ข้าไม่ชงชาให้ผู้ใดง่ายๆ นะ”
“เช่นนั้นข้าไม่โชคดีไปอีกสามชาติเลยหรือ” แม่ทัพน้อยมู่เอ่ยเสียงเย็น
จีหมิงซิวเคยถูกเหล่าผู้ตรวจการยั่วโมโหมานักต่อนัก คำพูดประชดประชันของแม่ทัพน้อยมู่นั้นหากเทียบกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าผู้ตรวจการแล้วแทบไม่ต่างอะไรกับการจั๊กจี๋ จีหมิงซิวไม่นึกโกรธสักนิด กลับกันยังออกจะได้ใจเสียอีก “ปกติเสี่ยวเวยเป็นคนชงให้ข้า”
แม่ทัพน้อยมู่โมโหจนหน้าอกกระเพื่อม “อัครเสนาบดีมาหาข้าดึกดื่นเช่นนี้ เพื่อมาแสดงความรักให้ข้าดูหรือ”
จีหมิงซิวถอนหายใจทีหนึ่ง “หาไม่ก็คงไม่มีผู้ใดให้ข้าแสดงให้ดูแล้ว ข้าจะบอกให้นะ เสี่ยวเวยชงชาหลงจิ่งเก่งที่สุดแล้ว ชาหลงจิ่งที่นางชงน่ะ…”
“อัครเสนาบดี!” แม่ทัพน้อยมู่ตบโต๊ะทันที “เจ้ามีอะไรก็ว่ามา อย่าได้เอ่ยอะไรไร้สาระเช่นนี้!”
ใต้เท้าอัครเสนาบดีถูกเข้าใจผิดเสียแล้ว เขาอยากหาคนพูดคุยเรื่องของเฉียวเวยจริงๆ นี่ แต่ในเยี่ยหลัว คนที่สนใจเรื่องของเฉียวเวยมีไม่มาก เขาถึงได้คิดจะมาหาแม่ทัพน้อยมู่อย่างไรเล่า
แม่ทัพน้อยมู่จิบชาด้วยความไม่สบอารมณ์ ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่ชาที่อัครเสนาบดีชงนั้นรสชาติดีเลิศจริงๆ เขาข่มความอยากกระดกดื่มรวดเดียวให้หมดเอาไว้ เอ่ยอย่างไร้อารมณ์ว่า “อัครเสนาบดีหากไม่มีเรื่องอะไรก็เชิญกลับไปเสียเถิด ข้าจะพักผ่อนแล้ว”
“เอาเถิด เช่นนั้นก็พูดธุระสักหน่อยแล้วกัน” จีหมิงซิวหน้าตาไม่ติดใจ “ใครในครอบครัวเจ้าที่หายไปหรือ เจ้าอย่าได้ปฏิเสธ วันนั้นข้าเห็นหมดแล้ว เจ้ากำลังตามหาใครสักคนอยู่ในหมู่บ้าน”
แม่ทัพน้อยมู่สะบัดหน้าหนี “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย”
จีหมิงซิวบอกว่า “หมู่บ้านแห่งนั้นเป็นถิ่นฐานของฮองเฮาเยี่ยหลัว คนในตระกูลเจ้าถูกนางจับไปทำอะไร จับไปฝึกเป็นนักรบมรณะหรือฝึกเป็นยาพิษมนุษย์กันแน่ หากฝึกเป็นนักรบมรณะล่ะก็ เจ้าไปตามหาผิดที่แล้ว แต่หากฝึกเป็นยาพิษมนุษย์… เจ้าตามหาในหมู่บ้านไม่พบ ก็ควรเปลี่ยนไปหาที่อื่นได้แล้ว”
แม่ทัพน้อยมู่หลุบตาลง กำถ้วยในมือแน่น
สายตาจีหมิงซิวพลันเกร็ง เพ่งมองใบหน้าอีกฝ่าย “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งนั้นใช่หรือไม่ เจ้ารู้ความลับของเมืองเหนือยอดเมฆ”
แม่ทัพน้อยมู่ทะลึ่งตัวยืนทันที “เจ้าควรไปได้แล้ว”
จีหมิงซิวเอนหลังพิงพนัก มองอีกฝ่ายอย่างมีนัยยะลึกซึ้ง “เจ้ารู้จริงๆ เสียด้วย”
แม่ทัพน้อยมู่กำหมัดแน่น อุ้มต้าไป๋เดินไปที่เตียง หันหลังให้จีหมิงซิวขณะเอ่ยว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร”
“แม่ทัพน้อยมู่…” จีหมิงซิวยังคิดจะหว่านล้อมอะไรอีก แต่แล้วจู่ๆ ด้านนอกลานก็มีเสียงร้องของไห่สือซานดังขึ้น “เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเจ้าบ้าไปแล้ว!”
จีหมิงซิวพลันชะงัก รีบเดินออกไป
แม่ทัพน้อยมู่ขมวดคิ้ว หมุนตัวเดินตามออกไปอีกคน
จึงเห็นว่าบนถนนที่เย็นจัด เยี่ยนเฟยเจวี๋ยคล้ายคลุ้มคลั่ง สองตาแดงก่ำ แยกเขี้ยวกางเล็บ วิ่งไล่งับไห่สือซานอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไห่สือซานวรยุทธ์สู้เขาไม่ได้และไม่กล้าทำร้ายเขาจริงๆ เขาไม่ได้ชักกระบี่ เอาแต่หลบซ้ายหลบขวา ไหนเลยจะรู้ว่าไม่เท่าไรก็ถูกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกระโจนใส่จนล้มลงเสียแล้ว
ไห่สือซานใช้หัวยันท้องเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้ สองมือจับมือเยี่ยนเฟยเจวี๋ย ป้องกันเขาไม่ให้กัดหรือข่วน แต่แรงเขาน้อยเกินไป อย่างน้อยสำหรับยอดฝีมือเช่นเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็นับว่าไม่อยู่ในสายตา เยี่ยนเฟยเจวี๋ยค่อยๆ กดมือของเขาลง
“เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเจ้าเป็นบ้าอะไรเนี่ย ข้าคือไห่สือซานอย่างไร!”
“เยี่ยนเฟยเจวี๋ย!”
“เยี่ยนเฟยเจวี๋ย!”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยเจ้ามีสติหน่อย!”
แม่ทัพน้อยมู่ขมวดคิ้ว “เขาถูกคนในหมู่บ้านกัดมาหรือ”
จีหมิงซิวเพ่งมอง “ถูกกัดแล้ว แต่ก็กินยาเข้าไปแล้ว หายดีแล้วด้วย”
แม่ทัพน้อยมู่ส่ายหน้า “ไม่มีประโยขน์ พิษตัวนั้นไม่อาจแก้ได้”
พอพูดจบ เงาดำเงาหนึ่งก็ทะยานออกมาจากรถม้า คว้าแขนเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้แล้วจับเขาโยนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง!
จากนั้นฝ่ามือเขาก็พุ่งแหวกอากาศเข้าใส่ศีรษะของเยี่ยนเฟยเจวี๋ย ไอสีดำลอยออกจากศีรษะของเยี่ยนเฟยเจวี๋ย แล้วถูกเขาดูดเข้าไปจนหมด
ตอนไอสีดำหายไปหมดแล้ว เขาคลายมือออก เยี่ยนเฟยเจวี๋ยสลบลงกับพื้นอย่างหมดแรง
จีหมิงซิวกับแม่ทัพน้อยมู่เดินเข้าไป จีหมิงซิวจับไห่สือซานให้ลุกขึ้นมา “บาดเจ็บหรือไม่”
ไห่สือซานส่ายหน้าอย่างเสียขวัญ “ไม่ขอรับ” เขาพูดพลางหันไปหาราชันอสูรที่เข้ามาช่วยไว้ได้ทันกาล ประสานหมัดทำความเคารพพร้อมเอ่ยว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งแล้ว”
ราชันอสูรสะบัดตูดใส่เขา!
เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำเรียกขานนี้ จึงเดินหน้าบึ้งขึ้นรถไป
แม่ทัพน้อยมู่แหวกเสื้อผ้าของเยี่ยนเฟยเจวี๋ยออก มองตรงหน้าอกเขาแล้วเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เขา…หายแล้วจริงๆ…”
“แม่ทัพน้อยมู่หมายความเช่นไร” จีหมิงซิวเดินเข้าไป
แม่ทัพน้อยมู่บอกว่า “คนที่ถูกมนุษย์พิษกัดเข้า ตัวเขาเองจะกลายเป็นมนุษย์พิษด้วย หลังจากกินยาแก้พิษเข้าไปแล้ว บาดแผลจะหายดี แต่รอยพิษตรงหน้าอกส่วนนี้กลับไม่อาจหายไปได้ อย่างเร็วหนึ่งวัน อย่างช้าไม่เกินสามวัน เขาจะกลายเป็นเช่นเดียวกับคนพวกนั้น”
ไห่สือซานเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด “พวกเขาไม่ได้ตรวจดูที่หน้าอกเขาเลย ยังคิดว่าเขา… เพียงแต่เวลานี้เขาหายดีแล้วจริงๆ หรือ”
แม่ทัพน้อยมู่เอ่ยด้วยความตกใจ “หายแล้วจริงๆ”
พูดจบเขาก็หันไปมองทางรถม้า สายตามีแววบางอย่างแวบผ่าน
**********************