หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 90-2 ถอนหมั้น
ตอนที่ 90-2 ถอนหมั้น
เถ้าแก่หรงแบกดวงตาเหมือนสยงเมา[1]กับขาเป๋ๆ วิ่งวนไปวนมาในแผงขายอาหารราวกับลูกข่าง ลำบากนักว่าจะมีโอกาสพักหายใจเฮือกหนึ่ง เขาจึงกลับมาในเหลาสุราโดยไม่พูดพร่ำ บังเอิญพอดีกับที่เสี่ยวลิ่วยกน้ำชากาหนึ่งออกมา เถ้าแก่หรงกระหายไม่ไหวแล้วจึงยกกาน้ำชาขึ้นดื่มอึกๆ…
“ยาอะไรหรือ” สวีซื่อเอ่ยถาม
หลินมามาจึงตอบว่า “สลอดเจ้าค่ะ”
สลอดมีฤทธิ์ขับพิษและเร่งให้อาเจียน แต่คนปกติหากกินเกินขนาดจะทำให้ท้องเสียไม่หยุด
“โอย…” เถ้าแก่หรงกุมท้องที่จู่ๆ ก็ปั่นป่วนแล้ววิ่งจู๊ดไปห้องน้ำ…
หลินมามาเอ่ยอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “บ่าวส่งคนไปดักนอกห้องน้ำแล้ว รับประกันว่านางไปไม่ได้กลับ!”
“มืดขนาดนี้ คงไม่จับผิดคนหรอกกระมัง” สวีซื่อถามอย่างไม่วางใจเล็กน้อย
หลินมามาจึงเอ่ยว่า “จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า คนที่กินสลอดวิ่งเข้าห้องน้ำไม่หยุดมีแค่นางคนเดียว ไม่มีผู้อื่นแล้ว”
เถ้าแก่หรงวิ่งไปห้องน้ำเที่ยวหนึ่งก็แล้ว ไปห้องน้ำสองเที่ยวก็แล้ว ไปห้องน้ำสามเที่ยวก็แล้ว จนเมื่อไปเที่ยวที่สี่แล้วเดินออกมา จู่ๆ ด้านหลังก็มีเงาคนร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมาแล้วเอาถุงกระสอบคลุมหัวเขา เขาไม่ทันร้องตะโกนก็ถูกคนเอาไม้ฟาดจนหมดสติ
คนขับรถม้าโยนเถ้าแก่หรงที่ถูกตีจนหมดสติข้ามกำแพงจวน เถ้าแก่หรงถูกโยนลงพื้นดัง ตึก! ถัดจากตาสองข้างถูกต่อยจนเป็นสยงเมา ศีรษะก็ยังถูกตีจนปูดเป็นลูกเบ้อเริ่มอีก แต่เขาหมดสติไปแล้วตอนนี้จึงยังไม่รู้
คนขับรถม้ากระโดดข้ามกำแพงแล้วแบกถุงกระสอบอ้อมประตูหลังของเหลาสุรามาถึงตรอกเล็กที่พวกเขาจอดรถอยู่ ตอนที่มาถึงข้างรถม้า เขาก็เคาะข้างรถ
หลินมามาเลิกม่านขึ้นแลกสายตากับเขา
สวีซื่อมองเห็นคนในถุงกระสอบรูปร่างเล็กกะทัดรัดก็ไม่สงสัยว่าเป็นคนอื่น หลินมามาพยักหน้าให้คนขับรถ คนขับรถจึงแบก ‘คุณหนูใหญ่เฉียว’ ผู้งามดั่งบุปผาไปยังหอคณิกา
ระหว่างทางคนขับรถหงุดหงิดนัก แม่นางน้อยคนนี้ร่างกายก็ดูบอบบางเล็กจ้อย แต่พอแบกขึ้นมาเหตุใดจึงหนักเช่นนี้เล่า เหมือนตุ้มน้ำหนักลูกใหญ่ๆ อย่างไรอย่างนั้น
ตอนที่หลินมามาซื้อสลอด นางก็เจรจากับแม่เหล้าที่หอชุนเซียงไว้เรียบร้อยแล้ว แม่นางน้อยแห่งหรงจี้ หนึ่งร้อยตำลึง ไม่ต่อราคา
ผู้ใดมิรู้บ้างว่าแม่นางน้อยของหรงจี้เป็นหญิงงามชื่อดังของเมือง ลูกค้าที่ไปกินกุ้งทุกคืนน่ะ มีครึ่งหนึ่งไปมองนาง นางยืนอยู่ที่โต๊ะคิดเงินตรงนั้น พูดจริงๆ แล้วก็เป็นตัวเรียกลูกค้าอย่างหนึ่ง มีคุณชายและชายหนุ่มไม่น้อยเรียกนางอย่างลับๆ ว่าโฉมงามแห่งร้านขายกุ้ง หญิงงามวิลาศเช่นนี้ หากมาอยู่ในสังกัดของนาง นางยังต้องกลัดกลุ้มว่าจะแพ้เรือนอี๋หงฝั่งตรงข้ามอีกหรือ
นางไม่กลัวแม่นางน้อยคนนี้ไม่เชื่อฟัง นางทำอันใดเลี้ยงชีพเล่า หลายปีมานี้วิธีจัดการหญิงสาวที่ไม่เชื่อฟังไม่มีถึงพันก็มีหลายร้อย จะจัดการแม่นางน้อยผู้หนึ่งมิได้หรือ!
ข้อด้อยเพียงจุดเดียวก็คือแม่นางน้อยผู้นี้เคยมีบุตรมาแล้ว แต่นั่นมิได้ขัดขวางความงามแต่กำเนิดของนาง!
แม่เล้าต้อนรับคนขับรถเข้ามายังเรือนด้านหลังอย่างยิ้มแย้มยินดี
คนขับรถม้าสีหน้าไร้อารมณ์เอ่ยว่า “ยื่นหมูยื่นแมว”
แม่เล้ายิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร้อนๆ ข้าต้องตรวจของก่อนใช่หรือไม่ ใครมานี่ซิ เอาผู้หญิงคนใหม่ไปอาบน้ำอาบท่าในห้อง! อาบน้ำสะอาด แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็พาไปพบข้าในห้อง!”
“ไม่ได้บอกว่าคืนนี้แม่สาวของหรงจี้มาหรือ สาวน้อยของข้าเล่า” ชั้นล่าง นายท่านผู้เมามายคนหนึ่งโยนขวดสุราลงพื้นอย่างไม่มีน้ำอดน้ำทน
แม่เล้าถลึงดวงตาหวานใส่ชายฉกรรจ์ผู้เมามายผู้นั้น “โถๆ โกรธอันใดกันเจ้าคะ ข้าตรวจสอบสินค้าเสร็จก็จะส่งไปให้ท่านประเดี๋ยวนี้แล้วมิใช่หรือ”
นายท่านล้วงทองคำก้อนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนใส่ร่างแม่เล้า “ยกเข้ามาในห้องข้าเลย! ข้าจะตรวจสอบเอง!”
แม่เล้าเก็บทองเข้าแขนเสื้อ แล้วให้คนแบก ‘แม่นางน้อยแห่งหรงจี้’ เข้าไปในห้องของชายผู้เมามาย
คนขับรถถือตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงกลับไปรายงาน
ในห้องอันมืดสนิท เถ้าแก่หรงเริ่มต้นประสบการณ์แสนทุกข์ทรมานของเขา เขาไม่เข้าใจว่าตนเป็นอันใดไป อยู่ดีๆ ไปเข้าห้องน้ำก็ถูกคนตีจนสลบ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่ไม่คุ้นตา บุรุษเมามายที่สติไม่แจ่มชัดนักคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาหาเขา
บุรุษสมัยนี้น่าชังเช่นนี้เชียวหรือ แม้กระทั่งบุรุษด้วยกันก็ไม่เว้น!
“ข้าเป็นบุรุษ ข้าเป็นบุรุษ ข้าเป็นบุรุษ…ช่วยด้วยจ้า…”
ปึง!
ประตูถูกแรงมหาศาลถีบจนเปิดออก เฉียวเวยก้าวพรวดเข้ามาดั่งดาวตก สองมือคว้าบุรุษเมามายเหวี่ยงข้ามหัวไหล่ลงไปกองบนพื้น!
นางกินข้าวอยู่ดีๆ ทันใดนั้นเสี่ยวไป๋ก็พบความผิดปกติ มัดกัดกระโปรงนางแล้วลากนางมาที่หอชุนเซียง
นางคิดว่าลูกค้าคนไหนของหอชุนเซียงกินอาหารของหรงจี้แล้วชักดาบเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาจับเถ้าแก่หรงของนางมา!
นางรังแกเถ้าแก่หรงได้คนเดียวเท่านั้น คนอื่น อย่าฝัน!
แม่เล้าได้ยินเสียงดังก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “ทำอะไรกันๆ ผู้ใดมาก่อเรื่องที่หอชุนเซียงของข้า ไม่ต้องการชีวิตแล้วใช่หรือไม่”
เฉียวเวยคว้าเสื้อผ้าบนเตียงคลุมร่างเถ้าแก่หรงไว้ แล้วหันไปมองแม่เล้าผู้ประทินโฉมหนาเตอะ แล้วแววตาเย็นชา “หอชุนเซียงแล้วอย่างไร กล้าวิ่งไปก่อเรื่องที่หรงจี้ของข้า ข้าว่าคนที่มีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วเป็นเจ้ามากกว่า!”
แม่เล้าอ้าปากกว้าง มองเฉียวเวยที่แต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วมองนายท่านเงินหนาที่ถูกเฉียวเวยทุ่มลงพื้นสลบเป็นตาย สุดท้ายจึงมองบุรุษที่กำลังสวมเสื้อผ้าหลบอยู่ด้านหลังเฉียวเวย ใบหน้ามึนงงสับสน “อะไรกัน ทำไม…เป็นเช่นนี้ไปได้”
ไหนบอกว่าแม่นางน้อยแห่งหรงจี้อย่างไรเล่า เหตุใดจึงกลายเป็นเถ้าแก่หรง
ดวงตาของไอ้คนขายมนุษย์นั่นมีปัญหาใหญ่เท่าใดกันแน่ เป็นชายเป็นหญิงยังแยกไม่ออกอีก
เรื่องนี้จะโทษคนขับรถม้าก็มิได้ เพื่อไม่ให้เปิดเผยตัวคนขับรถจึงดับโคมที่ห้องน้ำ แม้แต่มือของตนเองยังมองไม่ชัด จะมองชัดว่าอีกฝ่ายเป็นชายหรือเป็นหญิงได้อย่างไร มองออกว่าอีกฝ่ายรูปร่างเล็กก็นับว่าเขาสายตาดีเหนือคนแล้ว
เฉียวเวยเดินเข้าไปบีบคอแม่เล้าแล้วเหวี่ยงนางกระแทกผนังอย่างแรง!
แม่เล้ารู้สึกว่าอวัยวะข้างในร่างตนถูกกระแทกจนแหลกหมดแล้ว
สองตาของเฉียวเวยดั่งคบเพลิง “พวกเราหรงจี้มีเรื่องอันใดกับเจ้า เจ้าถึงคิดจะใช้ลูกไม้โสมมเช่นนี้! เจ้าอยากตายใช่หรือไม่”
แม่เล้าเงียบเป็นจักจั่นหน้าหนาว “เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิด ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ข้า…ข้าเพียงต้องการล้อเถ้าแก่หรงเล่นเท่านั้น…” สวรรค์โปรด ดันจับมาผิดคน นางก็บอกแล้วว่าต้องตรวจของ แต่นายท่านผู้นี้ดันใจร้อนอยากลากคนเข้าห้อง! คราวนี้เป็นอย่างไรเล่า!
แต่ก็โชคดีที่จับมาผิดคน มิเช่นนั้นด้วยฝีมือของแม่นางน้อยแห่งหรงจี้ คนที่บังคับขืนใจผู้อื่นอย่างนางน่ากลัวว่าผลลัพธ์คงไม่น่าคิดถึง…
เฉียวเวยมองดูท่าทางของนางคือกำลังโกหกอยู่ชัดๆ “ล้อเล่นต้องมัดคนแบบนี้เชียวหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าล้อเล่นกับเจ้าบ้างดีหรือไม่”
แม้แม่เล้าจะทำกิจการขายเนื้อสด แต่ถูกมัดต่อหน้าลูกค้ากับแม่นางมากมายเหล่านั้นก็เป็นเรื่องขายหน้าอย่างยิ่ง!
“แม่นาง! แม่นาง! จอมยุทธ์หญิง! ท่านจอมยุทธ์! มีอันใดพูดจากันดีๆ เถอะ! มีอันใดพูดกันดีๆ!”
“ผู้ใดจะพูดดีกับเจ้า” เฉียวเวยโยนนางลงพื้น ในที่สุดนางก็ได้สูดหายใจ นางสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ แต่สำลักจนไอโขลก
เฉียวเวยไม่มองนางแม้แต่ครั้งเดียว แต่เดินตรงไปยังราวกั้นแล้วมองห้องโถงใหญ่ที่ชั้นหนึ่ง จากนั้นหยิบตั๋วเงินฟ่อนหนึ่งออกมา ห้องโถงอันครึกครื้นเงียบลงในพริบตา
ทุกคนแย่งกันมองดูเฉียวเวยผู้ปรากฏตัวที่ชั้นสองอย่างกะทันหัน ไม่ทราบว่านางจะทำสิ่งใด
คุณชายที่เคยไปหรงจี้มาก่อนจำนางได้ จึงเอ่ยเสียงเบา “เอ๋ นี่ไม่ใช่แม่นางน้อยแห่งหรงจี้หรอกหรือ เหตุใดจึงวิ่งมาหอคณิกา”
“มาจับบุรุษหรือเปล่า” สหายหัวเราะ “คงไม่ได้มาเป็นดาวเด่นหอนางโลมกระมัง”
หากนางเป็นนางคณิกา ตนเองยินยอมพร้อมใจเป็นลูกค้าคืนแรกของนาง
ทั้งสองคนคิดในใจเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย
แต่เรื่องเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้น หากจะให้เป็นจริงคงไม่มีทางเป็นไปได้ ดูจิตสังหารทั่วร่างของแม่นางน้อยนั่นสิ บุรุษคนไหนรับไหวบ้าง
เฉียวเวยยื่นมือออกมา เสี่ยวลิ่วส่งหีบลวดลายงดงามใบหนึ่งให้
“เปิด” เฉียวเวยเอ่ยเสียงราบเรียบ
เสี่ยวลิ่วเปิดหีบออก เฉียวเวยหยิบเงินก้อนน้อยก้อนหนึ่งอกมาจากด้านในแล้วเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ทุบครั้งหนึ่ง หนึ่งตำลึง”
ทุบครั้งหนึ่งหนึ่งตำลึง หนึ่งตำลึงอะไร เงินหรือ
ทั้งห้องโถงอุทานตกตะลึง
เถ้าแก่หรงกับแม่เล้าก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
เฉียวเวยวางเงินก้อนน้อยลง แล้วล้วงตั๋วเงินแผ่นหนึ่งออกมาจากด้านใน “คนแรกที่ลงมือ หนึ่งร้อยตำลึง คนที่สองที่ลงมือห้าสิบตำลึง คนที่สามที่ลงมือยี่สิบตำลึง หลังจากนั้นทุบหนึ่งครั้งหนึ่งตำลึง”
ทุกคนเข้าใจแล้ว แม่นางน้อยแห่งหรงจี้จะก่อเรื่องนี่เอง! หอชุนเซียงเป็นสถานที่สำหรับบุรุษมาหาความสำราญ แต่นางกลับประกาศก้องว่าจะ “จ้างคนทำเรื่องชั่ว” เช่นนี้ มีเงินแล้วทำตามอำเภอใจยิ่ง!
โครม!
เสียงดังสนั่นครั้งหนึ่ง ทุกคนมองตามเสียงไปก็เห็นเสี่ยวลิ่วถีบแจกันลายครามใบโตบนชั้นสองล้มคว่ำ
เฉียวเวยส่งตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงในมือให้เขาอย่างไม่บิดพลิ้ว “หนึ่งร้อยตำลึงของคนแรกไม่มีแล้ว คนที่สองห้าสิบตำลึง…”
เมื่อมีหน่วยใจกล้าคนแรกแล้ว คนที่สอง คนที่สามยังอยู่อีกไกลหรือ
แทบจะพร้อมกับที่เฉียวเวยเอ่ยจบ ก็มีสองคนชิงยกเก้าอี้ขึ้นทุบโต๊ะไม้แดงของห้องโถงใหญ่จนพัง
แม่เล้าเกือบจะกระอักเลือดออกมา!
“หยุดนะ! ข้าบอกให้หยุด!”
เฉียวเวยยิ้มเย็นชา “เสี่ยวลิ่ว เอาตั๋วเงินไปให้ผู้กล้าสองคนนั้นซิ ขอบคุณพวกเขาที่มีบุญคุณต่อหรงจี้ วันหน้าไปหรงจี้กินกุ้ง ดื่มสุรา เท่าไรก็ไม่เสียเงิน”
ไม่เพียงได้เงิน ยังไปดื่มสุราที่หรงจี้ได้ด้วย!
การค้าครั้งนี้คุ้มแล้ว!
โครม!
มีคนทุบโต๊ะจนพังอีกหนึ่งคน
เฉียวเวยส่งหนึ่งตำลึงให้เขา
โครม! โครม! โครม!
ตัวหนึ่ง อีกตัวหนึ่งแล้วก็อีกตัวหนึ่ง…
สถานการณ์ควบคุมมิได้อย่างรวดเร็ว ห้องโถงใหญ่วุ่นวายไปหมด ผู้ที่ขี้ขลาดวิ่งหนี ผู้ที่ใจกล้าตาวาว แม่นางทั้งหลายหวาดกลัวจนหนีกระเจิง
เสี่ยวเฉียวโยนเงินให้ไม่หยุด หนังตาไม่กะพริบแม้แต่น้อย เถ้าแก่หรงซาบซึ้งจนน้ำตาอุ่นร้อนคลอเบ้า ลากขากะโผลกกะเผลก ดวงตาที่ดำเป็นสยงเมากับหน้าผากบวมปูดเดินเข้าไปหาเสี่ยวเฉียว “เสี่ยวเฉียว ข้าผิดไปแล้วที่ต่อว่าเจ้า เจ้าช่างมีคุณธรรมน้ำมิตรยิ่งนัก! เพื่อแก้แค้นแทนข้า เจ้าโปรยเงินมากมายเช่นนี้ ทั้งที่เจ้าขี้เหนียวออกขนาดนั้น…ข้าขอถอนคำพูดที่กล่าวก่อนหน้านี้…แต่หีบเงินนี่ทำไมดูคุ้นตาชอบกล”
เฉียวเวยโปรยก้อนเงินอีกสองสามก้อน “อ้อ ข้าเอามาจากห้องบัญชีของท่านน่ะ”
เถ้าแก่หรงตะลึง “ข้า…ห้องบัญชีของข้า ถ้าเช่นนั้นเงินด้านในนี้ก็…”
เฉียวเวยตอบอย่างไม่ต้องคิด “ก็ของท่านน่ะสิ! เงินของข้า ทำไมข้าต้องโปรยเล่นเช่นนี้เล่า”
เถ้าแก่หรงเหมือนโดนสายฟ้าฟาดในพริบตา นั่นมันเงินลับที่เขาเก็บสะสมมาตั้งหลายปี! เขาสะสมมาได้เจ็ดแปดหีบ เมียแก่ของเขาก็หาพบหมด เหลือหีบนี้ใบสุดท้าย!
“หลีกไป! ห้ามเก็บนะ! นั่นเงินของข้า! เงินส่วนตัวของข้า…”
เถ้าแก่หรงคำรามพลางพุ่งเข้าไปในฝูงชน…
…
กล่าวถึงสวีซื่อหลังจัดการเรื่องคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียวจบแล้วก็พาบุตรสาวกลับจวนอย่างเบิกบานใจ หอคณิกาสถานที่พรรค์นั้นมีเอาไว้จัดการหญิงสาวที่ไม่เชื่อฟังโดยเฉพาะ ต่อให้มีลูกไม้เป็นร้อยเป็นพันก็หนีไม่พ้นฝ่ามือของแม่เล้า นางเชื่อว่าหลังจากผ่านวันนี้ไป คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียวไม่มีวันได้พบใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีอีกแล้ว และยิ่งไม่มีทางล่วงรู้ชาติกำเนิดของตนเอง
“ท่านแม่ เหล่าฮูหยินจะช่วยท่านพ่อออกมาหรือไม่” เฉียวอวี้ซีถามเสียงเบาหวิว
สวีซื่อยิ้มตอบว่า “แน่นอนสิ เหล่าฮูหยินรักเจ้า วันพรุ่งนี้ฟ้าสว่างพวกเรานั่งรถไปพบเหล่าฮูหยินกัน!”
สองแม่ลูกคล้องแขนกลับเข้ามาในเรือนหลัก เพิ่งก้าวข้ามธรณีประตูก็ถูกสภาพเละเทะทั่วทั้งเรือนทำเอาตกตะลึงนิ่งค้าง…กระถางดอกไม้ล้มคว่ำ ราวแขวนเสื้อหลุดเป็นชิ้น โต๊ะเก้าอี้นอนอยู่บนพื้น แล้วยังมีเครื่องกระเบื้องแตกกระจายอยู่อีกเล็กน้อย
“ใครมานี่ซิ! นี่เกิดอะไรขึ้นกัน” สวีซื่อตวาด นางออกจากบ้านไปเที่ยวเดียว เรือนของตนก็กลายเป็นเช่นนี้ ผู้ใดช่างบังอาจ คิดก่อกบฏหรือ
ตานจวี๋ร้องไห้วิ่งออกมา “ฮูหยิน…”
สวีซื่อมองไปด้านหลังตานจวี๋แล้วหน้าบึ้งเอ่ยว่า “คุณชายน้อยเล่า เหตุใดมีเจ้าเพียงคนเดียว”
ตานจวี๋สะอื้น “คุณชายน้อยพักอยู่ในห้องของเหล่าไท่ไท่เจ้าค่ะ”
สวีซื่อชี้ข้าวของที่ระเนระนาดอยู่เต็มเรือน “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น นายท่านเข้าคุกไปเพียงชั่วคราว ผู้ใดกินดีหมีหัวใจเสือกล้ามาก่อเรื่องที่เรือนหลัก”
“ข้าเอง”
เสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังมาจากประตูห้องหลัก
เหล่าไท่ไท่ได้ฝูมามาประคองเดินออกมาจากห้องที่ถูกรื้อระเนระนาดแบบเดียวกัน
สวีซื่อกับเฉียวอวี้ซีรีบค้อมกายคำนับ “เหล่าไท่ไท่”
เหล่าไท่ไท่แค่นเสียงเย็นชา “ในสายตาพวกเจ้ายังมีคนแก่คนนี้อยู่หรือ เย่ว์ซานเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ไม่ปรึกษาข้าสักคำก็ตัดสินใจเอาเอง ช่างเป็นลูกสะใภ้ที่ดีจริงนะ!”
สวีซื่อก้มตัวต่ำ “ท่านแม่ ท่านฟังข้าอธิบายก่อน เดิมทีข้าก็คิดจะบอกท่าน แต่นายท่านบอกว่าท่านอายุมากแล้ว รับเรื่องสะเทือนใจไม่ค่อยได้ จึงให้ข้าปิดเรื่องที่เขาเข้าคุกจากท่าน”
ให้มันได้อย่างนี้สิ เรื่องนี้แม้แต่บ้านสามกับบ้านสี่นางก็ไม่บอก เหล่าไท่ไท่ทราบได้อย่างไร!
เหล่าไท่ไท่แค่นเสียงหยัน “เย่ว์ซานไม่ให้เจ้าบอกหรือว่าตัวเจ้าเองไม่อยากบอก เจ้ารู้แก่ใจดี! เจ้าไม่ต้องหาข้ออ้างให้ตัวเองแล้ว! เจ้าไม่รักบุตรชายข้า แต่ข้ารัก! เจ้าไม่ช่วยเขา ข้าจะช่วยเอง!”
“ท่านแม่!” สวีซื่อเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ลูกจะไม่รักนายท่าน ไม่อยากช่วยเขาได้อย่างไรเล่า หลายวันนี้ลูกก็คิดหาวิธีอยู่ตลอด!”
เหล่าไท่ไท่มองข้าวของถุงใหญ่ถุงน้อยในมือหลินมามาแล้วเอ่ยเสียงขรึม “ข้าว่าวันๆ เจ้าเอาแต่เที่ยวเล่นสำราญอยู่ข้างนอกมากกว่า ไม่ได้ใส่ใจสามีเลยสักนิด!”
สวีซื่อเอ่ยอย่างเสียใจ “ลูกถูกใส่ร้ายแล้ว หลายวันนี้ลูกสืบหาข่าวของจีเหล่าฮูหยินอยู่ตลอด พอได้ความก็ไปซื้อของให้จีเหล่าฮูหยินทันที ของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่เตรียมให้จีเหล่าฮูหยิน! ข้าคิดจะเดินทางข้ามคืนไปขอความช่วยเหลือขากท่านแม่เฒ่า!”
“เดินทางข้ามคืนหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้ายังกลับมาทำอะไร! พูดเสียดิบดี! หากข้าเชื่อเจ้า เย่ว์ซานคงได้อยู่ในคุกตลอดชีวิต!” ความจริงแล้วยามปกติเหล่าไท่ไท่ก็พอใจกับการกระทำของสวีซื่ออยู่ แต่คนก็เป็นเช่นนี้ ทำดีมาร้อยเรื่อง ต่อให้ทำผิดเพียงเรื่องเดียวก็กลายเป็นผิด ทว่าในเมื่อเกี่ยวพันกับปัญหาของบุตรชาย เหล่าไท่ไท่ไม่มีทางใจกว้างได้เป็นอันขาด
เหล่าไท่ไท่ส่งกล่องลวดลายงดงามใบหนึ่งไปที่มือของฝูมามา “เจ้าไปจวนอัครมหาเสนาบดีด้วยตัวเอง!”
เมื่อสวีซื่อเห็นกล่องลวดลายงดงามอันคุ้นตาใบนั้นพลันเบิกตาโต เหล่าไท่ไท่ฉวยโอกาสที่นางไม่อยู่รื้อเรือนหลักจนทั่ว จนหาหนังสือหมั้นหมายที่นางซ่อนไว้กับตัวมาหลายปีจนพบ!
เรื่องที่คิดไม่ตกบางอย่าง ในเวลานี้คำตอบพลันปรากฏในสมอง
มิน่านางสืบหาร่องรอยของจีเหล่าฮูหยินไม่พบมาตลอด แต่เช้าวันนี้กลับได้ยินโดยบังเอิญ ตอนนั้นนางยังลอบดีใจคิดว่าอัครมหาเสนาบดีก็แค่นี้เท่านั้นเอง ไม่ใช่ยักษ์สามเศียรหกกรเสียหน่อย ไหนเลยจะป้องกันนางได้ตลอด ที่แท้ก็กำลังรอจังหวะนี้อยู่!
นี่ถึงจะเป็นไพ่ตายของจีหมิงซิว นางติดกับอุบายล่อเสือออกจากถ้ำของจีหมิงซิวแล้ว!
เรือนสี่ประสานอันเงียบสงัด จีหมิงซิวนั่งอยู่ในห้องหนังสือ อ่านตำราในมืออย่างเงียบๆ
แม่นมผู้อายุมากแต่ยังคงกระฉับกระเฉงคนหนึ่งเดินมาถึงประตูด้วยการนำทางของหมิงอัน “บ่าวคารวะใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี”
จีหมิงซิวพลิกตำราอย่างไม่ใส่ใจ
ฝูมามาก้มตัวลงต่ำ สองมือทูนกล่องลวดลายงดงามขึ้นเหนือศีรษะตน “เหล่าไท่ไท่ให้บ่าวนำหนังสือหมั้นหมายของใต้เท้ามามอบให้ใต้เท้า จะเก็บไว้หรือจะทำลาย ล้วนแล้วแต่ใต้เท้าตัดสินใจ”
หมิงอันหยิบหนังสือหมั้นหมายมาอ่านก่อน เมื่อแน่ใจแล้วว่าในกล่องไม่มีกลไกจึงส่งให้จีหมิงซิวอย่างนอบน้อม
จีหมิงซิวเปิดหนังสือหมั้นหมายอ่าน “บอกเหล่าไท่ไท่บ้านเจ้า เตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับเฉียวปั๋วได้เลย”
[1] สยงเมา หมีแพนด้า