หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 27 ข้าเป็นลูกพลับอ่อนนุ่มน่าบีบ
ตอนที่ 27 ข้าเป็นลูกพลับอ่อนนุ่มน่าบีบ
หลินเว่ยเว่ยง้างหมัดแล้วชกเข้าที่คางของหมีควายโดยไม่รู้ตัว ทำให้ศีรษะของหมีควายเอียงไปตามแรงเหวี่ยงหมัดของนางแล้วมันก็เซถอยหลังไปหลายก้าว
นางก้มมองกำปั้นของตน ทันใดนั้นความกลัวภายในใจก็ค่อย ๆ สลายไป ทั่วทั้งตัวถูกแทนที่ด้วยพละกำลังอันไร้ขีดจำกัด ! นางจึงเลียนแบบกระบวนท่าของนักมวยชาวไทยคนหนึ่งที่เคยเห็นในโทรทัศน์ตั้งแต่อดีตชาติ เท้าขวาของนางค่อย ๆ วาดไปด้านหลัง จากนั้นนางก็ยกกำปั้นทั้งสองขึ้นมาตั้งท่าในระดับเดียวกันแล้วหงายมือกระดิกนิ้วท้าทายหมีควายอย่างอวดดี
หมีควายโมโหจนขีดสุด มันอ้าปากกว้างแสดงให้เห็นเขี้ยวที่ชุ่มไปด้วยน้ำลาย มันเหวี่ยงอุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างเข้าหานางราวกับหัวรถจักรที่แล่นมาด้วยความเร็ว แต่ยังไม่ทันที่อุ้งเท้าหนาได้ปะทะตัวของหลินเว่ยเว่ย นางก็ง้างหมัดขึ้นมาแล้วทุบใส่ใบหน้า คางและศีรษะของมันราวกับคนเสียสติ ต่อให้เจ้าหมีควายพยายามหลบเพียงใดก็ไม่อาจหลบพ้น
หมีควายถูกชกจนเวียนหัวตาลาย มันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้แล้ว หลินเว่ยเว่ยสูดลมหายใจเข้าลึกและถือโอกาสตอนที่มันกำลังเอาอุ้งเท้าทั้งสองข้างกุมหัวเพื่อป้องกันหมัดของนาง ถีบเข้าที่ไหล่จนมันเซล้มลงพื้น จากนั้นนางก็กระโดดใส่หลังของมันแล้วทุบกำปั้นไปบนผิวหนังที่ปกคลุมด้วยเส้นขนอย่างไม่ยั้งมือ !
หมีควายใช้อุ้งเท้ากุมหัวเอาไว้แล้วขดตัวอยู่บนพื้น บัดนี้มันเหมือนเม่นยักษ์ที่ขี้กลัวมากกว่า ไหนเลยจะมีท่าทีดุร้ายและทรงพลังเช่นเมื่อครู่ แม้บอกว่ามันมีชั้นไขมันและผิวหนังหนาเตอะ แต่การที่มันถูกรัวหมัดใส่เช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกเจ็บระบมได้เช่นกัน หากมันยังยอมให้นางทุบตีอีกต่อไป มินานชีวิตน้อย ๆ ของมันคงต้องถึงคราวจบสิ้นเป็นแน่ !
สัตว์ทุกชนิดมีการรับรู้ถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณ หมีควายจึงส่งเสียงคำราม ‘โฮก’ ออกมา จากนั้นมันก็กระแทกตัวนางแล้วสะบัดออกอย่างแรง โดยมันยอมเสียขนที่หลุดติดมือหลินเว่ยเว่ยไปเป็นกำมือ ก่อนจะวิ่งแจ้นหนีหายไปอย่างรวดเร็ว…มันหนีไปแล้วหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยลูบมือที่บวมแดงของตน หน็อยแน่ ! เจ้านี่หนังหนาชะมัด ข้าทั้งทุบทั้งชกตั้งนานแต่ยังไม่สามารถล้มมันได้ จะว่าไปหมีควายก็มีช่วงเวลาขี้ขลาดตาขาวหรือนี่ พอสู้ไม่ได้ก็หนีไปเช่นกัน !
“เฮ้อ ! เสียดายอุ้งเท้า เสียดายหนังของมัน ! ” หลินเว่ยเว่ยมองไปยังทิศทางที่หมีควายวิ่งหนีด้วยความเศร้าสลด ในแววตาได้เผยให้เห็นความไม่ยอมแพ้ หากตามมันไปตอนนี้จะไล่ล่ามันทันหรือไม่?
พรานหวังค่อย ๆ ปีนลงจากต้นไม้ จากนั้นก็รีบก้มไปหยิบเข็มขัดที่ตกบนพื้นพร้อมเอามาสวมไว้ที่กางเกงอีกครั้ง ดูเหมือนเขามองความคิดของนางออก พรานหวังจึงมิวายกล่าวเตือนว่า “ไม่ต้องตามมันไปหรอก ! หากเจอฝูงหมาป่าขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่เอาได้ ! ”
พรานหวังเอ่ยเตือนแล้วก็อดลอบมองไปยังหลินเว่ยเว่ยมิได้ เขารู้ว่าบุตรสาวคนรองของตระกูลหลินมีพละกำลังมากมาย แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่านางจะมีกำลังมากเพียงนี้ แม้แต่หมีควายยังต้องหนี ผู้ใดก็ได้ช่วยบอกทีว่าข้ามิได้ฝันไป ?
“เด็กน้อย…หากมิได้เจ้าช่วยในวันนี้ ข้าก็คงตายไปแล้ว ! ” พรานหวังย่อมเกิดความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในใจ ถึงขั้นที่แข้งขาเริ่มอ่อนแรง !
“ข้าเคยให้สัญญากับท่านแล้วมิใช่หรือ ? ข้าให้ท่านสอนวางกับดัก ส่วนข้าจะคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้ท่านเอง ! ” หลินเว่ยเว่ยโบกมือปัดราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย
แม้คำพูดเช่นนี้อาจเหมือนคำพูดทั่วไป ทว่าส่วนใหญ่เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย มนุษย์ย่อมเห็นความปลอดภัยของตนมาก่อนเสมอ มีผู้ใดบ้างที่ยามพบอันตรายยังหันกลับมาช่วยผู้อื่นเช่นนาง
พรานหวังเพิ่งถอนหายใจได้มินานก็ได้ยินบุตรสาวคนรองของตระกูลหลินเอ่ยหยอกล้อ “ลุงหวัง ท่านเคยมีความแค้นเช่นสังหารพ่อแม่ของเจ้าหมีควายตัวนั้นมาก่อนหรือ ! เหตุใดมันถึงจ้องตามราวีท่านเพียงผู้เดียว ! ”
พรานหวังส่ายหน้าแล้วหัวเราะอย่างขมขื่น “ หากข้ามีความสามารถสังหารพ่อของมันได้ วันนี้ข้าคงไม่ต้องวิ่งหนีแบบอุตลุดหรอก ! มันคงเห็นข้าเป็นลูกพลับอ่อนนุ่มน่าบีบกระมัง ! ”
พรานหวังกังวลว่าหมีควายตัวนั้นจะกลับมาอีก เขาจึงรีบไปตรวจดูหลุมพรางและกับดักที่วางไว้เพื่อเร่งให้หลินเว่ยเว่ยรีบลงจากภูเขาโดยไว วันนี้เขาได้ประสบกับเหตุการณ์ที่ระทึกเกินไปจึงต้องกลับไปสงบสติอารมณ์เสียก่อน
หลินเว่ยเว่ยวางบ่วงดักสัตว์ไว้ 5 บ่วง ในบรรดานั้นมีสัตว์มาติดกับดัก 3 บ่วง ได้แก่ ไก่ป่าห้าสี กระต่ายป่าตัวอ้วนพุงพลุ้ยและ…
“ว้าว ! นี่คือลูกหมีใช่หรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยมองสัตว์ป่าตัวน้อยที่หยุดดิ้นรนแล้วหันมาแยกเขี้ยวขู่ นางจึงยื่นไม้ไปเขี่ยมัน สัตว์ป่าตัวนั้นก็กัดไม้แล้วขู่นางอีกครั้งและทิ้งรอยเขี้ยวลึกไว้บนไม้ ดุเหมือนกันนะนี่ !
พรานหวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนอิจฉาว่า “ไม่ใช่ มันคือหลางฮวน1 เนื้อของมันนุ่มและมีรสชาติอร่อย แถมยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย ตัวที่เจ้าดักได้สมบูรณ์อ้วนท้วนดีมาก อย่างน้อยน่าจะหนักประมาณสี่สิบห้าสิบชั่ง ข้าคิดว่าคงขายได้อย่างน้อยห้าถึงหกตำลึง ไหนจะหนังของมันที่มีลักษณะสวยงามและมีเอกลักษณ์ ถือเป็นสินค้าชั้นยอดเช่นเดียวกัน อย่างน้อยก็น่าจะขายได้สามถึงห้าตำลึง มากขึ้นหน่อยก็ได้ประมาณเจ็ดแปดตำลึงก็ใช่ว่าเป็นไปมิได้ ! ครั้งนี้ถือว่าเจ้าไม่เสียเปล่าแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะชอบอกชอบใจแล้วกล่าวว่า “นั่นเพราะลุงหวังสอนข้ามาดีต่างหาก ! ”
พรานหวังยิ้มรับ “เพราะพรสวรรค์ของเจ้าต่างหาก เจ้าเพิ่งขึ้นเขามาแค่วันแรกก็ได้สัตว์ป่าเยอะเพียงนี้แล้ว หากขึ้นมาหลายวันเข้าหน่อย ข้าคงไม่มีอันใดต้องสอนเจ้าแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยออกแรงใช้ไม้กระบองแหย่เจ้าหลางฮวนพลางกล่าวไปด้วย “มันก็แค่เรื่องของดวง ! หืม ? ลุงหวัง ท่านดูให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าเจ้าหลางฮวนตัวนี้เป็นตัวเมียหรือเปล่า ? ”
พรานหวังเห็นว่านางใช้ไม้กดตัวหลางฮวนเอาไว้จึงเผยให้เห็นหน้าท้องของมัน เขาจึงหุบยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหลางฮวนที่เพิ่งคลอดลูกได้มินานอีกด้วย”
พรานป่าเช่นพวกเขามีกฎที่ยึดถือมาโดยไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่ล่าสัตว์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ของพวกมันและหากไปเจอสัตว์ตัวเมียที่เพิ่งคลอดลูกก็ต้องปล่อยพวกมันไปเช่นกัน
พรานหวังมีทีท่าราวกับต้องการกล่าวบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็กลืนลงคอ หากรวมตัวหลางฮวนและสัตว์ที่เพิ่งล่าได้อีก 2 ตัวก็น่าจะทำเงินได้อย่างน้อย 10 ตำลึง ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็ยังลังเลว่าจะปล่อยมันไปดีหรือไม่ เหตุใดเขาต้องพูดออกไปเพื่อทำให้นางลำบากใจด้วย ?
หลินเว่ยเว่ยกดแท่งไม้ไปบนตัวหลางฮวนด้วยมือเดียวทำให้มันขยับไปไหนมิได้ จากนั้นนางก็ยื่นอีกมือหนึ่งไปปลดเชือกที่คอของมัน หลางฮวนเป็นสัตว์มีนิสัยดุร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันจึงพยายามยื่นมือมาข่วนมือของนาง แต่โชคดีที่นางเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว มิเช่นนั้นต้องเป็นแผลลึกเข้าแน่ ! ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเสียเลย !
เมื่อหลางฮวนกลับมามีอิสระอีกครั้ง มันก็หันมาแยกเขี้ยวขู่เสียงต่ำใส่หลินเว่ยเว่ย จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกไป เมื่อมันเห็นว่านางไม่มีท่าทีจะไล่ตามแล้ว มันจึงหันหลังแล้ววิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว !
พรานหวังรู้สึกชื่นชมนางจากใจจริงอีกครั้ง ทั้งที่เงินนับสิบตำลึงกองอยู่ตรงหน้าแล้วนางกลับปล่อยมันไปง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ ? จิตใจของนางช่างประเสริฐยิ่งนัก !
ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยมั่นใจอีกเรื่องหนึ่งว่าน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณไม่เพียงมีประโยชน์ต่อมนุษย์เท่านั้น นอกจากนี้มันยังมีแรงดึงดูดที่รุนแรงต่อสัตว์น้อยใหญ่อีกด้วย สาเหตุที่กับดักของนางสามารถดักสัตว์ป่าได้ก็เพราะว่านางได้พรมน้ำพุวิญญาณไว้รอบบริเวณที่วางกับดัก ด้วยกลโกงนี้มีหรือจะไม่สามารถจับสัตว์ป่าได้อีกในอนาคต ?
จากนั้นทั้งคู่ก็ไปตรวจสอบหลุมพรางที่เคยขุดเอาไว้ แม้ว่าบ่วงของพรานหวังไม่มีสัตว์ป่ามาติดกับสักตัว แต่กระนั้นหลุมพรางที่เขาขุดไว้ก็มีแพะป่ามาติดแล้วหนึ่งตัว พรานหวังจึงรีบไปดูที่หลุมด้วยความดีอกดีใจทันที
ทั้งคู่ช่วยกันนำแพะป่าขึ้นมาจากหลุมแล้วมัดเท้าทั้งสี่ข้างของมันเอาไว้ จากนั้นก็ทำให้หลุมพรางคืนสู่สภาพเดิม แล้วทั้งคู่ก็ลงเขาไปด้วยความดีอกดีใจ
ตอนมาถึงตีนเขา ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มเหลือบแดงแล้ว พรานหวังได้แบกแพะป่าที่ปากยังร้องแบะแบะพลางย่ำเท้าเดินเข้าหมู่บ้าน เมื่อคนในหมู่บ้านเห็นก็มองมาด้วยแววตาอิจฉา
“ไอหยา ! พรานหวังขึ้นไปบนภูเขาหรือ ? ได้ของดีมาด้วย ! ” มารดาของเจ้าอ้วนซานกล่าวด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
หลังจากที่นางเห็นว่าหลินเว่ยเว่ยจับไก่ป่าและกระต่ายป่าเดินตามหลังมาติด ๆ ก็เบ้ปากแล้วกลอกตามองบนใส่ “ก็ว่าเหตุใดพรานหวังจึงกล้าขึ้นไปบนภูเขา ที่แท้ก็มีนางเด็กโง่คอยช่วยขวางอันตรายให้นี่เอง ! พรานหวังหนอพรานหวัง เจ้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง เห็นว่านางมีพละกำลังเหลือล้นและสามารถล่าหมูป่ากวางป่าได้หน่อยก็รีบประจบประแจงนางเชียว สุดท้ายการที่เจ้าช่วยนางแล่เนื้อกวางก็เพื่อรอวันนี้เอง ! ฮึ่ม สรุปว่าแพะป่าตัวนี้เป็นฝีมือของผู้ใดเล่า ? ”
1 หลางฮวน หรือ เตียวสุง แปลว่า Mink bear หรือหมีตัวเล็ก คือ wolverine ในปัจจุบัน
ตอนต่อไป