หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 37 คนโง่ย่อมเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ
ตอนที่ 37 คนโง่ย่อมเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ
ไม่ได้! หมู่บ้านฉือหลี่โกวอยู่ห่างจากที่นี่หลายสิบลี้ เดินทางไปกลับแต่ละเที่ยวใช้เวลาตั้งหลายชั่วยาม ! แม้ไม่ต้องขนสัมภาระลงก็ต้องให้อย่างน้อย 150 อีแปะ ถ้าน้อยกว่านี้เจ้าก็ไปหาคนอื่น ! ชายสูงวัยคาบมวนยาสูบไว้ที่ปาก จากนั้นก็แสดงสีหน้าคล้ายไม่ต้องการต่อรองราคาอีกต่อไป !
หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า ก็ได้ ! หากท่านกล้าทิ้งข้าไว้กลางทางอีก หรือเล่นลูกไม้อื่นใดก็ตาม จงจำไว้ว่าหมัดของข้ามิได้เบาอย่างที่ท่านคิด ! จากนั้นนางก็หยิบก้อนหินขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นจากพื้นแล้วบีบให้เหลือครึ่งหนึ่งอย่างง่ายดายเพื่อเป็นการขู่ขวัญ
อีกฝ่ายพยักหน้าราวไก่จิกข้าวเปลือก เจ้าไม่ต้องขู่ข้าหรอก ครั้งก่อนข้าเห็นพละกำลังของเจ้าแล้ว ตอนนั้นเจ้าเดินแบกผู้ชายไว้บนหลัง ขนาดเกวียนของข้ายังตามไม่ทัน ! หนุ่มน้อย การมีพละกำลังมากมายถือเป็นเรื่องดี ! จะว่าไปแล้วเจ้ามีสัญญาหมั้นหมายหรือยัง ? ให้ข้าแนะนำสตรีในเมืองให้หรือไม่ ?
ตอนนี้หลินเว่ยเว่ยสวมชุดบิดาอยู่ ทั้งยังมวยผมขึ้นราวกับผู้ชาย นอกเหนือจากผิวที่ขาวเนียนละเอียดแล้วส่วนอื่นของนางล้วนดูคล้ายเด็กผู้ชายตัวอ้วน !
สัญญาหมั้นหมายอันใดกัน ? เห็นข้าตัวใหญ่เช่นนี้แต่ที่จริงแล้วข้าเพิ่งอายุ 14 ปีเท่านั้น รอให้ข้าโตกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่เถิด ! หลินเว่ยเว่ยบอกชายสูงวัย ท่านไปรอข้าที่ประตูเมืองสักครู่ ข้าจะไปซื้อของอีกสักหน่อยแล้วจะตามไป !
ชายสูงวัยจึงบังคับวัวให้ลากเกวียนออกไป จากนั้นก็ทิ้งท้ายไว้ว่า เจ้ารีบหน่อยแล้วกัน หากผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วเจ้ายังไม่มา ข้าจะคิดเงินเพิ่ม !
หลินเว่ยเว่ยตรงไปที่ร้านแลกเงินเพื่อแลกตั๋วเงิน 100 ตำลึงเป็นสกุลเงินที่เล็กกว่านั้น จากนั้นนางก็แลกเงินอีก 20 ตำลึงแล้วไปที่ตลาดเพื่อซื้อไก่สองตัวที่เพิ่งวางไข่และไปร้านขายเนื้อเพื่อซื้อเนื้อติดมัน 1 ชั่งกับกระดูก 2 ชิ้น ก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
ในเขตเริ่นอันมีเตาขนาดเล็กใช้เผาอิฐและกระเบื้องเพียงเตาเดียวเท่านั้น โดยมีการขุดเตาอยู่ตรงพื้นเป็นลักษณะคล้ายรูปเกือกม้า ใช้ดินเหนียวเป็นวัตถุดิบและใช้ไม้สนเป็นเชื้อเพลิงจึงทำให้เตาเผาสามารถผลิตอิฐและกระเบื้องได้ไม่กี่ร้อยก้อนต่อวันเท่านั้น
ภัยแล้งในปีนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเตาเผาอิฐและกระเบื้องอย่างเห็นได้ชัดเพราะในเวลานี้หน้าเตาเผามีชายรูปร่างแข็งแรงกำยำสองคนกำลังเผาอิฐด้วยท่าทีไร้เรี่ยวแรงเต็มทน ด้านหลังของพวกเขามีอิฐและกระเบื้องที่เผาเสร็จเรียบร้อยแล้วกองพะเนิน เมื่อลองคิดแล้วมันก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกันเพราะทุกวันนี้ชาวบ้านยังอดอยากปากแห้ง เพียงจะทานให้อิ่มท้องก็ยังไม่ได้แล้วจะเอาเงินจากที่ใดมาซื้ออิฐซื้อกระเบื้องไปสร้างและซ่อมแซมบ้าน?
แม้ว่าอิฐและกระเบื้องที่หลินเว่ยเว่ยซื้อจะไม่มากนัก แต่นางก็ได้รับการต้อนรับจากสองพี่น้องเป็นอย่างดี พวกเขาอาสาขนอิฐและกระเบื้องขึ้นเกวียนให้โดยที่นางไม่ต้องออกแรงแม้แต่น้อย นอกจากนี้พวกเขายังช่วยเช็ดปัดฝุ่นให้เป็นอย่างดี อิฐเต็มเกวียนนี้ราคาไม่ถึงหนึ่งตำลึงด้วยซ้ำ !
ระหว่างทางกลับหมู่บ้าน หลินเว่ยเว่ยเห็นว่าเกวียนของชายสูงวัยเริ่มช้าลง นางจึงอาสาลงไปช่วยดันอยู่ด้านหลังให้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางใช้เวลาในการเดินทางเกือบสองชั่วยามกว่าจะกลับมาถึงบ้าน หลินเว่ยเว่ยจึงอดถอนหายใจให้แก่การขนส่งที่ล้าหลังเช่นนี้ไม่ได้ !
ดูเหมือนว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้จะไม่สามารถปกปิดความลับอันใดได้แม้แต่น้อย หลังจากที่หลินเว่ยเว่ยซื้ออิฐและกระเบื้องมาจากในเมือง ข่าวของนางก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว บรรดาชาวบ้านที่ว่างงานต่างพากันมาสอบถามว่าตระกูลหลินจะสร้างบ้านหลังใหม่ใช่หรือไม่ ?
มารดาของเจ้าอ้วนซานและกลุ่มชาวบ้านที่ชอบนินทาจึงพากันจับกลุ่มนินทาอย่างออกรส คนโง่ย่อมเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ ทั้งที่ในมือมีเงินอยู่แค่ไม่กี่ตำลึงแต่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายแล้ว บ้านของตระกูลหลินเพิ่งสร้างมาแค่ห้าหกปีมิใช่หรือ ? ตอนนี้นางซื้ออิฐและกระเบื้องมาใหม่ หรือนางคิดจะสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง ?
หญิงวัยกลางคนที่เป็นช่างเย็บพื้นรองเท้าได้กล่าวด้วยความสงสัยว่า เจ้าเด็กโง่ล่ามาได้แค่หมูป่ากับกวางป่า ในมือของนางคงมีเงินแค่สิบกว่าตำลึง แม้นางคิดสร้างบ้านหลังใหม่ก็คงไม่พอหรอก !
พี่สะใภ้กุ้ยอิง บ้านเจ้าอยู่ใกล้บ้านตระกูลหลินยิ่งกว่าผู้ใด ช่วงนี้เจ้าเห็นว่านางล่าสัตว์ป่ามาบ้างหรือไม่ ? มารดาของเจ้าอ้วนซานหันไปถามหญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้ากลมมน
พี่สะใภ้กุ้ยอิงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า ข้าก็ไม่เคยเห็นสัตว์ใหญ่ ที่เห็นก็มีเพียงไก่ป่าหนึ่งตัวแล้วก็กระต่ายป่าอีกหนึ่งตัว นางเอาไก่ป่ามาตุ๋นคืนนั้นเลย…แต่เมื่อวานข้าเห็นพรานหวังแบกกวางกลับมา !
นางเด็กนั่นเป็นคนโง่ ! พวกเจ้าไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘มัวแต่สอนลูกศิษย์ อาจารย์ก็อดตาย’ พรานหวังจะสอนทักษะทั้งหมดของตนให้นางได้เช่นไร ? เขาก็แค่ตอบแทนที่นางพาขึ้นไปบนเขาเท่านั้นเอง หญิงวัยกลางคนที่ทำอาชีพเย็บพื้นรองเท้าส่ายหน้าอย่างระอา
มารดาของเจ้าอ้วนซานมุ่ยปากแล้วกล่าวว่า คนโง่ย่อมเป็นคนโง่อยู่วันยังค่ำ หากนางคิดได้แบบพวกเรา นางก็คงมิใช่คนโง่หรอก !
จากนั้นไม่นานก็มีหญิงคนหนึ่งแอบไปถามข่าวคราวมาจากตระกูลหลินและวิ่งกลับมาพร้อมถอนหายใจ นางเด็กโง่ช่างน่าขันเหลือเกิน ขนาดคนยังไม่มีโอกาสได้อาศัยบ้านมุงด้วยกระเบื้องและอิฐ แต่นางทำบ้านให้กระต่ายเสียได้ ! เป็นเช่นไรเล่า พวกเจ้าคาดเดาไว้ว่าอย่างไรบ้าง ? สุดท้ายนางก็แค่คนโง่ที่ซื้ออิฐซื้อกระเบื้องมาสร้างรังให้กระต่าย พวกเจ้าคิดว่ามันน่าขันหรือไม่ ?
ทำรังกระต่าย ? บรรดาพวกชอบนินทาทั้งหลายต่างถามถึงเรื่องนี้กันยกใหญ่
หญิงคนนั้นจึงตอบว่า พรานหวังจับแม่กระต่ายและลูกกระต่ายมาให้ลูกคนเล็กของตระกูลหลินเล่น เด็กน้อยคนนั้นจึงบอกว่าอยากเลี้ยงกระต่ายขาย แต่เนื่องจากกระต่ายสามารถขุดหลุมได้ พวกเขาจึงกลัวว่ามันจะหนี ดังนั้นนางเด็กโง่จึงซื้ออิฐมาทำรังให้กระต่าย ฮ่าฮ่าฮ่า ! กระต่ายคอกหนึ่งจะขายได้สักเท่าไหร่กันเชียว มันยังไม่พอค่าอิฐเลยด้วยซ้ำ นี่คงเป็นเรื่องน่าขันที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา !
ส่วนหญิงคนอื่นก็พากันตบขาหัวเราะลั่น ขณะเดียวกันหญิงวัยกลางคนใบหน้ากลมได้ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า นางหวงก็ช่างตามใจลูกเหลือเกิน ส่วนลูกชายของนางก็เล่นไม่รู้เรื่อง !
ปกตินางหวงก็มักทำอันใดโดยไม่คิดอยู่แล้ว นางเป็นหญิงตัวคนเดียวที่เลี้ยงลูกถึงสี่คน แต่ก็ยังมิวายเลี้ยงลูกคนรองจนอ้วนท้วนสมบูรณ์ แถมยังกัดฟันส่งลูกชายไปเรียนหนังสือในเมืองจนทำให้ตนป่วยหนัก สุดท้ายนางก็ทำได้แค่นอนซมอยู่บนเตียง ทำสิ่งใดมิได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว ! มารดาของเจ้าอ้วนซานเริ่มรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ
เพราะเจ้าเด็กโง่ผู้นั้นล่าสัตว์ป่ามาได้สองตัวด้วยความบังเอิญ พอขายได้เงินมากเข้าก็เริ่มใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย รอให้พวกนางล่าสัตว์ป่ามิได้ก่อนเถิด ถึงตอนนั้นพวกนางจะหัวเราะไม่ออก หึ !
เด็กน้อยได้ยินเสียงเกวียนจึงวิ่งมาเปิดประตูให้พี่รอง หลังจากเห็นก้อนอิฐและกระเบื้องที่อยู่บนเกวียน เด็กน้อยก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ปากก็ร้องตะโกนว่ากระต่ายน้อยของตนจะมีบ้านอยู่แล้ว !
ด้วยความดีใจ เขาจึงไปช่วยหลินเว่ยเว่ยขนของลงจากเกวียนอย่างขยันขันแข็ง เด็กชายตัวน้อยรูปร่างผอมบางขนอิฐจากหน้าบ้านไปไว้ที่หลังบ้านทีละ 2 ก้อน หลังจากวิ่งวนไปมาอยู่หลายรอบก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังช่วยพี่สาวอย่างขยันขันแข็ง ทำให้ใบหน้าเล็ก ๆ มอมแมมดูไม่ต่างจากแมวน้อย
หลินเว่ยเว่ยเอาตะกร้ามาสองใบ จากนั้นก็บรรจุอิฐจนเต็มตะกร้าแล้วถือไว้ข้างละใบ เพียงไม่กี่รอบนางก็สามารถขนอิฐลงจากเกวียนจนหมด
คนบังคับเกวียนกำลังสูบยาสูบอยู่ที่ข้างเกวียน ปากของเขาก็กล่าวว่า หนุ่มน้อย ที่บ้านภรรยาของข้ามีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง นางตัวขาวและอ้วนเหมือนเจ้านี่แหละ ทั้งยังเป็นคนอารมณ์ดีด้วย เจ้าไม่สนใจพิจารณานางสักหน่อยหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยนับเงิน 150 อีแปะให้เขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม ข้าต้องขอบคุณในความปรารถนาดีของท่านลุงยิ่งนัก แต่มารดาของข้าบอกไว้ว่ารอให้ข้าอายุครบ 18 ปีเสียก่อนค่อยคุยเรื่องแต่งงาน ข้าคงไม่ดึงหลานสาวของท่านมาลำบากด้วยกันหรอก นี่ก็ใกล้มืดแล้ว ท่านลุงรีบกลับเถิด !
พอเหลือบมองด้านข้างนางก็เห็นบัณฑิตหนุ่มกำลังเดินท่องตำรามาทางด้านนี้ ซึ่งด้านหลังของเขามีกลุ่มสาว ๆ ในหมู่บ้านที่กำลังยกมือจับใบหน้าของตนไว้ด้วยความเขินอาย สายตาของพวกนางจ้องเขาและทำราวกับว่าอยากสิงเข้ามาในตัวของเขา
พวกนางส่งเสียงหัวเราะด้วยความดีอกดีใจ มองแล้วบัณฑิตหนุ่มก็เป็นที่หมายปองของสาว ๆ มากทีเดียว
เสี่ยวหานกลับมาแล้วหรือ ? นี่คือค่างานปักของน้าเฝิง…อ้อ จริงสิ ! เจ้าได้ไปทำอันใดให้บุตรชายเจ้าของโรงปักผ้าตระกูลอู๋โกรธหรือไม่ ? วันนี้หลงจู๊โรงปักผ้าบอกข้าว่าจะไม่รับงานของน้าเฝิงอีก ! หลินเว่ยเว่ยยัดเงินใส่มือบัณฑิตหนุ่ม
เมื่อชาติที่แล้วเพราะโรงปักผ้าตระกูลอู๋ปฏิเสธรับซื้องานปักจากมารดา ส่วนเขาก็ไม่ได้สติเป็นเวลานาน ทรัพย์สินที่ครอบครัวสะสมมาจึงถูกใช้ในการรักษาเขาจนหมด ด้วยความจนใจ มารดาจึงต้องเดินผ่านเส้นทางบนภูเขาเพื่อไปขายงานปักที่เขตฝูอันด้วยระยะทางไกลกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ด้วยความเหนื่อยล้าและหิวโหยมารดาจึงหมดสติพลัดตกในคูน้ำลึก จนกระทั่งพบร่างมารดาก็ถูกหมาป่ารุมทึ้งจนสภาพศพน่าอนาถ ไม่เหลือแม้แต่เค้าโครงเดิม
ตอนต่อไป