หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 246 ได้หมั้นหมายกับใครไว้หรือไม่
ตอนที่ 246 ได้หมั้นหมายกับใครไว้หรือไม่ ?
ในขณะที่กำลังรองานเฉลิมฉลองเริ่มต้นขึ้น สหายของเจียงโม่หานก็ได้เปิดโลกทัศน์ยิ่งกว่าเดิม อาหารละลานตาทั้งหกอย่างตรงหน้าทำให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว หลิ่วจงเทียนกล่าวด้วยความตกใจจนแทบเปล่งเสียงไม่ออก “สหายเจียง ว่าที่เจ้าสาวของเจ้าคงไม่ได้เชิญพ่อครัวใหญ่มาจากในเขตเริ่นอัน…ไม่สิ เหล่าพ่อครัวในโรงเตี๊ยมของเขตเริ่นอันไม่ได้มีฝีมือการทำอาหารเช่นนี้ ! ”
อาหารเรียกน้ำย่อยคือหูหมูน้ำแดงแสนชุ่มคอและกรุบกรอบสามารถเรียกน้ำย่อยได้ดี เนื้อหมักซอสตุ๋นก็นุ่มแทบละลายในปาก กลิ่นหอมอบอวลเย้ายวนใจ ไก่น้ำลายสออันชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอสหม่าล่า หนังหมูเย็นแช่แข็งโปร่งใสดุจอัญมณีแก้วส่วนกระดูกกรอบกำลังดี มะเขือยาวผัดกระเทียมและยำเห็ดหูหนูที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ทำให้ถอยก็ไม่ได้จะไปต่อก็แทบไม่ไหว
เพราะจำนวนคนบนโต๊ะมีน้อยแต่อาหารมีจำนวนมากเกินไป ทุกคนล้วนได้รับอาหารเรียกน้ำย่อยทุกชนิดในถ้วยขนาดเล็กลวดลายละเมียดละไม คีบด้วยตะเกียบไม่กี่ครั้งก็เห็นก้นถ้วยแล้ว เมิ่งจิ่งหงและผู้อื่นไม่รู้สึกว่านี่คือความตะกละตะกลาม ตรงกันข้ามคือคาดหวังอาหารจานหลักหลังจากนี้ !
ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน หมูตุ๋นน้ำแดง หมูสามชั้นนึ่งข้าวคั่ว ไก่ป่าตุ๋นเห็ด เนื้อกวางผัด เห็ดรวมผัดแห้ง ปลากระรอกทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน ข้าวโพดผัดเมล็ดสนและอิงเถาโร่ว1 ล้วนโดดเด่นชวนลิ้มลองในตัวมันเอง แม้ว่าฐานะของพวกเขาจะไม่เลวแต่ก็มีหลายรายการที่ไม่เคยได้ยินชื่อเรียกมาก่อน
โดยเฉพาะหางกวางตุ๋นจานสุดท้าย สิ่งสำคัญคือการใช้ ‘กระเทียมหอมเผ็ดร้อนผัดพร้อมกับอบเชยและขิง’ ใช้ศิลปะในการปรุงอาหารเป็นตัวชูโรง หนังที่เปื่อย เนื้อที่หอมอบอวล รสชาติที่กลมกล่อม เรียกได้ว่า ‘อัญมณีแห่งความอร่อย ! ’
เผิงหยูเหยี่ยนกินอย่างเอร็ดอร่อยจนไม่อาจวางตะเกียบได้ หยาดน้ำตาแห่งความปีติเอ่อล้นออกมา เขากินไปพลางเอ่ยถามไปด้วย “ศิษย์น้องเจียง เจ้าไปเชิญพ่อครัวใหญ่ผู้นี้มาจากที่ใดหรือ ? โรงเตี๊ยมที่ใด ? ต่อไปหากข้าอยากกินขึ้นมาอีกจะได้ไปกินอย่างอิ่มหนำสำราญ ! ”
คนอื่นพากันพยักหน้าคล้อยตาม แต่ในใจรู้สึกงุนงงว่า ‘ฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวผู้นี้มีความโดดเด่นเหนือใคร ไม่มีทางเป็นท่านลุงไร้ชื่อเสียงหรอก พวกตนจะไม่เคยรู้จักได้อย่างไร ? หรือว่าตนจะเป็นกบในกะลาครอบ ? ’
เจียงโม่หานยิ้มแล้วพูดว่า “อาหารเหล่านี้ บางชนิดก็เป็นฝีมือว่าที่เจ้าสาวของข้าซึ่งลุกขึ้นมาตุ๋นไว้ตั้งแต่เช้าตรู่ อย่างเช่นหางกวางตุ๋น อิงเถาโร่วและปลากระรอกทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน…ส่วนอาหารอื่น ๆ ล้วนเป็นฝีมือพี่สาวของนาง ! ”
เมิ่งจิ่งหงเห็นสหายที่วันนี้มีความอ่อนโยนมากจึงเอ่ยด้วยความสนใจ “สหายเจียง ดูเหมือนเจ้าจะเก็บอัญมณีล้ำค่าได้แล้ว ฝีมือการทำอาหารของว่าที่ภรรยาเจ้ายอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ข้าเคยกินมา ! ”
เผิงหยูเหยี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย “อาหารเหล่านี้รูปรสกลิ่นสีครบถ้วนสมบูรณ์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว…น่าอิจฉาศิษย์น้องเจียงที่ต่อไปจะได้กินอาหารอันโอชะระดับพ่อครัวเอก”
ในใจของเขากำลังร่ำไห้ เหตุใดอาหารรสเลิศเหล่านี้จึงไม่ใช่ฝีมือของพ่อครัวที่มาจากตระกูลของตน เขาจะได้กินอาหารอร่อยสมปรารถนาตลอดเวลา หากเป็นเช่นนี้ก็แพ้ราบคาบ !
เผิงหยูเหยี่ยนระบายความโศกเศร้าและความโกรธด้วยปริมาณอาหาร เขากัดซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานคำโต สัมผัสเนื้อที่สดและนุ่มละมุนลิ้น ซอสที่หวานอมเปรี้ยวกำลังดี…ช้าก่อน อาหารจานนี้เป็นฝีมือของว่าที่พี่ภรรยาศิษย์น้องเจียงใช่หรือไม่ ?
“ศิษย์น้องเจียง พี่สาวคนนั้นได้หมั้นหมายกับใครไว้หรือไม่ ? ” เผิงหยูเหยี่ยนวางตะเกียบลงทันที สายตาของเขามองไปยังเจียงโม่หาน
เฝิงชิวฟานมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ จากนั้นก็เอ่ยหยอกล้อว่า “ศิษย์พี่เผิง ท่านไม่ควรรู้สึกอะไรกับพี่สาวของนางเพียงเพื่อเรื่องกิน จริงหรือไม่ ? ”
เผิงหยูเหยี่ยนมีนิสัยรักในการกินจึงมองไปทางอีกฝ่ายพร้อมถามกลับ “หากนางยังไม่ได้หมั้นหมายกับผู้อื่น บุรุษที่ยังไม่แต่งงานและสตรีที่ยังไม่ออกเรือน เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้ ? หญิงสาวที่บริสุทธิ์เช่นนี้ หากได้แต่งงานด้วยจะต้องมีความสุขไปชั่วชีวิตแน่นอน ! ”
เฝิงชิวฟานเบิกตากว้าง “อย่างไรนางก็เป็นหญิงสาวชาวบ้าน ! รู้แค่เรื่องฟืน ข้าว น้ำมัน เกลือ หม้อและเตาไฟ คงไม่รู้จักเรื่องหวานซึ้งทำนองนั้นหรอก กระทั่งการเข้าสังคมก็คงไม่รู้จัก หรือท่านไม่โหยหาคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบดุจกิ่งทองใบหยกอย่างนั้นหรือ ? ”
สีหน้าของเผิงหยูเหยี่ยนไม่ค่อยดีนัก “หญิงสาวชาวบ้านแล้วอย่างไร ? อาหารการกิน เสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้าไม่ใช่มาจากชาวบ้านชนบทและเป็นฝีมือเย็บปักของหญิงสาวชาวบ้านหรือ ? จะว่าไปแล้วครอบครัวของข้าก็เป็นชาวบ้านเช่นกัน ! ”
เมิ่งจิ่งหงและหลิ่วจงเทียนปรายตามองเผิงหยูเหยี่ยนแวบหนึ่ง ‘ใช่ ครอบครัวของเจ้าก็เป็นชาวนาเช่นกัน เพียงแต่เป็นเจ้าของที่ดินกว่าหลายร้อยหมู่ เกษตรกรผู้เช่าแค่ช่วยดูแลเท่านั้น ไม่เพียงเท่านี้คือครอบครัวของเจ้าก็ยังมีร้านค้าอีกหลายสิบร้านภายในฝูอัน บ้างก็ปล่อยเช่า บ้างก็จ้างคนมาดูแลแทน’
เจ้านี่เป็นคนทึ่ม เพื่อปากท้องแล้ว เขาจึงอยากสู่ขอสตรีที่มีฝีมือทำอาหารกลับไปจริง ๆ โดยไม่คำนึงถึงที่มาและรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย !
“ถือได้ว่าศิษย์น้องเจียงตาแหลมมาก แค่ชมชอบตัวตนของอีกฝ่ายโดยไม่สนที่มาของนาง ! ” ครานี้เผิงหยูเหยี่ยนค่อนข้างโกรธเล็กน้อย ก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดออกมาโดยไม่หันไปมองเฝิงชิวฟานอีก จากนั้นก็ยกจอกสุราชนกับเจียงโม่หาน “ขอดื่มฉลองให้ศิษย์น้องเจียงที่ได้เป็นฝั่งเป็นฝา ! ”
“ขอบพระคุณศิษย์พี่เผิง ! ” เจียงโม่หานในอดีตเคยมีความประทับใจแรกต่อเผิงหยูเหยี่ยน แต่ก็มีปฏิสัมพันธ์กันแบบผิวเผิน สุดท้ายตนก็ได้ออกโรงช่วยเจ้าทึ่มนี้ อีกฝ่ายจึงให้เขาเป็นสหายคนสนิทตลอดชีวิต
ในอดีตเขากับเผิงหยูเหยี่ยนได้ช่วยเหลือกันยามโศกเศร้าหลายครั้งหลายครา โดนเขาดุด่าก็ยังให้เกียรติและอ่อนโยน หลังจากนั้นอีกหลายครั้งเผิงหยูเหยี่ยนจึงทำได้แค่คิดหาทางช่วยเหลือในสิ่งที่ทำได้ เรียกได้ว่าใช้สมองมากทีเดียว
ต่อมาจี้หยกของเฝิงชิวฟานที่ไม่รู้ว่าได้มันมาจากที่ใดกลับกลายเป็นจี้หยกที่ได้รับมาจากเจียงโม่หาน ฝ่ายเผิงหยูเหยี่ยนแอบเข้าเมืองหลวงเงียบ ๆ โดยคิดจะเปิดเผยตัวตนของเฝิงชิวฟาน ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่ได้รับข่าวคราวอันใดเกี่ยวกับเผิงหยูเหยี่ยนอีกเลย เจียงโม่หานคิดว่าการหายสาบสูญของเผิงหยูเหยี่ยนต้องเกี่ยวข้องกับเฝิงชิวฟานแน่นอน !
ทันใดนั้นสายตาของเผิงหยูเหยี่ยนก็มาหยุดตรงด้านนอกของหน้าต่าง เขาใช้ศอกกระทุ้งเจียงโม่หาน “สหายเจียงน้องข้า หญิงสาวสองคนที่ถือจานอยู่ด้านนอกนั้น คนไหนเป็นพี่สาวของน้องสะใภ้หรือ ? ”
เมิ่งจิ่งหงเป็นกังวลว่าเจียงโม่หานจะไม่สบายใจ จึงช่วยดึงเผิงหยูเหยี่ยนพลางกล่าวด้วยสีหน้าจะยิ้มก็ไม่ออกจะร้องไห้ก็ไม่ได้ “ศิษย์พี่เผิง ไปจ้องสตรีถึงเพียงนั้นแล้วมาถามว่าเป็นผู้ใด ? ใจร้อนเกินไปแล้ว ! ”
เผิงหยูเหยี่ยนพยายามดึงแขนเสื้อของตน กระทั่งเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ปีหน้าข้าก็ต้องเข้าพิธีสวมกวานแล้วยังไม่ได้แต่งงาน ข้าแค่อยากเลือกหญิงสาวให้ตน มันผิดมากหรือ ? ”
“เลือกหญิงสาวให้ตนเองไม่ผิดหรอก ! แต่การทาบทามจากพ่อสื่อแม่สื่อก็ไม่มี ให้ท่านไปถามสาวน้อยที่โดนท่านจ้องจนแทบจะกลืนกินทั้งตัวก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง ! ” หลิ่วจงเทียนพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายยังยั้งชั่งใจบ้าง
“อวดรู้ ! อวดรู้ยิ่งนัก ! ” คาดไม่ถึงว่าเผิงหยูเหยี่ยนผู้โง่เขลาจะด่าผู้อื่นว่าอวดรู้ “ท่านพ่อท่านแม่เคยกล่าวไว้ว่าสตรีของข้าไม่ต้องมีเงื่อนไขมากมาย ขอเพียงข้าชอบก็พอ ! ข้าจะกลับไปบอกพวกท่านให้รีบมาสู่ขอ ! ”
แท้จริงแล้วเผิงหยูเหยี่ยนเป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูล บิดามารดาย่อมรักมากเป็นธรรมดา ส่วนพี่ชายคนโตเห็นเขาเป็นน้องที่ต้องรักทะนุถนอม สำหรับเขาแล้วไม่ต้องมีเงื่อนไขมากมาย เขาเรียนหนักทั้งวัน พี่ชายก็เคยกล่าวไว้ว่าต่อให้เรียนจนผมขาวดุจหิมะก็ยังจะสนับสนุนต่อไป
ปกติแล้วนอกจากเรียนหนักจนแทบกลายเป็นหนอนหนังสือ เผิงหยูเหยี่ยนผู้นี้ก็แทบไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่น เขาไม่ได้มีสหายมากมาย ในตอนที่อายุ 16 ปีเต็ม ในตระกูลก็ให้ความสนใจต่อการแต่งงานของเขา ทว่าเขาไม่เคยเปิดใจ โดยปกติแล้วมักจะมีเด็กสาวมายืนยิ้มเอียงอายอยู่ตรงหน้าแต่เขาก็ไม่สนใจเลย
คนในตระกูลรู้นิสัยเขาดีจึงไม่กล้าเจ้ากี้เจ้าการตัดสินใจแทน จึงมักวางแผนส่งเด็กสาวบางส่วนมาลองหยั่งเชิงโดยหวังให้เขาถูกตาต้องใจสักคน
แต่ใครจะรู้ว่าตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ในสายตาของเขาจะมีเพียงคัมภีร์หลุนอวี่และคัมภีร์เมิ่งจื่อ ไม่มีสีสันอื่นในชีวิตเลย บิดามารดาและพี่ชายล้วนเป็นกังวลว่าเขาจะรู้จักแต่การเรียนแล้วโดดเดี่ยวไปชั่วชีวิต จึงเฝ้าวิงวอนต่อสวรรค์ว่าสักวันเขาจะเปิดใจเลือกหญิงสาวให้ตนเอง ไม่ต้องเอ่ยถึงสถานะทางสังคม ขอแค่เป็นสตรีที่บริสุทธิ์และมีคุณธรรมจริยธรรมก็พอ !
1 อิงเถาโร่ว คือ หมูสามชั้นที่มีสีแดงสวยเหมือนผลเชอร์รี่ ( อิงเถา ) หนังนุ่ม ชิ้นพอดีคำ รสหวานอมเค็ม