หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 543 ความสุขของหมู่เฟยนั้น นางไม่มีทางจินตนาการถึง
ตอนที่ 543 ความสุขของหมู่เฟยนั้น นางไม่มีทางจินตนาการถึง
หมินหวางเฟยรับขนมชิ้นน้อยมาจากมือของหลินเว่ยเว่ย ก่อนจะกลอกดวงเนตรใส่ “เจ้าไม่ได้กล่อมแม่มาโดยตลอดว่าให้กินขนมน้อยแล้วกินข้าวให้มากหรือ ? แต่วันนี้กลับทำขนมมาให้ เห็นได้ชัดว่า…ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่หวังผล…อย่างไรก็ต้องมีสิ่งแอบแฝง ! ”
หมินอ๋องแย้มพระสรวลอยู่ด้านข้าง “เพื่อเจ้าขนมเล็ก ๆ นี้แล้ว ลูกต้องทำงานจนหัวหมุนตั้งแต่เช้าตรู่ เหตุใดเจ้าถึงมองความกตัญญูของบุตรสาวผิดไป ? อย่าทำลายน้ำใจของลูกเลย ! ”
แต่หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มยิงฟันขาว แล้วพูดอย่างเอาใจ “มีเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งที่อยากทูลถามหมู่เฟย…”
หมินหวางเฟยส่งสายตาว่า ‘ทอดพระเนตรเองเถิด’ ให้หมินอ๋อง หลังใช้ช้อนเล็ก ๆ ตักขนมเข้าโอษฐ์แล้วระหว่างคิ้วของนางก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน “ว่ามา ? มีเรื่องอะไร ? ”
“ได้ยินว่าหมู่เฟยคิดจะปล่อยเช่าร้านบนถนนเจิ้งหยางของเมืองฝั่งตะวันออก…” หลังพูดมาถึงตรงนี้แล้วหลินเว่ยเว่ยก็หัวเราะคิกคักออกมา
หมินหวางเฟยเสวยขนมหมดในไม่กี่คำ หลังรับผ้าจากหยี่ซวงมาเช็ดมือแล้ว นางก็ตรัสกับหมินอ๋องว่า “ดูเถิดเพคะ ถึงขั้นพุ่งเป้ามาที่ร้านบนถนนเจิ้งหยางของหม่อมฉันแล้ว ! หานลู่ ไปเอาโฉนดร้านทั้งสองนั้นมา…”
แววตาของหลินเว่ยเว่ยมีเครื่องหมายคำถามปรากฎขึ้นทันที “หมู่เฟย ลูกหมายความว่าอยากจะให้พระองค์ปล่อยเช่าทั้งสองร้านนั้นให้ลูก แล้วจะหยิบโฉนดออกมาเพื่ออะไรเพคะ ? ”
หมินหวางเฟยนำโฉนดยัดใส่มือนางอย่างคนมีเหลือกินเหลือใช้ “คนบ้านเดียวกัน พูดเรื่องเช่าไม่เช่าอะไรกัน ? เอาไปเถิด แล้วเจ้าจะทำอะไรก็ทำ ! ”
หลินเว่ยเว่ยถอยออกมาสองก้าว ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม “เอ่อคือ ลูกไม่คิดอยากจะได้ร้านค้าจากพระองค์จริง ๆ…ถ้าอย่างไร ลูกไปถามร้านค้าแห่งอื่นก็ได้เพคะ ? ”
ขณะทอดพระเนตรหลินเว่ยเว่ยที่กำลังจะถอยออกไปจากห้อง หมินหวางเฟยก็โบกพระหัตถ์ “จับนางมาให้ข้า ! ”
หยี่ซวงและหานลู่กลั้นหัวเราะเอาไว้ ก่อนจะเข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของหลินเว่ยเว่ย ด้านหมินหวางเฟยเลิกพระขนง “เจ้าจะวิ่งหนีไปไหน ! โฉนดของแม่ลวกมือหรือไร ? เจ้าเห็นตัวเองเป็นคนในตำหนักหมินอ๋องหรือเปล่า ? เห็นแม่เป็นมารดาของเจ้าจริงหรือ ? สินเดิมของแม่พวกนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นของเจ้า ตอนนี้แค่ให้สองร้านนี้ก่อน มันจะกัดเจ้าหรือ ? ”
“ลูก ลูก…” หลินเว่ยเว่ยไม่รู้ว่าควรจะรับไว้หรือไม่ ถ้านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของหมินหวางเฟย นางจะรับมันไว้อย่างไม่ลังเลแน่นอน แต่ประเด็นก็คือนางรู้ว่าเป็นแค่ตัวปลอม ! นี่ไม่ใช่หลอกลวงด้านสถานะแล้วยังจะหลอกเอาสมบัติเขามาด้วยหรือ ! โฉนดนี้นางไม่มีหน้ารับไว้หรอก !
หมินอ๋องหยิบโฉนดมายัดใส่มือบุตรสาว “เด็กคนนี้ หมู่เฟยให้เจ้าก็รับไว้ ! เด็กดี ออกไปเล่นเถิด อย่าทำให้หมู่เฟยโมโห ! ”
โลกของเศรษฐี สามัญชนอย่างนางไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ! แค่ชั่วอึดใจก็ยกร้านบนถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวงให้แล้ว แถมให้ตั้งสองร้าน ! ไม่รับไว้ก็ยังหาเรื่องมาทุบ…เอาเถิด นางรับไว้ก่อน ส่วนเงินค่าเช่าก็จะเก็บไว้ให้หมินหวางเฟย วันหน้าค่อยหาโอกาสคืนแล้วกัน
หลินเว่ยเว่ยเก็บโฉนดด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็พูดกับหมินอ๋องว่า “ฟู่หวาง ในห้องเครื่องยังมีขนมเค้กอยู่เพคะ พระองค์เสวยคนเดียว อย่าทนลูกอ้อนของหมู่เฟยไม่ไหวแล้วให้เสวยขนมเยอะเกินไปเชียว…แบบนั้นจะเป็นการทำร้ายหมู่เฟยแทนนะเพคะ ! ”
หมินหวางเฟยโมโหจนโยนหมอนมาทางนี้ “เจ้าคนถ่อย พอข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้ง เนรคุณคน ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ! ”
หลินเว่ยเว่ยทำหน้าทะเล้น “รับทราบเพคะหมู่เฟย ลูกจะไปให้ไกลจากสายพระเนตรเดี๋ยวนี้…วันนี้ลูกนัดดื่มชากับน้องสาวไว้ที่โรงน้ำชา มื้อเที่ยงไม่ต้องรอลูกนะเพคะ ! ”
“ไปเถิด ไปเลย ! ” หมินอ๋องโบกพระหัตถ์ให้นาง
หลังจิบชารสหลานเหมยแล้ว หมินหวางเฟยก็หันไปทอดพระเนตรหมินอ๋อง “บุตรสาวเพิ่งมาอยู่เมืองหลวงได้ไม่กี่วันก็มีสหายแล้ว ? พระองค์ไม่กังวลหรือเพคะ ? ”
“กังวลอะไรกัน ? บุตรสาวของเราฉลาดจะตาย ไม่หลงกลคุณหนูมากเล่ห์เหล่านั้นหรอก…หยี่ซวง เจ้าไปถามว่าเมื่อวานจวิ้นจู่ตอบรับเทียบเชิญของใคร ! ” แม้หมินอ๋องจะตรัสว่าไม่กังวล แต่ก็ยังแสดงท่าทางเป็นห่วงบุตรสาวอยู่ดี นางเป็นคนเรียบง่ายและมีจิตใจดีเกินไป ดังนั้นคนเป็นบิดาต้องช่วยคัดกรองคนให้นาง !
ผ่านไปไม่นาน หยี่ซวงก็กลับมาอีกครั้ง “จวิ้นจู่ไปตามนัดหมายของคุณหนูติงแห่งจวนผู้อำนวยการติงเพคะ”
หลังจากหมินอ๋องได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วตรัสกับหมินหวางเฟยว่า “อ้อ เป็นนางหนูคนนั้นเอง ! คุณหนูสกุลติงรู้จักกับบุตรสาวของเราตั้งแต่อยู่ที่เขตเริ่นอัน นางหนูคนนั้นนิสัยพอใช้ ไม่เคยดูถูกบุตรสาวของเราและยังไปเป็นแขกที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวอยู่บ่อยครั้ง หลังจากบุตรสาวมาเมืองหลวงแล้ว ทั้งสองก็ยังติดต่อกัน เว่ยเอ๋อร์ยังสอนนางทำขนมด้วย ! แต่ว่านางหนูคนนั้นไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไร เรียนออกมาแล้วก็ฝีมือธรรมดา ! ”
หมินหวางเฟยพยักดวงพักตร์ “ไม่เลว สายตาด้านการมองคนของเว่ยเอ๋อร์ดีกว่าคนเป็นบิดาอย่างพระองค์ ! ”
หมินอ๋องไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “ข้าไว้ใจคนผิดแค่คนเดียวไม่ใช่หรือ ? นั่นเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมากว่ายี่สิบปีแล้ว เจ้ายังจะพูดขึ้นมาอีก ! ”
หมินหวางเฟยเหลือบมอง “ทำไมเพคะ ? หม่อมฉันตำหนิพระองค์ไม่ได้ ? ”
“ได้ ได้ ! เจ้าอยากตำหนิอะไรข้าก็ได้ทั้งนั้น ! รอให้พวกเราผมขาวฟันร่วงกันทั้งคู่เมื่อใด เจ้าค่อยมาพูดเรื่องน่าอายเหล่านั้นให้ข้าฟังอีกรอบก็ได้…พวกเราตกลงกันแล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามผิดสัญญา ตกลงหรือไม่ ? ” หมินอ๋องกุมมือพระชายา ดวงเนตรมีน้ำใสเอ่อคลอ…อนาคตที่มีเสวี่ยเอ๋อร์อยู่ด้วย ช่างดีเหลือเกิน !
หลินเว่ยเว่ยสวมเสื้อคลุมแล้วเดินมายังเรือนหน้าเพื่อถามเจียงโม่หานและหลินจื่อเหยียนว่าอยากไปจิบชาที่โรงน้ำชาด้วยกันหรือเปล่า เจียงโม่หานรู้ว่านางกับติงหลิงเอ๋อร์นัดกันไว้ เด็กผู้หญิงสองคนดื่มชาด้วยกัน พวกเขาตามไปคงไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไร เขาจึงอ้างว่าจะอ่านตำราอยู่ในเรือนแล้วปฏิเสธคำชวนของนาง
หลินเว่ยเว่ยนั่งรถม้ามายังโรงน้ำชาขึ้นชื่อของเมืองฝั่งตะวันออก ติงหลิงเอ๋อร์มารออยู่ในห้องอาหารส่วนตัวนานแล้ว เมื่อเห็นหลินเว่ยเว่ยผลักประตูเดินเข้ามา ติงหลิงเอ๋อร์ก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาต้อนรับ “พี่หลิน หิมะตกแล้ว ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียอีก ! ”
“จะเป็นไปได้อย่างไร ลมหิมะเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้ข้าผิดนัดกับน้องหลิงเอ๋อร์ได้หรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยจับมือสาวน้อยแล้วเข้าไปนั่งที่โต๊ะ
หลังจากรอให้นางดื่มน้ำชาอุ่น ๆ สองอึกและวางถ้วยลง ติงหลิงเอ๋อร์จึงได้เริ่มถาม “พี่หลิน เหตุใดท่านถึง…กลายเป็นจวิ้นจู่ของตำหนักหมินอ๋องไปได้ ? ”
หลินเว่ยเว่ยถอนหายใจยาว “ตอนนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจเลย ได้แต่เข้าไปในตำหนักหมินอ๋องด้วยความมึนงง ถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่ด้วยใบหน้าสับสน…จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ชินกับฐานะใหม่ของตัวเองด้วยซ้ำ ! ”
ติงหลิงเอ๋อร์เห็นนางยังเป็นพี่หลินคนเดิม จึงหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา “พี่หลิน นี่เป็นฝันดีที่คนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง แล้วเหตุใดพอเป็นท่าน กลับเหมือนไล่ให้เป็ดขึ้นคอน1 ? ”
หลินเว่ยเว่ยเกาศีรษะของตัวเอง “ข้ากลัวจริง ๆ ว่าลำคออันบอบบางของตนจะทนรับน้ำหนักของหมวกใบใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหว ! แต่เจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้า หมินอ๋องและหมินหวางเฟยดีต่อข้ามาก เช้านี้หมินหวางเฟยยังยกร้านบนถนนเจิ้งหยางให้ข้าสองร้านด้วย ! ”
“แบบนั้นก็ดีมาก ! ข้าได้ยินว่าหมินหวางเฟยไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาบุตรสาวที่พลัดพรากไปในสนามรบ ตอนนี้ท่านกลับมาแล้ว พระนางจะต้องเอ็นดูท่านมากแน่นอน ร้านทั้งสองนี้อาจเป็นของขวัญชดเชยที่พระนางอยากให้ท่านกระมัง ? ท่านอ๋องและพระชายาดีต่อท่าน ข้ารับใช้ที่อยู่เบื้องล่างก็จะไม่กล้าเมินเฉยต่อท่านด้วย แบบนั้นข้าก็วางใจได้แล้ว…” ติงหลิงเอ๋อร์แกะเมล็ดแตงโมเข้าปากอย่างสบายอารมณ์
[i]
1 ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน หมายถึง การบีบให้ทำเรื่องที่ความสามารถไม่ถึง