หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 58 เขาเป็นลูกชายของข้า
ตอนที่ 58 เขาเป็นลูกชายของข้า
สือชีหิ้วจิ่งอวิ๋นเข้าไปในบ้าน
ในใจจิ่งอวิ๋นรู้สึกไม่ยุติธรรม เหตุใดเวลาเป็นน้องสาวถึงอุ้ม แต่พอเป็นเขากลับหิ้ว
เขาไม่ใช่ลูกเจี๊ยบนะ!
ฮือๆ พี่สือชีลำเอียงเกินไปแล้ว!
แต่ความลำเอียงยิ่งกว่าตามมาทีหลัง พอสือชีเข้ามาในห้องโถง เขาไม่กอดจิ่งอวิ๋นด้วยความรัก และไม่วางจิ่งอวิ๋นลงอย่างนุ่มนวล แต่กลับโยนจิ่งอวิ๋นเข้าไปในห้องที่ถูกม่านกั้นไว้
จิ่งอวิ๋น “…”
ทว่าความเจ็บปวดที่คิดว่าจะเกิดขึ้นกลับไม่มาเยือน เขาหล่นตุ้บลงบนตักของคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ มือขวาถือตำราหนึ่งเล่ม ใบหน้าก้มลงมามองเขาอย่างแปลกใจ ประหนึ่งไม่รู้ว่าเขาจะร่วงลงมา
จีหมิงซิวมองดูเจ้าตัวเล็กที่จู่ๆ โผล่มาในอ้อมแขน เขาเลิกคิ้ว “ที่แท้ก็คนคุ้นเคยนี่เอง”
“เอ๊ะ” จิ่งอวิ๋นได้ยินก็ตกตะลึง ก่อนจะนึกออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาเขาเป็นประกายทันที “ท่านลุงหมิงหรือ”
จีหมิงซิวมองปราดเดียวก็เห็นรอยขาดบนกางเกงตอนเขาล้ม มือข้างหนึ่งโอบเขาขึ้นมานั่งบนตักของตนดีๆ ส่วนมืออีกข้างม้วนขากางเกงด้านขวาขึ้นอย่างช้าๆ “มีแผลด้วย เจ็บหรือไม่”
จิ่งอวิ๋นรู้สึกว่าเขาควรส่ายศีรษะ บาดแผลเล็กน้อยเท่านี้นับเป็นอันใด ในฐานะบุรุษคนเดียวของครอบครัว เขาเป็นคนเข้มแข็งอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้เหตุใดเมื่อในอ้อมแขนของลุงหมิง เขาไม่อยากทำเช่นนั้น เขาพยักหน้าดั่งเทพยดาดลใจ
จีหมิงซิวอุ้มเขามาวางบนเตียงเตา ท่วงท่ายามเคลื่อนไหวนุ่มนวลนัก จากนั้นหันกลับไปหยิบยาจากตู้ยา ขวดหนึ่งเป็นยาน้ำ อีกขวดเป็นยาขี้ผึ้ง
ลุงหมิงใจดีนัก เขาอ่อนโยนกว่าพี่สือชีมาก ขนาดท่านแม่ยังไม่อ่อนโยนเช่นนี้ ท่านแม่อาบน้ำให้เขาและน้องสาวครั้งใด ต้องขัดถูร่างกายจนพวกเขาร้องลั่น
จีหมิงซิวแต้มยาบนผ้าพันแผล ทำความสะอาดบาดแผลบนเข่าของจิ่งอวิ๋นอย่างระมัดระวัง สือชีบาดเจ็บบ่อยครั้ง จีหมิงซิวจึงคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ จิ่งอวิ๋นไม่ทันเจ็บปวดมากนัก บาดแผลก็สะอาด ยาก็ใส่เสร็จเรียบร้อย
จิ่งอวิ๋นกระโดดลงบนพื้น “ขอบคุณขอรับ ท่านลุงหมิง!”
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กที่โตมากับความลำบาก ย่อมต่างจากเด็กที่ถูกเลี้ยงตามใจในตระกูลใหญ่ เด็กพวกนั้นหากยังเจ็บอยู่คงล้มตัวลงดิ้นกับพื้นแล้ว
จีหมิงซิวมองเขาแล้วถามว่า “เหตุใดคนผู้นั้นจึงไล่ล่าเจ้า”
จิ่งอวิ๋นขมวดคิ้วตอบ “ข้าก็ไม่ทราบ ข้าตื่นขึ้นมาก็เห็นพวกเขาอยู่ในเรือนแล้ว เขาสู้ท่านแม่ของข้าไม่ได้จึงจับตัวข้ามา”
จีหมิงซิวแววตาไหววูบ “ยังมีผู้อื่นอีกหรือไม่”
จิ่งอวิ๋นส่ายหน้า “ไม่มีแล้วขอรับ”
อู๋ต้าจินผู้ถูกเสี่ยวไป๋จัดการจนหมอบถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง…
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด กล้ามัดข้าหรือ จงปล่อยข้าเสียก่อนที่ข้าจะโกรธ! มิเช่นนั้นเจ้าจะรับผลที่ตามมาไม่ไหว!”
นอกบ้านมีเสียงร้องโวยวายของบุรุษชุดดำ
จิ่งอวิ๋นกะพริบตามองจีหมิงซิว จีหมิงซิวลุกขึ้นและเดินออกไป
บุรุษชุดดำถูกสือชีจับผูกเชือกห้อยไว้บนต้นไม้ ระหว่างทางที่หนีมา เขาถอดชุดพรางตัวสีดำออกแล้ว เวลานี้เขากำลังสวมชุดองครักษ์ของตนเอง
จีหมิงซิวมองเขา แล้วเอ่ยอย่างเฉยชา “คนของชิงอีเว่ยหรือ”
เสียงนี้ช่างคุ้นเคย!
บุรุษชุดดำหันไปมองอีกฝ่าย แม้จะเห็นกลับหัว แต่เขาก็จดจำหน้ากากหยกเหมันต์อันเป็นเอกลักษณ์ได้ เสนาบดีผู้กุมอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ต้าเหลียง จีหมิงซิว!
เป็นไปได้เช่นไร
อัครมหาเสนาบดีแห่งราชสำนักจะมาอยู่กระท่อมไม่สะดุดตาในป่าลึกบนเขาหลังนี้ได้เช่นไร!
ไม่ สิ่งควรถามก็คืออัครมหาเสนาบดีมาทำสิ่งใดในที่แบบนี้ตอนกลางดึก
และหากคนผู้นี้คือจีหมิงซิว ชายหนุ่มที่เพิ่งเตะตัวเองจนปลิวก็คือ…
สือชี เด็กคนเดียวที่รอดมาจากค่ายมรณะแห่งนั้นน่ะหรือ
ไม่แปลกใจที่ตนเองพ่ายแพ้เขา ทั้งใต้หล้าไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อกรของสือชี
ในที่สุดบุรุษชุดดำก็ตระหนักว่าเขาเตะเจอแผ่นเหล็ก รีบกล่าวขออภัยทันที “ข้ามิทราบว่าใต้เท้าอยู่ที่นี่ ข้ามารบกวนความสงบของท่าน ใต้เท้าโปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“เจ้าคิดว่าข้าจะให้อภัยเจ้าหรือ” จีหมิงซิวถาม
บุรุษชุดดำเข้าใจดี อีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้มิใช่เพราะเขาไล่ล่าเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง แต่เพราะเขาอาจล่วงรู้ความลับที่เขาไม่สมควรรู้ หากรู้แต่แรก เขาคงไม่ไล่ตามเด็กคนนั้นมา เขานึกเสียใจจริงๆ
เขาพยายามหาทางรอด “ผู้น้อยเพียงไล่ตามเด็กคนหนึ่งมาเท่านั้น ใต้เท้ามาทำสิ่งใดที่นี่ ผู้น้อยไม่ทราบทั้งสิ้น หวังว่าใต้เท้าจะเห็นแก่ไมตรีที่มีกับท่านอ๋องของข้า ปล่อยผู้น้อยไปสักครั้ง”
จีหมิงซิวเอ่ยอย่างไม่ไยดี “ข้ามีไมตรีกับท่านอ๋องเจ้าด้วยหรือ เมื่อใดกัน”
บุรุษชุดดำสะอึก
ยิ่นอ๋องกับอัครมหาเสนาบดีเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก นับว่าเป็นพี่น้องที่เคยเล่นหัวกันมา ทว่าตั้งแต่เกิดเรื่องจวนเอินปั๋ว ทั้งสองก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
เขาช่างโง่จริงๆ เหตุผลมีมากมายไม่พูดแต่ดันไปเอ่ยถึงเรื่องนั้น!
จีหมิงซิวหันหลังกลับเข้าไปในกระท่อม
เดิมทีจิ่งอวิ๋นกำลังเกาะขอบหน้าต่างแอบมองอยู่ แต่มองอยู่นานก็ไม่เห็นอะไร จึงผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น
ร่างเล็กฟุบอยู่บนขอบหน้าต่างครึ่งตัว แก้มข้างหนึ่งถูกดันออกมาเป็นลูก ปากเล็กๆ เผยอเล็กน้อย มีน้ำลายไหลออกมา ดูไร้เดียงสาและซื่อบื้อกว่าสีหน้าเคร่งขรึมดั่งผู้ใหญ่ตัวน้อยในยามปกติมาก
จีหมิงซิวก้าวเข้าไปอุ้มเขาขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล แล้วห่อตัวเขาด้วยผ้าคลุม
เวลานี้เองแผ่นไม้กระดานก็ส่งเสียงดังกุกกักแล้วเปิดออกเป็นช่อง มีคนปีนออกมาจากช่องที่ว่า เขาเป็นชายสูงอายุวัยห้าสิบกว่าปี
เขาคำนับจีหมิงซิว “นายท่าน”
จีหมิงซิวพยักหน้าให้เล็กน้อย “ลุงจง”
จ้าวจงขมวดคิ้ว “เหตุใดคนของยิ่นอ๋องจึงมาที่นี่ได้ ข่าวของเรารั่วหรือ”
จีหมิงซิวส่ายศีรษะ “เขาบังเอิญมาพบเพราะไล่ตามเด็กมา”
จ้าวจงก้มลงพินิจเด็กที่กำลังหลับผู้นั้น เสื้อผ้าของเขาเหมือนเสื้อผ้าของคนชนบททั่วไป แต่ใบหน้าของเขางดงามยิ่งนัก แล้วก็เหมือนจะ…ละม้ายคล้ายใครคนหนึ่ง
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันควัน “เด็กคนนี้ เหตุใดจึงเหมือนเช่นนี้…”
“เจ้าก็คิดว่าเหมือนหรือ” จีหมิงซิวเอ่ยขัดเขา
จ้าวจงพยักหน้าอย่างหวาดหวั่น “เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของยิ่นอ๋องหรือขอรับ”
จีหมิงซิวอุ้มจิ่งอวิ๋น ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าไม่รู้”
จ้าวจงประสานหมัด “นายท่าน เด็กคนนี้เก็บไว้ไม่ได้นะขอรับ!”
“เหตุใด”
จ้าวจงมองจิ่งอวิ๋นผู้ตกอยู่ในห้วงนิทรา “ข้าได้ยินมาว่ายิ่นอ๋องเป็นบุรุษเจ้าสำราญ แล้วเขายังหน้าตาเหมือนยิ่นอ๋องเช่นนี้ มีโอกาสเก้าในสิบส่วนที่จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของยิ่นอ๋องที่เกิดกับหญิงชาวบ้าน หากอนาคตเขามีโอกาสรู้จักยิ่นอ๋อง แล้วเปิดเผยที่ตั้งกระท่อมให้ยิ่นอ๋องรู้ พวกเราย่อมถูกเปิดโปง! ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ รีบกำจัดเขาเสีย! ไม่ให้เป็นภัยภายภาคหน้า!
“หน้าตาเหมือนผู้ใด ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้นั้นหรือ” จีหมิงซิวยิ้มหยอกล้อ “ถ้าเช่นนั้นเขาอาจเป็นลูกของข้าก็ได้”
พูดจบก็ถอดหน้ากาก “เหมือนหรือไม่”
“นายท่าน!” จ้าวจงร้อนใจ รีบแย่งหน้ากากมาสวมให้เขา “นี่มันเวลาใดแล้ว เหตุใดท่านยังมีอารมณ์พูดเล่นอีก”
เขาเห็นนายน้อยมาตั้งแต่เล็กจนโต มีหรือจะไม่รู้จักนิสัยของเขา คนเช่นนายท่านจะไปทำตัวเหลวไหลข้างนอกได้เช่นไรเล่า
จีหมิงซิวพูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด “ข้ามิได้ล้อเล่น ข้าอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ลุงจงคงไม่คิดว่าข้ามิเคยแตะต้องสตรีข้างนอกกระมัง”
“เรื่องนี้…” จ้าวจงสะอึก
จีหมิงซิวหุบยิ้ม “เรื่องนี้มิจำเป็นต้องคุยกันอีก ออกไป”
ลุงจงประสานหมัดให้อย่างจนปัญญา “…ขอรับ”
เมื่อเดินออกมาจากบ้าน ใต้ต้นไม้ก็ไม่มีบุรุษชุดดำอยู่แล้ว เหลือเพียงเชือกเปล่าเส้นหนึ่งกับกองเลือดที่ยังไม่แห้งสนิท
จีหมิงซิวอุ้มจิ่งอวิ๋นมุ่งไปทางเหนือของป่า
สือชีไม่เดินไปดีๆ แต่ทะยานไปมาบนต้นไม้จนหมู่วิหคตกใจบินหนีกระเจิง ใบไม้ร่วงกราว
ใบไม้ร่วงลงบนใบหน้าของจิ่งอวิ๋น จีหมิงซิวหยิบมันออก เขามองใบหน้าน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขน แล้วโคลงศีรษะอย่างนึกขำ
ลูกชายของเขาหรือ
เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำไว้ตอนไหน
เจ้าหนู เพื่อช่วยเจ้า อัครมหาเสนาบดีผู้นี้ถึงกับยอมเสียชื่อกลายเป็นชายเสเพล ทางที่ดีเจ้าอย่าเป็นเลือดเนื้อของยิ่นอ๋องเล่า เข้าใจหรือไม่