หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 38 ไม่ขลาดเขลาเช่นอดีต
ตอนที่ 38 ไม่ขลาดเขลาเช่นอดีต
เจียงโม่หานเผยความเยือกเย็นที่บาดลึกไปถึงกระดูกออกมาทางแววตา ในชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้มารดาต้องประสบชะตากรรมเฉกเช่นชาติก่อนอีกแล้ว ส่วนเจ้าอู๋ปัวผู้นั้น เขาไม่มีวันปล่อยให้มันได้ใช้ชีวิตสุขสบายโดยไร้ความผิดอย่างแน่นอน
ทว่าเมื่อเหลือบเห็นพวงเงินสิบตำลึงแล้วเจียงโม่หานจึงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจ้าให้ข้าเกินหรือไม่ ?
ไม่ ! หลินเว่ยเว่ยอธิบายต่อ งานฝีมือของน้าเฝิงขายได้ราคานี้จริง ๆ วันนี้ข้าพบเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่ง เขาซื้อแมวป่าของข้าไป ดังนั้นข้าจึงแนะนำผ้าปักลายของน้าเฝิงให้เขาด้วย เขาไม่ใช่คนขาดแคลนเงินทองจึงซื้อผ้าไปในราคา 10 ตำลึง !
เจียงโม่หานได้ยินเช่นนั้นจึงเก็บพวงเงินตำลึงไปแล้วกล่าวขอบคุณ ขอบคุณเจ้ามาก !
เหตุใดต้องเกรงใจข้าด้วย นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย ! หลินเว่ยเว่ยยิ้มกว้างซึ่งรอยยิ้มของนางสดใสยิ่งกว่าดวงอาทิตย์กลางท้องนภาเสียอีก
เจียงโม่หานเพ่งมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย เขาไม่มั่นใจว่าความมีน้ำใจและไมตรีที่อีกฝ่ายแสดงออกมานี้เป็นนิสัยแท้จริงหรือเสแสร้งแกล้งทำ การที่นางมาสนใจเขาเพราะถูกรูปลักษณ์ของเขาดึงดูดใจเหมือนสตรีน้อยใหญ่ในหมู่บ้านหรือเข้ามาตีสนิทด้วยจุดประสงค์อื่น
ชาติก่อนเขาต่อสู้เพียงลำพังในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและอันตราย หากไม่ระวังก็คงได้ตายและไม่ฟื้นอีกแน่ ดังนั้นเขาจึงอดระแวงมิได้
จริงสิ ข้าซื้อกระดูกหมูมาจากในเมืองสองชิ้น เจ้าแบ่งไปต้มน้ำแกงชิ้นหนึ่งสิ ! หลินเว่ยเว่ยนำกระดูกออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่หนึ่งชิ้นแล้วยัดใส่มือเขาโดยไม่ให้โอกาสเขาได้ปฏิเสธ จากนั้นนางก็เดินกลับเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดี
พี่สาวคนโตเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดจากระยะไกล เมื่อกลับถึงบ้านจึงรีบไปฟ้องนางหวงทันที ท่านแม่เจ้าคะ น้องรองเอาของไปให้ลูกชายน้าเฝิงอีกแล้ว เหตุใดท่านแม่ไม่ว่านางบ้าง !
นางหวงกำลังเย็บเสื้อผ้าตัวเก่าของสามีให้มีขนาดเท่าตัวของบุตรสาวคนรอง เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า เป็นเพื่อนบ้านต้องคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน การแบ่งปันสิ่งของให้กันถือเป็นเรื่องสมควรมิใช่หรือ ? ตอนที่ครอบครัวของเราประสบความลำบาก น้าเฝิงก็คอยช่วยเหลือพวกเรามาโดยตลอด
ท่านแม่ ! นางกระทืบเท้าด้วยความโมโหแล้วกล่าวว่า ทุกครั้งที่นางไปก็มักชอบไปตอนที่ลูกชายของน้าเฝิงอยู่บ้าน นางมิรู้หรือไรว่าบุรุษสตรีมีความแตกต่างกัน นางไม่มียางอายเอาเสียเลย ข้าดูสีหน้าของนางก็พอจะรู้แล้วว่านางไปเพราะลูกชายของน้าเฝิงต่างหากเจ้าค่ะ ! นางไม่รู้จักคิดเลยว่าเขาเป็นถึงบัณฑิตหนุ่มผู้มีอนาคตไกล คนอย่างเขาหรือจะมาสนใจคนโง่เช่นนาง ! ท่านแม่เจ้าคะ ท่านต้องตักเตือนนางบ้าง อย่าให้นางทำเรื่องวุ่นวายจนเป็นที่น่าหัวเราะของชาวบ้านอีกเลย !
นางหวงไม่คิดว่าบุตรสาวคนรองจะมีความรู้สึกชอบพอบุตรชายของเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงเรียกมาเพื่อถามไถ่ ลูกแม่ เจ้าคิดว่าลูกชายของน้าเฝิงข้างบ้านเป็นเช่นไรบ้าง ?
ท่านแม่หมายความเช่นไรหรือเจ้าคะ ? หลินเว่ยเว่ยอ้าปากค้าง มารดาคงไม่คิดให้นางไปเป็นสะใภ้ของน้าเฝิงใช่หรือไม่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเบิกตากว้างแล้วพยายามพูดโน้มน้ามมารดา ท่านแม่ เจ้าหนุ่มน้อยแซ่เจียงผู้นั้นยังสูงไม่เท่าข้าเลย แถมยังผอมแห้งราวกับลูกไก่ตัวน้อย ข้าใช้มือเพียงข้างเดียวก็สามารถหิ้วตัวเขาขึ้นมาได้แล้ว แม้ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาดี มีความรู้ความสามารถเพราะได้ร่ำเรียนหนังสือ แต่…ข้ากับเขาเดินคนละเส้นทางกัน !
นางหวงได้ยินบุตรสาวเอ่ยเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา แม่แค่ถามเจ้าว่ามองเขาเป็นคนเช่นไร มิได้บอกว่าจะยกเจ้าให้แต่งงานกับเขาเสียหน่อย ! เหตุใดต้องร้อนใจด้วย ?
เมื่อพี่สาวได้ยินคำตอบก็พยายามมองค้อนน้องสาวสุดชีวิตคล้ายต้องการบอกว่า ‘ท่านแม่ หากท่านจะยกนางให้แต่งงานกับเขา ท่านก็ต้องถามเขาด้วยว่าจะยอมแต่งกับนางหรือไม่ ! เขาเปรียบเสมือนเทพเซียนผู้สง่างาม แล้วเขาจะมาสนใจสาวชาวบ้านที่ทั้งอ้วนและอัปลักษณ์เช่นนางได้อย่างไร ? ’
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะอย่างเก้อเขิน ท่านแม่ ข้ามองเขาไม่ต่างจากมองดอกไม้ที่แสนสวยดอกหนึ่ง ของที่สวยงามมักทำให้เจริญหูเจริญตามิใช่หรือเจ้าคะ
จากนั้นนางก็เล่าเรื่องตลกให้มารดาฟังว่าลุงผู้บังคับเกวียนมาส่งอยากแนะนำหลานสาวของภรรยาให้นาง ท่านแม่ ข้าเก่งหรือไม่ ? ข้าเกือบได้แต่งลูกสะใภ้ให้ท่านโดยไม่ต้องเสียสินสอดแล้วนะ !
นางหวงรู้สึกสบายใจเพราะบุตรสาวไม่ขลาดเขลาเช่นอดีตแล้ว นางจึงยิ้มพร้อมใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากของบุตรสาว เจ้านี่นะ ! อย่าเอาแต่ใส่เสื้อผ้าของพ่อเจ้าแล้วแกล้งปลอมตัวเป็นบุรุษเดินไปเดินมาในเมืองตั้งแต่เช้ายันเย็นอีกเลย คราวหน้าหากเข้าเมืองก็ซื้อผ้ากลับมาสักหลายฉื่อ แม่จะได้เย็บชุดให้เจ้า !
เมื่อพี่สาวได้ยินเช่นนั้นจึงหยุดชะงักฝีเท้าทันใด มีบ้านใดบ้างไม่เย็บเสื้อผ้าให้บุตรสาวคนโตก่อน บ้านอื่นล้วนเย็บเสื้อผ้าให้บุตรคนโตก่อนมิใช่หรือ ? เหตุใดบ้านของนางถึงเย็บเสื้อผ้าให้น้องรองก่อนเย็บให้พี่สาวด้วย ท่านแม่ชักลำเอียงมากขึ้นทุกวันแล้ว !
แต่หลินเว่ยเว่ยกล่าวว่า ในแต่ละวันหากข้าไม่ขึ้นเขาก็ต้องเข้าเมือง ดังนั้นการที่ข้าใส่เสื้อผ้าของบุรุษย่อมทำให้สะดวกสบายกว่า ท่านแม่เก็บเงินไว้ก่อนเถิด จะได้เอาไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นเจ้าค่ะ !
หลินเว่ยเว่ยนำเงิน 20 ตำลึงที่เหลือยื่นให้มารดา ส่วนอีก 70 ตำลึงที่แลกมานั้นนางได้ยัดใส่กระบอกไม้ไผ่แห้งแล้วโยนเข้าไปในมิติน้ำพุวิญญาณเพราะไม่ว่าที่ใดก็ไม่ปลอดภัยเท่ามิติน้ำพุของตนอีกแล้ว !
เมื่อพี่สาวได้เห็นเงินตำลึงที่ขาวสะอาดตา สีหน้าจึงดูผ่อนคลายเล็กน้อย ดังนั้นจึงเดินออกไปที่ลานบ้านแต่พอเห็นแม่ไก่สาวสองตัวในสุ่ม นางก็เดินกลับเข้ามาฟ้องนางหวงอีกครา
ท่านแม่เจ้าคะ ! น้องรองมีเงินทีไรก็ชอบใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แค่นางซื้อกระดูกมาก็มากพอแล้ว แต่นางยังซื้อแม่ไก่สาวมาตั้งสองตัว ! เงินสองสามร้อยอีแปะนี้สามารถซื้อพวกเส้นหมี่และข้าวได้ตั้งมากมาย !
พี่สาวกลัวความยากจนชนิดขึ้นสมอง นางเริ่มรู้สึกหวงแหนช่วงเวลาที่ได้ทานข้าวสองมื้อพร้อมน้ำซุปแสนอร่อยในแต่ละวัน ดังนั้นนางมักเป็นกังวลว่าวันต่อไปอาจไม่มีข้าวให้ทาน นางไม่อยากอดมื้อกินมื้ออีกแล้ว !
เนื่องจากสองวันมานี้นางได้ทานทั้งไก่ทั้งหมู นางจึงทานจนหนำใจและกลัวว่าน้องรองอาจใช้เงินจนหมดแล้วทำให้ครอบครัวกลับมายากลำบากเหมือนอดีตอีกครั้ง นางมิได้มีเจตนาหาเรื่องน้องสาว เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่น้องสาวใช้เงินมือเติบเช่นนี้
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงอธิบายว่า ที่ข้าซื้อแม่ไก่สองตัวนี้มาก็เพื่อเลี้ยงให้มันออกไข่ ! ในอนาคตเราจะได้มีไข่ไว้บำรุงร่างกายให้ท่านแม่กับน้องสี่วันละฟอง !
พี่สาวโมโหจนกระทืบเท้า ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ ? ในหมู่บ้านของเรามีหวงต้าเซียน1เยอะมาก ถ้าจะปล่อยให้หวงต้าเซียนลากไก่ไปกิน พวกเราฆ่ากินเนื้อมันไม่ดีกว่าหรือ !
ไม่เป็นไร ตอนกลางวันข้าจะปล่อยมันแล้วเลี้ยงไว้ในลานบ้าน ส่วนตอนกลางคืนข้าก็จะใส่กรงแล้วเอาไปไว้ในห้องนอนของข้า ! หลินเว่ยเว่ยตอบ
พี่สาวจึงถลึงตาใส่ทันที เจ้าไม่กลัวเหม็นขี้ไก่หรือ !
ขอแค่ท่านแม่และน้องสี่ได้ทานไข่ทุกวัน ต่อให้เหม็นจนตายข้าก็ยอม !
คำที่หลินเว่ยเว่ยกล่าวออกมาน่าประทับใจ ทำให้เจ้าหนูน้อยรู้สึกซาบซึ้งจนเข้าไปกอดเอวของนางไว้ จากนั้นเขาก็ออดอ้อนนางว่า พี่รอง ท่านช่างดีเหลือเกิน ! พอถึงตอนนั้นข้าจะแบ่งไข่ไก่ให้ท่านครึ่งฟอง !
พี่สาวคนโตได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปด่าเจ้าหนูน้อยทันที เจ้าเด็กเนรคุณ ! จากนั้นนางก็กระทืบเท้าเดินออกไป ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหและรู้สึกน้อยใจ
ตอนที่เขายังเป็นเด็กตัวน้อย ผู้ใดที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ ผู้ใดคอยอาบน้ำให้และผู้ใดที่คอยแบกเขาไว้บนหลังแล้วพาออกไปเที่ยวเล่น ?
พอถึงตอนนี้แค่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาอย่างสวยหรูและของกินเล็กน้อยจากผู้อื่น เขาก็แปรเปลี่ยนจนลืมไปหมดแล้วว่าได้ผู้ใดเลี้ยงดูมา ! ดังนั้นหากไม่เรียกเขาว่าเด็กเนรคุณแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร ?
นางวิ่งไปที่แม่น้ำสายเล็กข้างหมู่บ้านซึ่งใกล้แห้งขอดเต็มทน จากนั้นก็นั่งบนโขดหินด้วยความอัดอั้นตันใจ กระทั่งเพื่อนสาวคนสนิทนามซุนเอ้อร์หยาเดินแบกกระจาดผ่านมาและเข้ามาถามไถ่ว่านางเป็นอันใด
เมื่อได้พบคนที่สามารถคุยปรับทุกข์แล้วนางจึงเล่าเรื่องที่มารดาลำเอียงเข้าข้างน้องสาวให้ซุนเอ้อร์หยาฟัง นางเด็กโง่ชอบแข่งกับข้าเสมอ ! เจ้าว่ามันน่าโมโหหรือไม่ ?
แต่ซุนเอ้อร์หยากล่าวอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เกิดความสงสัยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนครอบครัวของเจ้าก็ลำบากถึงขั้นไม่มีจะกิน พอน้องสาวของเจ้าไปล่าหมูป่าและกวางมาได้ นางก็นำไปแลกเป็นเงินตำลึงมาและทำให้ครอบครัวของเจ้าได้มีกินจนอิ่มท้อง การที่ท่านแม่และน้องชายของเจ้าจะลำเอียงไปทางนางก็เป็นเรื่องสมควรทำมิใช่หรือ ? หากเจ้าอยากให้ท่านแม่รักมากกว่าก็ต้องหาเงินให้ได้มากกว่านางสิ !
แต่ข้าไม่เหมือนนาง ข้าไม่ได้มีแรงเยอะเช่นนั้น เจ้าจะเอาข้าไปเทียบกับนางได้อย่างไร ? นางกล่าวพลางก้มถอนหญ้าด้วยความโมโห
1 หวงต้าเซียน คือ สัตว์ในวงศ์เพียงพอน
ตอนต่อไป