หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 424 ใครใช้ให้ข้ามีบุญจึงได้แม่สามีที่ดีกันล่ะ
ตอนที่ 424 ใครใช้ให้ข้ามีบุญจึงได้แม่สามีที่ดีกันล่ะ
“เจ้าฉลาดแต่การใช้ปากพูด ! ” หลินจื่อเหยียนลูบศีรษะน้อย ๆ ของน้องชายด้วยความหมั่นไส้ระคนเอ็นดู
วังตงเฉียงไม่ยอมยืนเหงาอยู่คนเดียวจึงเอ่ยว่า “เอ้อร์ฮว๋าฉลาดจริง ๆ นะพี่จื่อเหยียน อาจารย์สอนสิ่งใดมา เขาฟังเพียงรอบเดียวก็จำได้แล้ว ไม่เหมือนข้าที่อ่านตำราตั้งหลายรอบ ทว่าก็ยังตอบผิดเป็นประจำ…”
ในบรรดาเด็กวัยเดียวกันของหมู่บ้านฉือหลี่โกว มีเพียงสองครอบครัวเท่านั้นที่ส่งลูกหลานมาเรียนในเขตเริ่นอัน นอกเหนือจากนั้นก็ส่งไปเรียนเขียนอักษรที่สำนักศึกษาซึ่งอาจารย์ในหมู่บ้านใกล้เคียงเปิดสอนขึ้นมาเอง…
ทว่าก่อนหน้านี้ชาวบ้านไม่เคยมีความคิดเหล่านี้เลย กระทั่งเมื่อปีกลาย หลังจากมีการก่อตั้งโรงงานแปรรูปเมล็ดสนในหมู่บ้านรวมถึงกิจการของตระกูลหลินที่ต้องการผู้ทำบัญชีมาทำงานให้ ชาวฉือหลี่โกวจึงตระหนักได้ถึงความสำคัญของการศึกษา อย่างน้อยพวกเขาต้องรู้หนังสือ ส่วนเรื่องที่จะสอบได้บัณฑิตถงเซิงหรือซิ่วไฉนั้น พวกเขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสแน่นอน !
ส่วนสำนักศึกษาในเขตเริ่นอันตั้งอยู่ห่างไกล การจะเดินทางแต่ละคราจำต้องใช้เงินเยอะ…ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องเงินหรอก เพราะเด็ก ๆ ของพวกตนก็ทนทุกข์ทรมานจากการตื่นเช้าแล้วเดินทางไปเรียนเช่นกัน ประเด็นสำคัญก็คือพวกตนคิดว่าบุตรหลานเรียนได้ไม่ดี ฉะนั้นก็อย่าทรมานตัวเองเลย ! สุดท้ายจึงมีเพียงเจ้าหนูน้อยและวังตงเฉียงเดินทางไปเรียนในตัวเมือง
เด็กน้อยทั้งสองปีนขึ้นรถม้าแล้วหันไปตะโกนบอกเหลยหยู่ “พี่เหลยหยู่ รีบกลับบ้านกันเถิด ! ”
กว่ารถม้าจะขับเข้ามาในหมู่บ้านฉือหลี่โกว ท้องฟ้าก็มืดแล้ว เป็นเพราะพวกเขาใช้เวลาอยู่ในเขตเริ่นอันนานกว่าครึ่งค่อนวันจึงทำให้ผู้แจ้งข่าวดีเดินทางมาถึงหมู่บ้านก่อนพวกเขาเสียอีก ยามนี้ชาวบ้านทุกคนจึงรู้แล้วว่าบัณฑิตเจียงและต้าฮว๋าจากตระกูลหลินสอบได้บัณฑิตซิ่วไฉ
“กลับมาแล้ว ! เจียงอั้นโฉ่วและหลินซิ่วไฉกลับมาแล้ว ! ” เด็กน้อยที่เล่นอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านก็มองเห็นรถม้าของตระกูลหลินจึงตะโกนด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ยามนี้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านพากันตะโกนส่งเสียงเป็นทอด ๆ เหมือนเครื่องกระจายเสียง “เจียงอั้นโฉ่วกลับมาแล้ว ! หลินซิ่วไฉกลับมาแล้ว ! ”
ในตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลหลินก็เรียกได้ว่าเหล่าบุรุษสตรีตั้งแต่วัยชราไล่ลงมาถึงลูกเด็กเล็กแดงในหมู่บ้านล้วนมารวมตัวกันเพื่อร่วมแสดงความยินดีโดยไม่ได้นัดหมาย
ผู้ใหญ่บ้านดีใจมาก ยามนี้เขายิ้มแก้มปริเลยทีเดียว “ที่ผ่านมาบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่นของหมู่บ้านฉือหลี่โกวยังไม่เคยมีใครได้เป็นบัณฑิตมาก่อน คาดไม่ถึงเลยว่ายามที่ตนดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านจะมีผู้สอบได้บัณฑิตซิ่วไฉถึง 2 คน แถมหนึ่งในนั้นยังสอบได้อั้นโฉ่วอีกด้วย…ดีเลย ยอดเยี่ยมมาก ! พวกเจ้าทำให้หมู่บ้านฉือหลี่โกวของเรามีหน้ามีตาแล้ว ! ”
เหล่าชาวบ้านที่คุ้นเคยกับตระกูลหลินและตระกูลเจียงพากันมาแสดงความยินดี เมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมาก็มีการประกาศข่าวดีจากผู้มาแจ้งข่าวทั้งสองซึ่งควบอาชาเข้ามาติด ๆ กัน ในตอนนั้นนางหวงและนางเฝิงอยู่ในลานบ้านตระกูลหลินเพื่อปรึกษากันว่าหลังจากที่หลินเว่ยเว่ยกลับมาแล้ว พวกนางจะเริ่มขยายพันธุ์หนอนไหม
ผู้มาแจ้งข่าวดีทั้งสองถูกนำทางมาที่บ้านหลังเดียวกัน ตอนแรกพวกเขายังนึกว่ามาผิดหลัง แต่พอถามไถ่เพื่อความมั่นใจแล้ว พวกเขาก็แสดงความยินดีกับหญิงวัยกลางคนทั้งสองที่ยังยืนงง พวกเขาไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าทั้งที่บ้านหลังเดียวกันแล้วเหตุใดคนหนึ่งแซ่เจียงอีกคนแซ่หลิน ? หรือว่าคนหนึ่งใช้แซ่ของบิดา ส่วนอีกคนใช้แซ่ของมารดา ?
ต่อมาพวกเขาได้ยินชาวบ้านฉือหลี่โกวอธิบายจึงได้รู้ว่าทั้งสองครอบครัวนี้เกี่ยวดองกัน ! ช่างเป็นการแต่งงานที่เหมาะสมและยอดเยี่ยมยิ่งนัก !
ผู้มาแจ้งข่าวดีคนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในตัวอำเภอ คาดว่าการมาประกาศข่าวดีที่หมู่บ้านกลางป่านั้นคงจะไร้ค่าเดินทาง เหนื่อยเปล่า ๆ แต่เจ้าหน้าที่อีกคนไม่คิดเช่นนั้น เพราะหมู่บ้านฉือหลี่โกวถือเป็นหมู่บ้านมีชื่อเสียงที่เคยสร้างชื่อไว้ต่อหน้าท่านนายอำเภอมาแล้ว เป็นหมู่บ้านมั่งคั่งที่สุดในยามนี้ จึงไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะได้รับมอบหมายให้มาแจ้งข่าวดีที่นี่
และในตอนที่ได้รับแท่งเงินกิมตุ้ง (มีรูปร่างคล้ายเรือสำเภา) หนัก ๆ มาจากหญิงวัยกลางคนทั้งสอง พวกเขาก็ดีใจจนยิ้มแก้มปริออกมา ทั้งสองครอบครัวนี้ใจกว้างยิ่งนัก แค่ครู่เดียวก็มอบเงินแทนคำขอบคุณถึง 10 ตำลึงแล้ว นี่เทียบเท่าเงินเดือนตลอดครึ่งปีของพวกตน ! มาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวแล้ว !
ระหว่างทางกลับ เจ้าหน้าที่คนเก่าซึ่งทำงานมานานแล้วก็ได้เล่าให้เด็กใหม่ฟังถึงเรื่องราวความเป็นมาของหมู่บ้านฉือหลี่โกว ที่นี่ไม่ได้มีแค่คนเก่งที่ฮ่องเต้สรรเสริญเท่านั้น แต่ยังมีคนเก่งที่เคยช่วยชีวิตหมินอ๋องซื่อจื่อไว้ด้วย ! ดูเหมือนหนึ่งในนั้นจะใช้แซ่เจียงและอีกคนแซ่หลิน…แต่ช้าก่อน บัณฑิตซิ่วไฉทั้งสองมีแซ่อะไร ? สวรรค์ ! คงไม่บังเอิญถึงเพียงนี้หรอกกระมัง ? เพราะถ้าใช่แล้ว สองครอบครัวนี้คงมีอนาคตไร้ขีดจำกัดเป็นแน่ !
ทางด้านหมู่บ้านฉือหลี่โกว บ้านของตระกูลหลินและตระกูลเจียงกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพียงไม่นานเหล่าชาวบ้านที่คุ้นเคยสนิทสนมกันก็มาร่วมแสดงความยินดีกับมารดาของบัณฑิตซิ่วไฉทั้งสองคน !
นางเฝิงยิ้มยินดี เพราะตระกูลฝั่งท่านเขยล้วนเป็นคนที่เก่งเรื่องการจับหอกจับดาบเสียมากกว่า ดังนั้นการที่หานเอ๋อร์สอบติดบัณฑิตซิ่วไฉ คงเป็นเพราะได้ความสามารถมาจากฝั่งคุณหนูอย่างแน่นอน
เจียงอั้นโฉ่ว ! หากคุณหนูทราบข่าวดีก็จะต้องดีใจอย่างมาก ! ข่าวทางแดนเหนือถูกปิดกั้น ส่วนพวกเศษเสี้ยวของราชวงศ์ก่อนยังเฝ้ารอเวลา นางเองก็ไม่กล้าเที่ยวสอบถามอย่างโจ่งแจ้ง แต่นางมั่นใจว่าผู้ที่ขึ้นครองราชย์ในปัจจุบันนี้คือผู้ที่ท่านเขยให้ความช่วยเหลือ
แต่ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว เหตุใดคุณหนูและท่านเขยจึงไม่มาตามหาคุณชายน้อยตามที่ตกลงกันไว้ ? หรือว่า…จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับพวกท่าน ? ไอหยา สวรรค์โปรดคุ้มครอง ความคิดดี ๆ จงเข้ามา ความคิดไม่ดีจงออกไป ! คุณหนูและท่านเขยจะต้องปลอดภัยและต้องมาอยู่ร่วมกับคุณชายน้อยในเร็ววัน…
นางหวงจับมือบุตรชายของตนพลางเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลรินเพราะความตื้นตันใจ ในตอนที่บิดาของพวกเขายังอยู่ก็เคยบอกกับนางว่าต้าฮว๋าเรียนหนังสือเก่ง ต่อให้ครอบครัวจะไม่เหลืออะไรกินก็ต้องส่งเสียให้ได้เล่าเรียนจนถึงฝั่ง แม้ในตอนนั้นครอบครัวของนางลำบากมากและเป็นช่วงยากที่สุดในชีวิตของนางด้วย แต่นางก็ยังกัดฟันสู้ ไม่ยอมให้บุตรชายออกจากการเรียน…
พ่อของต้าฮว๋า ท่านเห็นหรือไม่ ? บุตรชายของเราประสบความสำเร็จแล้ว อายุยังน้อยแต่สอบได้บัณฑิตซิ่วไฉ ในที่สุดครอบครัวของเราก็มีบัณฑิตผู้มากการศึกษา…ส่วนบุตรสาวคนโตและคนรองก็ล้วนมีคู่หมั้นคู่หมายที่ดี เอ้อร์ฮว๋าก็ตั้งใจเรียนไม่น้อย ตอนนี้ครอบครัวเราไม่ขาดแคลนเงินทอง ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราดีขึ้นมาก ท่านวางใจได้ !
บุตรสาวคนโตตระกูลหลินทำอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนจึงล้อมวงกินอาหารกันอย่างมีความสุข หลินเว่ยเว่ยนำของขวัญที่ซื้อจากเมืองจงโจวออกมา ของขวัญที่นางมอบให้นางเฝิงเป็นผ้าไหมเนื้อดีและมีสีสันที่ดูสง่างามเหมาะกับสตรีในวัยของนางเฝิงยิ่งนัก แม้ว่าผ้าไหมสีเข้มแบบนี้จะไม่ได้มีราคาแพงมากนัก แต่นางเฝิงก็รู้สึกดีใจไม่น้อย ทว่าปากกลับพูดตำหนิว่าสิ้นเปลืองเงินของลูกสะใภ้
ส่วนของขวัญที่มอบให้นางหวงคือชุดเครื่องประดับทองคำแสนงดงาม ประกอบไปด้วยปิ่นปักผมลวดลายวิจิตรบรรจง ไข่มุกที่ประดับอยู่บนนั้นเงาวับงามตาและต่างหูทอง นางหวงที่โดนรบเร้าจากพวกลูก ๆ ก็ลองประดับปิ่นปักผมและใส่ต่างหู ปากก็พูดว่า “เจ้าจะซื้อเครื่องประดับราคาแพงแบบนี้มาทำไม ? ปกติแม่ก็ไม่ได้ใส่ไปไหนอยู่แล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใครบอกว่าไม่มีโอกาสได้ใส่ไปไหนมาไหนกันเล่าเจ้าคะ ? ประเดี๋ยวสิ้นปีพี่ใหญ่ก็แต่งงานแล้ว ท่านแม่สวมเครื่องประดับชุดนี้ก็รับรองว่าต้องเป็นแม่เจ้าสาวที่งดงามที่สุดแน่นอน ! ”
ส่วนของขวัญที่นางมอบให้พี่สาวเป็นชุดแต่งงานที่วิจิตรงดงาม ด้านบนเป็นงานปักที่ไม่ด้อยไปกว่าฝีมือของนางเฝิงเลย บุตรสาวคนโตเห็นเช่นนั้นก็ตาเป็นประกายและไม่อาจละสายตาจากชุดแต่งงานของตนได้เลย
หลินเว่ยเว่ยจงใจแกล้งนาง “ข้ารู้ว่างานปักของเจ้าไม่ได้เรื่อง คงปักชุดแต่งงานไม่สวยแน่ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลเผิงเปลี่ยนใจและถอนหมั้นกลางคัน ข้าจึงซื้อชุดแต่งงานให้เจ้าเสียเลย ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก ที่ข้าทำไปก็เพราะไม่อยากให้ครอบครัวของเราต้องขายหน้า…”
เดิมทีบุตรสาวคนโตของตระกูลหลินกำลังจะซึ้งใจอยู่แล้วเชียว แต่พอได้ยินน้องสาวปากร้ายกล่าวออกมาเช่นนี้ นางก็โมโหทันที “เจ้ายังมีหน้าตำหนิงานฝีมือของข้าอีกหรือ ? ตัวเจ้าน่ะ เย็บถุงเท้าก็ยังไม่เป็น ขนาดว่าถักกระเป๋าเงินก็ยังมีรูรั่ว…งานปักของข้าแม้จะไม่งดงามมากนัก แต่ก็ยังเย็บชุดออกมาได้แล้วกัน เจ้าทำได้หรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยหันไปแลบลิ้นใส่นางแล้วโน้มกายไปกอดนางเฝิงพร้อมใช้น้ำเสียงชวนหมั่นไส้กล่าวว่า “ใครใช้ให้ข้ามีบุญจึงได้แม่สามีที่ดีขนาดนี้กันล่ะ น้าเฝิงไม่ได้รังเกียจข้าเสียหน่อยและข้ายังมีคู่หมั้นผู้แสนดีอีกคน เขาบอกแล้วว่าจะให้สาวใช้คอยตัดเย็บเสื้อผ้าให้ข้า ไม่ต้องเหนื่อยมาถึงนายหญิงของบ้านเช่นข้าหรอก”