หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 547 เจ้ามีอะไรจะสารภาพกับข้าหรือไม่
ตอนที่ 547 เจ้ามีอะไรจะสารภาพกับข้าหรือไม่ ?
รอยยิ้มบนใบหน้าของติงฝูเหรินดูเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม แต่แล้วทันใดนั้นก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหุบยิ้มและพูดกับติงหลิงเอ๋อร์ว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองใจกล้าเกินไปหรือเปล่า ? เด็กผู้หญิงแค่สองคนกับสาวใช้อีกไม่กี่คนกล้าไปชมดอกเหมยถึงนอกเมือง ? ถ้าจวิ้นจู่ตำหนักหมินอ๋องเกิดเป็นอะไรขึ้นมา พวกเรารับผิดชอบไหวหรือ ! ”
ติงหลิงเอ๋อร์โดนอบรมจนต้องก้มหน้า แต่ก็ย้อนถามเบา ๆ “พี่หลินเคยฆ่าเสือมาก่อนเจ้าค่ะ บนรถม้ายังมีตราตำหนักหมินอ๋องอยู่ แล้วคนไม่มีตาที่ไหนจะกล้าหาเรื่อง ? มีพี่หลินอยู่ด้วยย่อมปลอดภัยยิ่งกว่าพาคนคุ้มกันไปด้วยถึงหลายคน…คิคิคิ ท่านแม่เจ้าคะ ท่านไม่ได้เห็นตอนที่พี่หลินใช้มือข้างเดียวก็ดันรถม้าที่ติดหลุมหิมะออกมาได้แล้ว สภาพของราชองครักษ์เหล่านั้น…น่าขันสุด ๆ ไปเลยเจ้าค่ะ ! แม้แต่องค์รัชทายาทก็ยังอดทอดพระเนตรพี่หลินไม่ได้เลย ! ”
เหมือนว่าติงฝูเหรินจะจับประเด็นอะไรได้ จึงเอ่ยถาม “องค์รัชทายาททอดพระเนตรเว่ยเว่ยจวิ้นจู่ ? หมินหวางเฟยและฮองเฮาเป็นเหมือนพี่น้องกัน หมินอ๋องยังกุมอำนาจทางทหารอีก ท่านพี่ ท่านว่าองค์รัชทายาทคิดจะเชื่อมสัมพันธ์กับตำหนักหมินอ๋องหรือไม่ ? ”
พอติงหลิงเอ๋อร์ได้ยินแบบนั้นก็รีบพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ ! พี่หลินมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ! และพวกเขาก็รักกันมาก คราวนี้พี่หลินมาเป็นเพื่อนคู่หมั้นสอบที่เมืองหลวง นางถึงมีโอกาสได้เจอกับหมินอ๋องเจ้าค่ะ ! ”
ใต้เท้าติงพูดกับภรรยา “ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ต่อไปห้ามออกความเห็นตามใจชอบเกี่ยวกับเรื่องของราชวงศ์เด็ดขาด ! ”
ติงหลิงเอ๋อร์กะพริบตามองบิดา “ท่านพ่อ ถ้าอย่างนั้น…ต่อไปลูกยังไปเล่นกับพี่หลินได้อีกหรือไม่เจ้าคะ ? จะส่งผลเสียต่อท่านหรือเปล่า ? ”
ผู้อำนวยการติงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เจ้ากับจวิ้นจู่คบหากันมานานแล้ว หากนางปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเมื่อก่อน เจ้าก็ทำตัวเหมือนเดิม ไม่จำเป็นต้องรักษาระยะห่างกันหรอก”
ติงหลิงเอ๋อร์พูดด้วยความดีใจ “ถ้าเช่นนั้นก็วิเศษไปเลยเจ้าค่ะ ! พี่หลินบอกว่านางทำเตาอบหลังใหญ่ไว้ที่ห้องเครื่องเล็ก ในเวลาปกติจะใช้อบพวกขนมอบ แต่ในบางครั้งก็เอามาย่างเป็ดและน่องแกะ ! ท่านพ่อท่านแม่ รอให้ข้าทำเป็นเมื่อใด จะกลับมาทำให้พวกท่านกินเจ้าค่ะ ! ”
ติงหยูเจินอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “เค้กพุทราแดงที่เจ้านึ่งออกมาครั้งก่อน เละ ๆ เหลว ๆ เทียบกับของที่เจ้าเอากลับมาจากบ้านเช่าหลินกู่เหนียงแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว…เรื่องเรียนทำขนมนี้ต้องใช้พรสวรรค์เหมือนกัน ! ”
ติงหลิงเอ๋อร์โมโหทันที “แล้วพุดดิ้งนมสดที่ข้าทำครั้งก่อน ใครกินคนเดียวไปถึงสามส่วน ? พี่ใหญ่ ในเมื่อท่านรังเกียจฝีมือข้า ต่อไปของที่ข้าทำ ท่านก็อย่าฝันว่าจะได้กิน ! ”
…
เมื่อกลับถึงตำหนักหมินอ๋องแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ตรงไปที่เรือนหน้าทันที เวลานี้เจียงโม่หานกำลังนั่งเขียนอักษรอยู่บนโต๊ะ นางหยิบกิ่งเหมยออกมาจากห้วงมิติน้ำพุวิญญาณ จากนั้นก็แอบย่องไปที่ด้านหลังบัณฑิตน้อย เพราะคิดอยากจะเอื้อมมือไปปิดตาเขา (เจ้าแน่ใจว่าจะไม่ทำให้ตกใจแทน ? ) แต่แล้วมันก็ผิดคาด เพราะนางเพิ่งก้าวเข้ามาในห้องเท่านั้น เจียงโม่หานก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาแล้ว “ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ คิดจะทำอะไรไม่ดีอีก ? ”
หลินเว่ยเว่ยจึงเดินเข้ามาหาเขาแล้วปักกิ่งเหมยลงในแจกันบนโต๊ะหนังสือ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วเล่นกับข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ ? ”
เจียงโม่หานหยุดพู่กันในมือ ขณะมองกิ่งเหมยในแจกันก็ถามว่า “เจ้าไม่ได้ไปดื่มชากับน้องสาวมาหรือ ? เหตุใดถึงไปที่วัดต้าเจวี๋ย ? ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไปที่วัดต้าเจวี๋ย ? หรือเจ้ามีตาวิเศษที่มองเห็นไกลถึงหมื่นลี้ ? ” หลินเว่ยเว่ยยืดคอไปมองสิ่งที่เขาเขียน…เหมือนจะเป็นอะไรเกี่ยวกับตัวเลข โจทย์คณิตศาสตร์ในสมัยโบราณซับซ้อนมาก…ไม่เข้าใจ ตาลายไปหมด !
เจียงโม่หานลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย “ในช่วงเวลานี้ เมืองหลวงมีแค่วัดต้าเจวี๋ยเท่านั้นที่มีดอกเหมยเบ่งบาน เจ้าเองก็เห็นสวนหลังตำหนักหมินอ๋องแล้ว กำลังเป็นดอกตูมเล็ก ๆ แค่นั้น แล้วกิ่งเหมยของเจ้า ถ้าไม่ได้มาจากวัดต้าเจวี๋ยแล้วจะมาจากที่ใด ? ”
ศีรษะน้อย ๆ ของหลินเว่ยเว่ยมาอยู่ตรงหน้าเขาพลางจ้องใบหน้าอันหล่อเหลายิ่งกว่าอะไร ก่อนจะขยิบตาให้เขา “บัณฑิตน้อย เจ้ามีอะไรจะสารภาพกับข้าหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานจิ้มนิ้วบนหน้าผากของนางแล้วผลักให้ห่างออกไปเล็กน้อย “หืม ? ข้าจำเป็นต้องสารภาพอะไร ? ยกตัวอย่างหน่อยสิ ? ”
หลินเว่ยเว่ยพูด “เจ้าก็มาเมืองหลวงเป็นครั้งแรกเช่นกัน ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านคนเดียว แล้วเหตุใดเจ้าถึงรู้อะไรมากมาย ? วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะน้องหลิงเอ๋อร์ชวนข้าไปชมดอกเหมยที่วัดต้าเจวี๋ย ข้าก็ไม่มีทางรู้ว่าดอกเหมยวัดต้าเจวี๋ยบานเร็วกว่าที่อื่น ! ”
“ที่ข้ารู้อะไรมากมาย ก็เป็นเพราะข้าใส่ใจกับทุกสถานที่และทุกเวลา ! ถ้าเจ้าเอาพลังที่ใช้ซื้อของมาสนใจคำพูดของคนที่อยู่รอบกาย เจ้าเองก็จะเข้าใจในเรื่องราวของเมืองหลวงมากกว่าเดิม ! ” เจียงโม่หานเด็ดดอกเหมยออกจากกิ่งแล้วเหน็บมันที่ข้างใบหูหลินเว่ยเว่ย
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะขณะเข้าไปนั่งเก้าอี้แทนเขาแล้วจ้องหน้าอีกฝ่าย “ใครบอกว่าข้าไม่สนใจ ? แต่หัวข้อที่กำลังพูดถึงในเวลานี้คือหมินอ๋องซื่อจื่อนำชัยชนะกลับมาจากภาคเหนือ พี่ชายของเจ้าจะกลับมาแล้ว เจ้ามีความรู้สึกอย่างไร ? ”
เจียงโม่หานเคาะที่หน้าผากนาง “พี่ชายของเจ้าต่างหาก ! เขาเป็นแม่ทัพ สร้างผลงานในสายงานตัวเอง แล้วปัญญาชนอย่างข้าจะรู้สึกอะไรได้ ? คู่หมั้นเอ๋ย หรือเจ้าคิดให้ข้าละทิ้งพู่กันแล้วไปจับดาบแทน ? ”
หลินเว่ยเว่ยพูดอย่างคลุมเครือ “ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้สักหน่อย ! เจ้าแค่นั่งบัญชา วางกลยุทธ์ แล้วข้าจะเป็นแนวหน้าให้เจ้าเอง เจ้าชี้ทางไหนข้าจะไปตีทางนั้น ! เราคือไข่มุกคู่หยก พร้อมฝ่าฟันไปด้วยกัน ศัตรูที่ถูกเราโจมตีแทบอยากมีขาเพิ่มเพื่อวิ่งหนีเราเชียวล่ะ ! ”
“คาดไม่ถึงเลยว่า…ว่าเจ้ายังมีความฝันอยากเป็นแม่ทัพอีกด้วย ! ” ดวงตาของเจียงโม่หานเปล่งประกาย “เจ้าคงไม่ได้อยากเป็นแม่ทัพหญิงบุกโจมตีข้าศึกจริง ๆ หรอกกระมัง ? ”
หลินเว่ยเว่ยรีบส่ายหน้าเหมือนปอล่างกู่ (กลองป๋องแป๋ง) “เปล่าเสียหน่อย ! ข้าก็แค่ปากไวเท่านั้น ! ข้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรหรอก ฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ กินอิ่มนอนหลับ นับเงินจนมือเป็นตะคริว ส่วนเรื่องใหญ่อย่างแผ่นดินมั่นคงสงบสุขนั้นยกให้พวกคนใหญ่คนโตในราชสำนักทำกันเถิด ! ”
“อันที่จริง หากเจ้าอยากอยู่ในสนามรบ หมินอ๋องก็อาจทำให้เจ้าสมปรารถนาได้ ! ” เจียงโม่หานพูดหยั่งเชิง
หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ฆ่าฟันทั้งวัน ฉากนองเลือดแบบนั้นไม่เหมาะกับข้าหรอก เจ้าลืมไปแล้วหรือ ? คราวก่อนตอนที่ข้าทำตัวเป็นผู้กล้า ถึงขั้นตกใจจนไข้ขึ้น ! ที่จริงข้าเป็นแค่เด็กสาวชาวบ้านธรรมดาที่โหยหาชีวิตสงบสุข”
ในที่สุดใบหน้าของเจียงโม่หานก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้น เขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเรียวเล็กของหลินเว่ยเว่ย “ได้ ! ข้าต้องทำให้เจ้ามีชีวิตแบบที่ปรารถนาแน่นอน…”
“เด็กสารเลว ! รีบเอามือออกไปเดี๋ยวนี้ ! ” หมินอ๋องเห็นฉากนี้ผ่านด้านนอกหน้าต่าง จึงส่งเสียงตะโกนดังลั่นแล้วก็รีบเข้ามาในห้องเหมือนจับโจรเด็ดบุปผา
หลินเว่ยเว่ยลุกขึ้นยืนแล้วแยกเขี้ยวให้หมินอ๋อง “ฟู่หวาง พระองค์ลองเดาสิว่าลูกบังเอิญไปเจอใครระหว่างทางไปวัดต้าเจวี๋ย ? ”
“ผู้ใด ? ” หมินอ๋องจ้องเจียงโม่หานด้วยสายพระเนตรดุร้าย ตอนหันกลับไปมองบุตรสาว สีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไปเร็วเสียยิ่งกว่าการแสดงเปลี่ยนหน้ากากของละครงิ้วเสฉวน !
หลินเว่ยเว่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “พระองค์จะต้องเดาไม่ถูกแน่นอน…ลูกไปเจอฮองเฮากับองค์รัชทายาทมาเพคะ ! แถมยังมีองค์หญิงเจียวเจียวด้วย ! ”
“อ้อ ! เป็นพวกเขาเอง ! ” หมินอ๋องครุ่นคิด ฮองเฮาศรัทธาในพระพุทธศาสนา ช่วงหลายวันมานี้พระพลานามัยของฮ่องเต้ดีขึ้นมาก ดังนั้นพระนางจะต้องไปจุดธูปขอบคุณองค์พระพุทธแน่นอน