หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 533 บัณฑิตน้อยเป็นคนของบ้านใคร ตาบอดหรือไร!
ตอนที่ 533 บัณฑิตน้อยเป็นคนของบ้านใคร? ตาบอดหรือไร!
เรื่องแรกที่หลินเว่ยเว่ยทำเมื่อเข้ามาในสวนจื่อถงก็คือเปลี่ยนน้ำในห้องเครื่องให้เป็นน้ำจากห้วงมิติน้ำพุวิญญาณครึ่งหนึ่งก็พอ เพราะหลังจากมิติน้ำพุวิญญาณถูกยกระดับแล้ว น้ำพุวิญญาณก็ดูมีสรรพคุณมากกว่าเดิมอีกด้วย นางกังวลว่าน้ำพุวิญญาณจะวิเศษเกินไป แล้วดึงดูดให้คนอื่นสงสัย…
ช่วงหลายวันนี้หมินอ๋องทั้งดีใจและหงุดหงิด ดีใจเพราะบุตรสาวกตัญญู ทำให้อาการป่วยของพระชายาดีขึ้นทุกวัน แต่ที่หงุดหงิดคือบุตรสาวกตัญญูเกินไป จึงยึดตำแหน่งข้างกายเสวี่ยเอ๋อร์ของพระองค์ไป
ดังนั้น ในวันที่สี่ของการมาอยู่ในตำหนักของหลินเว่ยเว่ย พอพระองค์ยกโอสถที่บุตรสาวเพิ่งช่วยต้มให้พระชายามาไว้ตรงเบื้องหน้านางแล้ว พระองค์ก็ชี้ไปที่เทียบเชิญแล้วถามว่า “เทียบเชิญเหล่านี้เป็นของที่บุตรสาวของจวนขุนนางต่าง ๆ ชวนเจ้าออกไปเที่ยวเล่นทั้งนั้น ยังเป็นเด็กสาวก็ไม่ควรทำตัวเป็นแมวเฝ้าบ้าน ออกไปเดินเล่นบ้างก็ดี”
หลินเว่ยเว่ยจับมาพลิกดูแล้วพูดอย่างคนหมดสนุก “ไม่เชิญไปชมดอกไม้ก็ไปจิบชา อีกทั้งยังเป็นคนที่ไม่รู้จัก ลูกไม่อยากไปเพคะ ! ”
“ไปสักสองสามครั้งก็ได้รู้จักกันแล้วไม่ใช่หรือ ? ไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้เจ้าเป็นจวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋อง ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าแน่นอน ไปเถิด ไปเถิด ! ” หมินอ๋องยุยงส่งเสริม
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “อากาศหนาว ไม่อยากออกไปไหนเพคะ ! ”
หมินอ๋องกลอกดวงเนตรไปมา “จริงสิ เจ้าไม่ได้มีบ่าวรับใช้อีกสองคนอยู่ที่ถนนหย่งอันหรอกหรือ ? ที่นั่นยังมีของใช้ส่วนตัวเหลืออยู่ เจ้าไม่ออกไปจัดการหรือไร ? ”
หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิด ก่อนจะหันไปพูดกับเหมยหยิงว่า “พุดดิ้งน้ำขิงที่ข้าสอน เจ้าเรียนไปได้พอสมควรแล้ว ดังนั้นของว่างประจำสองมื้อในวันนี้ ก็ทำพุดดิ้งน้ำขิงแล้วกัน แต่ให้เสวยได้แค่ถ้วยเล็ก ๆ เท่านั้น เจ้าจะใจอ่อนทำตามที่หมู่เฟยขอไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่างไรขนมก็คือขนม กินมากไปก็จะทำให้กินอาหารหลักได้น้อยลง”
หลังจากหมินหวางเฟยได้ยินแบบนั้นก็รีบโบกพระหัตถ์ไล่นางทันที “รีบออกไปเที่ยวเล่นเถิด อย่าเอาแต่เดินไปเดินมาอยู่หน้าข้า น่ารำคาญจะตาย ! ”
“พระองค์รำคาญที่ลูกควบคุมปริมาณขนมกระมัง ? หากพระองค์ยังแอบเสวยขนมแล้วส่งผลต่อมื้ออาหารหลัก ต่อไปนี้ลูกจะไม่ทำขนมชนิดใหม่ให้อีกเพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยคาดไม่ถึงว่าหมินหวางเฟยผู้เป็นดั่งวีรสตรีในตำนาน จะมีบางเวลาที่ทำตัวเหมือนเด็ก เพียงเพื่อให้ตนได้เสวยขนมเพิ่มอีกหน่อย
หมินหวางเฟยตรัสกับหมินอ๋อง “ดูเถิดเพคะ นี่คือบุตรสาวคนดีที่พระองค์พากลับมา ! ยังกล้าขู่มารดา ช่างไม่กตัญญูเอาเสียเลย ! ”
“ถ้าลูกตามใจและไม่คุมอาหารพระองค์ แบบนั้นถึงจะเป็นลูกอกตัญญูอย่างแท้จริงเพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่กลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด เพราะไม่ว่าอย่างไรนางก็มีเหตุผล “รอให้ร่างกายของพระองค์ฟื้นตัวกลับมาดีแล้ว ลูกจะคิดหาวิธีทำขนมแปลกใหม่ไม่ซ้ำกันให้เสวยทุกวันจนเบื่อเลยเพคะ แต่ตอนนี้พระองค์ต้องเป็นเด็กดี เสวยโอสถและเสวยข้าวก่อนเพคะ ! ”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ! รีบออกไปเถิด อย่ามาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ ข้าตาลาย ! ” หมินหวางเฟยทำตัวเหมือนเด็กที่เพิ่งทะเลาะกับสหายแล้วแพ้ นางผินดวงพักตร์ไปอีกทาง เหมือนกำลังคร้านจะมองหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยยกยิ้มที่มุมปาก “ได้ ได้ ได้ ! ลูกไปแล้ว ! พวกพระองค์รังเกียจที่ลูกเข้ามารบกวนโลกส่วนตัวมากกว่า ! ”
หมินอ๋องแย้มพระโอษฐ์แล้วแกล้งทำเป็นดุ “พูดจาเหลวไหลอะไร ! ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ รอให้สุขภาพหมู่เฟยดีขึ้นเมื่อไร ก็รอดูว่านางจะตีก้นเจ้าได้หรือไม่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยแลบลิ้นและทำหน้าทะเล้น “หมู่เฟยทำไม่ลงหรอกเพคะ ! ”
จากนั้นนางก็ออกจากสวนจื่อถงแล้วมายังเรือนส่วนหน้าเพื่อเรียกเจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนให้ออกไปนอกตำหนักด้วยกัน ตอนเดินผ่านประตูข้าง ข้ารับใช้ฝ่ายต้อนรับแขกก็เดินเข้ามาคารวะแล้วยื่นเทียบเชิญให้นางพลางเอ่ยด้วยความสุภาพว่า “เรียนจวิ้นจู่ คุณหนูแห่งจวนผู้อำนวยการสำนักกั๋วจื่อเจียนส่งเทียบเชิญมาขอรับ นางเชิญท่านไปดื่มชาที่โรงน้ำชาขอรับ”
ข้ารับใช้ในตำหนักหมินอ๋องต่างรู้ตำแหน่งในตำหนักของพวกเจ้านายดี ฮูหยินผู้เฒ่าและพระชายาอยู่ในอันดับแรก ต่อจากนั้นจึงเป็นหมินอ๋อง ท้ายสุดก็เป็นซื่อจื่อ ทว่านับตั้งแต่จวิ้นจู่น้อยกลับมาอยู่ที่ตำหนักหมินอ๋อง ตำแหน่งของนางก็ก้าวข้ามซื่อจื่อและมาอยู่ในอันดับที่สามแทน
ตั้งแต่นางกลับมา พระพลานามัยของพระชายาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ยังไม่มีอาการกำเริบขึ้นมาอีก พวกข้ารับใช้ที่แก่ชราในตำหนักล้วนบอกว่าจวิ้นจู่มีโชคติดกาย และยังนำโชคเผื่อแผ่ให้คนที่ใกล้ชิดอีกด้วย เดิมทีท่านอ๋องก็โปรดจวิ้นจู่น้อยคนนี้มากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเห็นเป็นแก้วตาดวงใจเข้าไปใหญ่
จึงเป็นธรรมดาที่ข้ารับใช้ในตำหนักจะไม่กล้าเชื่องช้าเกี่ยวกับเรื่องของจวิ้นจู่ พวกเขาล้วนใส่ใจกันทั้งนั้น ! ช่วงหลายวันมานี้มีคนส่งเทียบเชิญมาอย่างมากมาย แต่จวิ้นจู่กลับไม่ตอบรับสักอันเดียว แต่ข้ารับใช้ฝ่ายต้อนรับแขกก็ไม่กล้าเพิกเฉย แม้ไม่ค่อยพึงใจกับเทียบเชิญของจวนผู้อำนวยการสำนักกั๋วจื่อเจียนสักเท่าไร กระนั้นก็ยังรายงานออกไปตามหน้าที่…เพราะน้อยครั้งที่ตนจะได้มาเสนอหน้าต่อหน้าจวิ้นจู่ !
“ผู้อำนวยการสำนักกั๋วจื่อเจียน ? ใคร ? เหตุใดถึงฟังแล้วคุ้นหูเหลือเกิน ! ” หลินเว่ยเว่ยรับเทียบเชิญมาถือไว้พลางพลิกกลับไปกลับมา แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เจียงโม่หานเอ่ยเตือนสั้น ๆ “ผู้อำนวยการสำนักกั๋วจื่อเจียนแซ่ติง…”
“ติง ? อ้อ ! ข้านึกออกแล้ว เป็นเทียบเชิญของน้องหลิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่ ? เจ้าไปที่จวนผู้อำนวยติงแล้วบอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปตามเวลานัดหมายแน่นอน ! พอถึงเวลานั้นข้าก็จะเอาขนมที่น้องหลิงเอ๋อร์ชอบกินไปฝากด้วย ! ” หลินเว่ยเว่ยยื่นเทียบเชิญให้ชุนซิ่งที่อยู่ด้านหลังพร้อมออกคำสั่ง ชุนซิ่งเป็นนางกำนัลคนสนิทของหมินหวางเฟย พอหมู่เฟยเห็นว่าข้างกายนางไม่มีสาวใช้คอยอยู่รับใช้จึงยกชุนซิ่งให้
ชุนซิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากเทียบเชิญของคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในช่วงสองสามวันนี้ มีอันไหนที่ฐานะไม่สูงไปกว่าบุตรสาวผู้อำนวยการสำนักกั๋วจื่อเจียนบ้าง ? แต่หลังได้รับเทียบเชิญและอ่านผ่านตาแล้ว จวิ้นจู่ก็โยนทิ้งไว้บนโต๊ะ ไม่กลับมาสนใจมันอีกเลย แต่ในเวลานี้กลับตอบรับเทียบเชิญสกุลติง…ฟังจากน้ำเสียงแล้ว จวิ้นจู่กับบุตรสาวจวนสกุลติงผู้นั้นคงเป็นสหายกันมาก่อน ! คุณหนูติงช่างโชคดีจริง ๆ !
ชุนซิ่งออกไปทำตามคำสั่ง ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็เดินไปตามถนนชั้นในของเมืองเพื่อออกไปยังถนนชั้นนอก คนขับรถม้าตำหนักหมินอ๋องค่อย ๆ ขับรถม้าตามหลังจวิ้นจู่ เขาอยากจะเชิญนางขึ้นรถ แต่ก็กลัวทำให้จวิ้นจู่หมดสนุก
เจียงโม่หานพูดกับเด็กน้อยที่กำลังทำตัวเหมือนเดินเล่นอยู่ว่า “จากความเร็วของเจ้า หากฟ้ามืดก็ยังไม่ถึงถนนหย่งอันแน่นอน เจ้าแน่ใจว่าจะเดินไปหรือ ? ”
พอหลินเว่ยเว่ยได้ยินแบบนั้นก็รีบปีนขึ้นรถม้าแล้วหันกลับไปหัวเราะคิกคักใส่เขา “ข้าก็แค่ไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายวัน อยากจะเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายสักหน่อย ! บัณฑิตน้อย รีบขึ้นมาสิ…อยากให้ข้าช่วยดึงเจ้าขึ้นมาหรือเปล่า ? ”
เจียงโม่หานยืนอยู่ข้างรถม้า คนขับรถม้ายกบันไดเล็กมาให้เขา นี่ต่างหากถึงจะเป็นการเหยียบขึ้นรถอย่างถูกต้อง เมื่ออีกฝ่ายวางบันไดเสร็จแล้ว เจียงโม่หานก็ค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดมาบนรถม้า…
“หืม ? เจ้าเป็นคุณชายบ้านไหน ? ไม่เคยเห็นในเมืองหลวงมาก่อน ? ” สาวน้อยในชุดขี่ม้านั่งอยู่บนหลังม้าสีน้ำตาลอมแดง นางดึงบังเหียนเพื่อให้ม้าหยุดเดินบริเวณข้างรถม้าตำหนักหมินอ๋อง พร้อมกันนั้นดวงตาคู่งามก็จับจ้องมาที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจียงโม่หาน
หลินเว่ยเว่ยหยิบแส้ที่ใช้บังคับม้าขึ้นมาแล้วเคาะที่ป้ายตำหนักหมินอ๋องหน้ารถม้าด้านบน “เจ้าตาบอดหรือไร ! บ้านไหนเจ้าดูเองไม่เป็นหรือ ? ”
“เจ้าบังอาจนัก ! กล้าเสียมารยาทต่อเสี้ยนจู่ (เชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ 4 เป็นรองจวิ้นจู่หนึ่งขั้น) ของพวกเรา ! ” สาวใช้หน้าตาสะสวยที่อยู่ด้านหลัง รีบทำเสียงดุใส่หลินเว่ยเว่ย !
“เสี้ยนจู่ ? สูงศักดิ์นักหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยเอียงศีรษะมองเจียงโม่หาน “บัณฑิตน้อย ข้ามีความรู้ไม่มาก เจ้าว่าเสี้ยนจู่หรือจวิ้นจู่ของข้า ใครใหญ่กว่ากัน ? ”
“เจ้าเป็นถึงจวิ้นจู่ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ แล้วเสี้ยนจู่จะมาเทียบได้อย่างไร ? นี่ไม่เท่ากับการเอาทองไปรู่กระเบื้องหรอกหรือ ? ” เจียงโม่หานเข้ามาในรถม้าจากช่องเล็ก ๆ ด้านข้างที่นางยืนเว้นไว้ให้