หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 354 ใครน่ากลัวกว่ากัน
ตอนที่ 354 ใครน่ากลัวกว่ากัน?
“หงส์แดง รีบออกมา นี่ไม่ใช่รถม้าของบ้านเรานะ ! ” เสียงของเจ้าหนูน้อยดังขึ้นที่ข้างตัวรถม้า สามารถฟังออกว่าเขากำลังกังวลมากเพียงใด นกแก้วพูดได้ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง หากโดนคนจับไปเป็นของตน พอพี่รองกลับมาแล้วเขาจะอธิบายกับนางว่าอย่างไร !
“เจ้าหนูน้อย…พี่รองกลับมาแล้ว…” หงส์แดงขดตัวอยู่ในอ้อมแขนแสนอบอุ่นของนายหญิง มันยื่นคอพลางตะโกนออกไปข้างนอก
หลินเว่ยเว่ยสวมเสื้อคลุม ก่อนจะเดินลงไปแผดเสียงใส่เจ้าหนูน้อย “หิมะตกเช่นนี้ เหตุใดไม่อยู่ในบ้านดี ๆ ออกมาทำอะไร ? เด็กพวกนี้ก็เป็นเจ้าที่ลากออกมาใช่หรือไม่ ? ”
“พี่รอง ท่านลดเสียงหน่อย…ข้าก็แค่เห็นว่าท่านกำลังใกล้จะกลับมาถึงแล้ว ข้าจึงออกมารอ ! พี่รอง เหตุใดท่านนั่งรถม้าของคนอื่นกลับมา ! ” เจ้าหนูน้อยรีบเข้ามาจับมือพี่สาวอย่างประจบ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด
“หึ…มือของเจ้าเย็นราวกับน้ำแข็ง ไปเล่นหิมะมาใช่หรือไม่ ? รอให้กลับไปแล้วเจ้าต้องดื่มน้ำขิงที่ไม่เติมน้ำตาลชามใหญ่ ๆ เลย ! ” หลินเว่ยเว่ยจับมือที่เย็นราวกับน้ำแข็งของน้องชายเอาไว้
เจ้าหนูน้อยทำหน้าจะร้องไห้ขณะต่อรอง “เติมน้ำตาลสักหน่อยได้หรือไม่ ? ที่จริงข้าไม่ได้หนาวเลย ร่างกายข้าร้อนจะตาย ! ใส่เสื้อกั๊กหนังกระต่ายที่ท่านแม่ทำให้แล้วยังใส่กางเกงขนกระต่ายที่ท่านถักให้อีก เมื่อครู่ตอนข้าวิ่งมาก็เหงื่อออกเชียวล่ะ ! ไม่ต้องดื่มน้ำขิง…”
เจียงโม่หานรีบดึงมือเจ้าหนูน้อยมาจากหลินเว่ยเว่ยแล้วใช้ความอุ่นจากฝ่ามือของตนอุ่นมือให้เจ้าหนูน้อยที่ยื่นมืออีกข้างออกมาด้วยความดีใจ เด็กคนอื่นมักกลัวใบหน้าเย็นชาของพี่โม่หาน แต่เขารู้สึกตรงกันข้าม เพราะพี่รองต่างหากที่น่ากลัว วิธีที่นางใช้ลงโทษคนอื่นมีนับไม่ถ้วน ในแต่ละวิธียังตรงกับจุดอ่อนของคนที่โดนลงโทษด้วย !
หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเด็กคนอื่นที่ยังเล่นไม่สาแก่ใจด้านหลังเจ้าหนูน้อย จากนั้นก็ยื่นกล่องขนมหนวดมังกรที่ซื้อมาให้น้องชาย “เอาไปแบ่งให้พวกสหาย จากนั้นก็บอกให้กลับบ้านของตน กลับไปหามารดาแล้วก็ไปอยู่บนเตียงเตา ! อากาศหนาวถึงเพียงนี้ ไม่กลัวว่าใบหูน้อย ๆ ของพวกเจ้าจะแข็งบ้างหรือ ! ”
ทันใดนั้นเสียงดีใจของเด็กน้อยทั้ง 10 คน (กลุ่มของเอ้อร์ฮว๋ามีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกแล้ว) ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ขอบคุณพี่รองหลิน พี่รองหลินดีที่สุด ! ”
เอ้อร์ฮว๋าพูดถูก เวลาที่พี่รองหลินกลับมาจากในเมืองก็มักมีของอร่อยติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ พี่รองหลินกับเอ้อร์ฮว๋าเป็นคนมีน้ำใจ พวกตนก็พลอยได้กินขนมไปด้วย !
“ว้าว ! นี่คือขนมหนวดมังกร…เหมือนใยแมงมุมเลย ! ” มู่เกินเอ๋อร์ตัวใหญ่ที่สุด เขาเบียดเข้ามาพูดด้วยความดีใจ
เสี่ยวถู่โต้วถามอย่างไร้เดียงสา “ขนมหนวดมังกรทำมาจากหนวดของมังกรจริง ๆ เลยหรือ ? ”
วังตงเฉียงพูดกับเจ้าหนูน้อยว่า “เอ้อร์ฮว๋า เจ้าลองกินสิว่ารสชาติเป็นอย่างไร ? ”
ทันใดนั้นเจ้าหนูน้อยก็เริ่มออกคำสั่งกับเหล่าสหาย “เข้าแถว ! มองขวาว่าครบหรือยัง ! แถวตรง ! เริ่มนับ…” พวกเด็ก ๆ เคยชินการที่เขาจะออกคำสั่งแล้ว ทุกคนเข้าแถวเรียงหน้ากระดานและเริ่มนับอย่างชำนาญ
“หนึ่ง สอง สาม…สิบเอ็ด ! ” หืม ? เจ้าหนูน้อยเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตรงหน้ามีสหายแค่ 10 คน แล้วเหตุใดจึงมีคนนับเลข 11 ได้เล่า ?
เขายังให้ทุกคนนับซ้ำอีกครั้ง แต่เลข 11 ก็ยังโผล่มา เจ้าหนูน้อยจึงเริ่มโมโห “ใคร ? ใครนับเลขสิบเอ็ด ? ” จะต้องหาตัวปัญหานั่นให้พบ !
โก่วเชิ่งเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกพลางชี้ไปที่ซอกคอของตน “เอ้อร์ฮว๋า ปะ…เป็นมันที่นับเลขสิบเอ็ด ! ”
เจ้าหนูน้อยหันไปมอง แท้จริงก็เจ้านกแก้วของบ้านตน มันแอบซุกอยู่ที่ซอกคอของโก่วเชิ่งเอ๋อร์ เขาจึงเข้าไปจับเจ้านกน้อยมาใส่กระเป๋าเสื้อของตนแล้วเริ่มแบ่งขนมหนวดมังกรให้เหล่าสหาย
กล่องที่พี่รองให้มาบรรจุขนมหนวดมังกรทั้งหมด 12 ก้อน หลังแบ่งให้ทุกคนแล้วเขาก็เก็บไว้ให้ตนสองก้อน เจ้าหงส์แดงยื่นคอออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ของข้าล่ะ ของข้าล่ะ ? ”
เจ้าหนูน้อยรีบปิดกล่องแล้วพูดกับนกจอมตะกละว่า “กลับไปถามพี่รองว่าเจ้ากินน้ำตาลได้หรือไม่ ! ประเดี๋ยวจะท้องเสีย ! ”
จากนั้นเขาก็โบกมือให้เหล่าสหายแล้วจับเจ้าหงส์แดงที่เอาแต่ดิ้นจะกินน้ำตาลวิ่งเข้าบ้านตนเอง พวกสหายทั้ง 10 คนคิดว่าคราวนี้จะได้ชิมกันคนละคำ คาดไม่ถึงว่าจะได้ขนมมาก้อนเท่าไข่ไก่เลย
สหายของเจ้าหนูน้อยมีปฏิกิริยาแตกต่างกันออกไป หลังได้มาแล้วมู่เกินเอ๋อร์ก็แทบรอไม่ไหวที่จะยัดใส่ปาก เขากินไปพลางพูดไปด้วย “หวานมาก ! พอเข้าปากแล้วละลายทันที เหมือน…หิมะไม่มีผิด แต่หวานกว่าหิมะ ! ”
ถู่โต้วหยิบออกมาใส่ปากคำเล็ก ๆ อื้ม…ทันใดนั้นรอยยิ้มดั่งบุปผาก็ปรากฏขึ้น “อร่อย ! ข้าจะเอากลับไปให้ท่านพ่อท่านแม่กินด้วย ! ”
วังตงเฉียงก็พูดว่า “ข้าจะให้ท่านปู่กินด้วยเช่นกัน ! ” ต้องแอบเอาไปให้ เพราะจะให้พวกพี่ ๆ รู้ไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะพี่สาว ! เวลาพี่สาวมีของอร่อย นางไม่เคยแบ่งให้เขาเลย ดังนั้นขนมของข้าก็จะไม่มีส่วนของท่านเช่นกัน !
โก่วเชิ่งเอ๋อร์เห็นมู่เกินเอ๋อร์ใกล้จะกินหมดแล้ว เขากลัวว่าจะโดนอีกฝ่ายแย่งจึงรีบถือขนมหนวดมังกรกลับบ้าน เขาจะแบ่งให้ท่านพ่อกิน !
หยวนเจี๋ยลงจากรถม้ามาเห็นฉากนี้พอดี เขาจึงได้สัมผัสกับความไร้เดียงสาและความน่ารักของพวกเด็ก ๆ ฉีเยี่ยนเดินมาข้างหลังคุณชาย ก่อนจะอมยิ้มแล้วพูดว่า “สภาพอากาศเช่นนี้ ในหมู่บ้านอื่นที่พวกเราผ่านมาก็แทบไม่เห็นเด็กเลย บรรยากาศหดหู่เป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเด็ก ๆ ฉือหลี่โกวเป็นเด็กดีและมีความสุขกันน่าดูเลยขอรับ ! ”
พ่อบ้านหยางก็มาจากครอบครัวยากจน เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “รู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใดที่ทำให้หมู่บ้านอื่นไม่มีเด็กออกมาวิ่งเล่น ? เพราะยากจนไงเล่า ! บางครอบครัวมีเสื้อกันหนาวตัวเดียวเท่านั้น ใครจะออกนอกบ้าน คนนั้นก็ใส่ ส่วนคนอื่นได้แต่เบียดตัวกันอยู่ที่เตียงเตาเพื่อจะได้ไม่แข็งตาย…”
ฉีเยี่ยนจินตนาการถึงภาพเหล่านั้นแล้วพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ข้าคิดว่าพวกเด็ก ๆ ในหมู่บ้านชนบทจะเป็นเหมือนหมู่บ้านฉือหลี่โกวที่วิ่งเล่นกันอย่างมีความสุขและไร้กังวลเสียอีก ! ”
“พวกเด็กฉือหลี่โกวใส่เสื้อกันหนาวใหม่ทั้งนั้น ใบหน้ามีเลือดฝาด สดใสร่าเริงกันมาก ในปีแห่งภัยพิบัติเช่นนี้ ชาวบ้านที่มีกินมีใช้ย่อมหาได้ยาก ! ” พ่อบ้านหยางถอนหายใจ แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางป่ากลางเขาอย่างฉือหลี่โกวถึงมั่งคั่งได้เช่นนี้ ?
หลินเว่ยเว่ยพาแขกมาที่ลานบ้านของย่าเถียนที่อยู่ด้านข้าง เนื่องจากเถียนฟู่กุยถูกตระกูลหนิงย้ายให้ไปเป็นหลงจู๊ร้านสาขาในตัวอำเภอ คนทั้งครอบครัวจึงต้องย้ายไปอยู่บ้านที่หลังร้านขนม พวกเขาเตรียมจะขายบ้านที่เขตเริ่นอันเพื่อรวบรวมเงินไปซื้อบ้านที่ตัวอำเภอและปักหลักอยู่ที่นั่น
เถียนฟู่กุยไม่คิดจะกลับมาอีก บ้านที่ฉือหลี่โกวหรือแม้แต่โฉนดที่ดินก็ยกให้บ้านตระกูลหลิน ความหมายของหลินเว่ยเว่ยคืออยากซื้อบ้านหลังนี้ แต่เถียนฟู่กุยไม่ยอมรับเงินจากนางและยังบอกว่าถ้าไม่ใช่เพราะนาง เขาก็ไม่ได้รับคำชมจากเจ้านายและไม่ได้ไปทำงานที่ตัวอำเภอ
หลินเว่ยเว่ยไม่อยากเอาเปรียบอีกฝ่าย อย่างไรก็จะจ่ายเงินให้ได้ แต่เขาก็ปฏิเสธนางมาโดยตลอด หากพวกนางยื้อกันไปมาก็ไม่ใช่วิธีแก้ สุดท้ายหลินเว่ยเว่ยจึงพูดว่า
“เอาเช่นนี้แล้วกัน โฉนดนั้นข้าจะเก็บไว้ให้พวกท่านชั่วคราวและบ้านยังคงเป็นของอาเถียน หากปู่เถียนกับย่าเถียนเบื่อที่จะอยู่ในตัวอำเภอและคิดถึงชีวิตในหมู่บ้านชนบทก็ยังมีที่ให้กลับ ตอนที่พวกเราต้องการใช้ ข้าจะขอยืมใช้สักเล็กน้อย ส่วนค่าซ่อมบำรุงนั้นพวกเราจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ตกลงตามนี้ ! ”