หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 574 ถือว่าเจ้าตัวแสบยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง
ตอนที่ 574 ถือว่าเจ้าตัวแสบยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง
หมินอ๋องดื่มชาให้ชุ่มคอแล้วตรัสต่อ “นานกว่านั้นกระหม่อมจะไม่พูดแล้ว พูดถึงแค่ช่วงนี้ก็แล้วกัน ตั้งแต่นางกลับมา ร่างกายของเสวี่ยเอ๋อร์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีบาดแผลบนตัวกระหม่อมอีก พอถึงช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะช่วงที่หิมะตกก็จะปวดตรงบาดแผลมาก กระดูกก็เจ็บจนทะลุถึงขั้วหัวใจ หลังดื่มชาที่นางจัดให้แล้วช่วงนี้อาการก็บรรเทาลงมาก แล้วยังมีท่านย่าของเว่ยเอ๋อร์อีกคน อาการปวดศีรษะจนนอนไม่หลับของนางก็เบาลง…ที่กระหม่อมบอกว่านางเป็นดาวนำโชคดวงน้อยของตำหนักหมินอ๋อง ฟังเกินจริงไหมเล่าพ่ะย่ะค่ะ ? ”
ฮ่องเต้หยวนชิงตรัสในหทัย ‘ไม่มีใครเถียงเจ้าว่านางไม่ใช่ดาวนำโชคสักหน่อย บุตรสาวของเจ้าช่วยเจิ้นไว้ถึง 2 ครั้งและยังช่วยรักษากระเพาะของเจิ้นอีก จะว่าไปแล้วคนที่อยู่รอบตัวนางก็ดูได้รับผลประโยชน์จากนางมากจริง ๆ นั่นแหละ ! ’
“อยากจะพูดว่าเป็นเพราะบุตรเขยของเจ้าได้รับโชคดีจากบุตรสาวจึงเขียนตำราเล่มนี้ออกมาได้ ? ” ฮ่องเต้หยวนชิงย้อนถาม
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ” หมินอ๋องยืดอก มีความรู้สึกภาคภูมิใจเหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘มีสตรีเช่นนี้แล้วยังต้องการสิ่งใดอีก’ “แต่ ! พระองค์ถึงขั้นวิจารณ์ว่า ‘แยบยล’ ได้ ก็ถือว่าเจ้าตัวแสบยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงเขียนตำราตัวเลขออกมาไม่ดีขนาดนี้ ! ”
หมินอ๋องไม่พูดก็คงไม่ได้ว่าเด็กแซ่เจียงยังถือมีความสามารถอยู่บ้าง บัณฑิตคนอื่นออกไปตามหาตำราศาสตร์ตัวเลขจากทุกหนทุกแห่ง หรือแม้แต่แย่งตำราศาสตร์ตัวเลขเพียงเล่มเดียวจนแทบจะตีกันอยู่แล้ว ทว่าเจ้าเด็กนั่นแตกต่างออกไป เขียนตำราศาสตร์ตัวเลขขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ และยังได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่บวกจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านตัวเลขอีกด้วย !
พระองค์ไปสืบมาแล้วว่าผู้อาวุโสที่คนแซ่เจียงไปเยี่ยมที่ชานเมืองคือนักปราชญ์เซวียผู้เลื่องชื่อของราชวงศ์ก่อนจริง ๆ เจ้าเด็กนั่นคงไม่ใช่ลูกศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสเซวียหรอกกระมัง ? ตำราศาสตร์ตัวเลขเล่มนี้ไม่เหมือนตำราที่เด็กอายุสิบกว่าขวบจะเขียนออกมาได้ ! หรือว่า…ผู้อาวุโสเซวียจะเขียนตำราเล่มนี้ออกมาโดยยืมมือเจ้าเด็กคนนี้ ?
หมินอ๋องยังไม่ทันหาเวลาไปถามเจียงโม่หาน ผ่านไปไม่ถึง 2 วัน ร้านโม่เซียงก็ตีพิมพ์ ‘ชุดแบบทดสอบคณิตศาสตร์เก้าบท’ ออกมา แบบทดสอบด้านในก็มาจากความรู้ที่พวกบัณฑิตได้อ่านตำรา ‘คำอธิบายเก้าบทสำหรับศิลปะคณิตศาสตร์’ และบรรลุจนถึงความเข้าใจขั้นสูง
ณ ชานเมืองหลวง ในไร่ที่เงียบสงบและมีทิวทัศน์อันงดงาม ผู้อาวุโสเซวียกำลังพลิกอ่านชุดแบบทดสอบในมือด้วยความจริงจัง ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชมเชยโดยมีหยวนเจี๋ยกำลังนั่งทำแบบทดสอบอยู่ด้านข้างด้วยความขยันขันแข็ง
หลังทำโจทย์ที่แสนยากจบไปหนึ่งข้อ หยวนเจี๋ยก็ยื่นกระดาษคำตอบให้อาจารย์ปู่ตรวจสอบ ผู้อาวุโสเซวียก็ไม่เข้าใจโจทย์ข้อนี้ จึงพลิกดูเฉลยที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นคำตอบแล้วก็เข้าใจทันที เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอีกครั้ง “ข้อนี้สหายเจียงเขียนได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ มุมมองของคำตอบก็แยบยลมาก แต่ทำให้เนื้อหาที่ซับซ้อนดูเข้าใจง่ายได้ด้วย ทำให้คนอ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ! วิเศษ ! วิเศษมาก ! ! ! ”
หยวนเจี๋ยรู้สึกได้ถึงช่องว่างระหว่างเจียงโม่หานกับตัวเอง เขาถามผู้อาวุโสเซวียอย่างไม่ยอมแพ้ “ท่านอาจารย์ปู่ ตอนอยู่ที่เขตเริ่นอัน เจียงเจี้ยหยวนเคยถกเถียงศาสตร์ตัวเลขกับท่านบ้างหรือไม่ขอรับ ? ”
ผู้อาวุโสเซวียเงยหน้ามองเขา ก่อนจะส่ายหน้าให้ “อาจารย์ปู่รู้ว่าความหมายของเจ้าคือ อยากถามว่าอาจารย์ปู่ได้ชี้แนะด้านศาสตร์ตัวเลขให้เขาหรือไม่ ! อาจารย์ปู่บอกเจ้าได้เลยว่า…ไม่เคย ! ! ระดับความรู้ด้านศาสตร์ตัวเลขของสหายเจียงล้ำหน้ากว่าอาจารย์ปู่มากแล้ว ! ไม่พูดก็คงไม่ได้ว่าพรสวรรค์และความสามารถที่สหายเจียงมีอยู่ ถือว่าหาตัวจับยากในรอบหลายร้อยปี ! ”
หยวนเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ…เทียบกันแล้วช่างน่าโมโหนัก ! เจียงเจี้ยหยวนไม่เพียงได้คำชมจากอาจารย์ปู่ ทว่าตัวอักษรและภาพวาดที่เป็นฝีมือของอีกฝ่ายก็ได้ขึ้นแท่นผลงานล้ำค่า ถูกบุคคลโด่งดังยกย่อง แม้แต่ศาสตร์ตัวเลขที่โดนเมินเฉยมาโดยตลอดก็ยังชำนาญสุด ๆ เขาอยากรู้จริง ๆ ว่ายังมีอะไรที่เจียงเจี้ยหยวนทำไม่ได้บ้าง ?
หยวนเจี๋ยเริ่มรู้สึกท้อแท้ เขาหันไปขอความเห็นจากผู้อาวุโสเซวีย “ท่านอาจารย์ปู่ จู่ ๆ ก็มีโจทย์คณิตศาสตร์เพิ่มเข้ามาในการสอบฮุ่ยซื่อ ท่านคิดว่าศิษย์หลานจะลงสนามสอบปีนี้ดีหรือไม่ขอรับ ? ”
“หากเป้าหมายของเจ้าอยู่ที่ตำแหน่งจอหงวน อาจารย์ปู่ขอแนะนำให้รอไปอีก 3 ปี เพราะไม่ว่าจะเป็นด้านสี่ตำราห้าคัมภีร์ ทฤษฎีเชิงนโยบายหรือศาสตร์ตัวเลข เจ้าก็สู้สหายเจียงไม่ได้ ! แต่ถ้าเจ้าสนแค่ให้สอบติดก็พอ ยังอาจมีความหวังว่ารายชื่อจะอยู่บนป้ายประกาศ ! ” ความสามารถในการเรียนรู้ของศิษย์หลานคนนี้ ผู้อาวุโสเซวียเคยทดสอบอยู่หลายครั้ง ยังถือว่ารอบรู้อยู่พอตัว ทว่าเรื่องนิสัยยังต้องขัดเกลาอีก เพราะยังสุขุมไม่พอ !
ย้อนไปมองสหายเจียงที่ไม่เหมือนเด็กหนุ่มอายุเพียง 16 ปี เพราะเชี่ยวชาญการเขียนบทความที่ซับซ้อนและมีมุมมองด้านความคิดบางอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีด้วย ผู้อาวุโสเซวียเริ่มยกย่องเจียงโม่หานมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว !
หยวนเจี๋ยครุ่นคิด ก่อนที่แววตาจะดูเด็ดเดี่ยว เขาพูดด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมพอสมควร “ท่านอาจารย์ปู่ ศิษย์หลานอยากลองดู ! อาจารย์ปู่ได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย…”
ผู้อาวุโสเซวียพยักหน้า “ได้ ! คนหนุ่มต้องมีความกล้าและมีแรงสู้ ! สองเดือนต่อจากนี้อาจารย์ปู่จะเน้นสอนด้านศาสตร์ตัวเลข ห้าคัมภีร์และทฤษฎีเชิงนโยบายให้เจ้าเอง อย่าสร้างแรงกดดันให้ตัวเองมากเกินไป ด้วยความรู้ที่เจ้ามีในเวลานี้การสอบได้อันดับสองไม่ใช่ปัญหา ! ”
ด้วยเหตุนี้หยวนเจี๋ยจึงเข้าสู่การฝึกฝนแบบเข้มข้น แม้แต่ช่วงปีใหม่เขาก็ไม่หยุดพัก พอบัณฑิตหยวนเห็นแบบนั้นก็เกิดความชื่นชม !
และแล้วก็มาถึงพิธีปักปิ่นของหลินเว่ยเว่ย แม้จะมีเวลาเตรียมงานทั้งหมด 20 วัน แต่พิธีปักปิ่นนี้ก็ออกมาได้ยิ่งใหญ่มาก
แขกที่ถูกเชิญมาร่วมงานล้วนเป็นขุนนางตั้งแต่ขั้นสามขึ้นไปทั้งสิ้น ประธานในพิธีปักปิ่นคือฮองเฮาเหนียงเหนียง ผู้ทำพิธีคือองค์หญิงเจียวเจียว ส่วนผู้ช่วยอีกสองคนแบ่งเป็นติงหลิงเอ๋อร์บุตรสาวของผู้อำนวยการสำนักกั๋วจื่อเจียนและโม่ชิงหลีจวิ้นจู่น้อยแห่งตำหนักหนิงอ๋อง
ของที่ใช้ในพิธีปักปิ่นล้วนเป็นของชั้นดีทั้งหมด หมินอ๋องและพระชายาแทบกว้านซื้ออัญมณีและหยกเนื้องามที่ล้ำค่าที่สุดจากทั่วทั้งแผ่นดินต้าเซี่ยเพื่อนำมาทำของใช้ในพิธีปักปิ่น ชุดใหม่ทั้งสามชุดที่ใช้เปลี่ยนในงานพิธีก็ใช้วัสดุดีที่สุด รูปแบบใหม่ที่สุดและสีที่เข้ากัน…ทุกอย่างบ่งบอกได้ถึงความสำคัญที่ตำหนักอ๋องมีแด่องค์หญิงเว่ยเว่ยพระองค์นี้ แม้ฮ่องเต้ไม่ได้เสด็จมาด้วยพระองค์เอง แต่ก็พระราชทานของขวัญมาไม่น้อยและยังส่งองค์รัชทายาทมาร่วมงานอีกด้วย
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดในงานนี้ก็คือ ปิ่นเว่ยหลิง…ที่ลือกันว่าได้รับพรจากทวยเทพก็มาปรากฎในพิธีปักปิ่นขององค์หญิงเว่ยเว่ย หมินหวางเฟยทอดพระเนตรปิ่นเว่ยหลิงที่วางอยู่ในถาดด้วยความตกตะลึง ไม่ผิดแน่นอน หยกใสแวววาว งานแกะสลักระดับถึงแก่นของจิตวิญญาณและการออกแบบอันวิจิตร…
แม้จะสืบทอดกันมานับร้อยปีแล้วก็ยังมีประกายแวววาวอยู่ ทั้งยังเปี่ยมความหมายในตัวมันเองด้วย…ฮองเฮาเหนียงเหนียงหยิบปิ่นเว่ยหลิงขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นพลางทอดพระเนตรอักษรคำว่า ‘เว่ย’ ที่สลักไว้อย่างมีชั้นเชิงผสานเข้ากับลวดลายที่สลักบนตัวปิ่น หากไม่มองให้ละเอียดก็อาจเข้าใจว่ามันคือลวดลายสลักที่ถูกออกแบบมา ไม่ใช่ตัวอักษร !
ฮองเฮาเหนียงเหนียงหันมาตรัสกับหมินหวางเฟยด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์ “เจ้าช่างพยายามอย่างหนักเพื่อบุตรสาวสุดที่รัก ตอนมีข่าวว่าปิ่นเว่ยหลิงปรากฏในใต้หล้าอีกครั้ง เปิ่นกงก็ส่งคนไปตามหาเช่นกัน แต่ได้รับข่าวว่าปิ่นเว่ยหลิงมีเจ้าของใหม่แล้ว คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะแย่งไปได้ ! ”
ดวงพักตร์ตกตะลึงของหมินหวางเฟยพลันเรียบนิ่งอีกครั้ง นางได้แต่แย้มพระสรวลเพื่อกลบเกลื่อน ทว่าในหทัยแอบบ่น ‘ตอนที่ตนเองตามหาปิ่นเว่ยหลิง ผลที่ออกมาก็เหมือนฮองเฮาเหนียงเหนียงคือคว้าน้ำเหลว คาดไม่ถึงว่าปิ่นเว่ยหลิงนี้จะมาปรากฎในพิธีปักปิ่นของบุตรสาว…’