หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 584
ตอนที่ 584 บัณฑิตน้อยผู้เย็นชาถูกหลอมละลายกลายเป็นผู้ชายอบอุ่น
ตามที่ท่านหมอเหลียงบอกมาคือหลังจากที่พวกหลินเว่ยเว่ยจากมาได้ไม่นาน คนที่ฮ่องเต้ส่งไปก็ตามหาเขาจนพบและเชิญเขากลับเมืองหลวงเพื่อทำงานในสำนักหมอหลวง ท่านหมอเหลียงบอกว่าแท้จริงแล้วบรรพบุรุษของตนเป็นหมอหลวง ไม่ได้คุยโวโอ้อวดเพราะบิดาของท่านหมอเหลียงยังเคยถวายการรักษาฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอีกด้วย !
ท่านหมอเหลียงตรวจชีพจรให้เจียงโม่หานเสร็จเรียบร้อยก็ลูบเคราแล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นอะไรมาก แค่เป็นไข้เล็กน้อย ดื่มยาสักสองเทียบและพักผ่อนไม่กี่วันก็หายแล้ว”
“หมอ มีหมอหรือไม่ ! ” น้ำเสียงโศกเศร้าเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอกของรถม้า
หลินจื่อเหยียนจึงกระโดดลงจากรถม้าเพื่อเข้าไปดู ก่อนจะกลับมาพลางส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ผู้เข้าสอบที่ถูกหามออกมาเมื่อครู่มีไข้จนหมดสติไปแล้ว ครอบครัวของเขาไม่ได้เชิญหมอเอาไว้ล่วงหน้า…”
หลินเว่ยเว่ยใจอ่อนจึงขอให้หมอเหลียงช่วยไปดูอาการให้ หมอเหลียงตรวจชีพจรคนผู้นั้นเสร็จก็ส่ายหน้าและเอ่ยอย่างเศร้าหมองว่า “ความเย็นแล่นเข้าสู่ปอด…สายไปแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยไม่ค่อยรู้เรื่องการแพทย์สักเท่าไร นางมองว่าผู้เข้าสอบคนนั้นคงมีไข้สูงจนเป็นปอดบวม การแพทย์ยุคนี้แย่มากจริง ๆ แค่เป็นหวัดก็สามารถคร่าชีวิตคนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโรคปอดบวมเฉียบพลันเช่นนี้
ไม่รู้ว่าเจียงโม่หานลงจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใด เขาจับข้อมือของหลินเว่ยเว่ยเอาไว้และพานางออกห่างจากผู้เข้าสอบที่ไม่สบายคนนั้นพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “การสอบทุกครั้งล้วนมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ทั้งที่สามารถทิ้งการสอบแล้วออกจากสนามสอบก่อนได้ แต่กลับฝืนอยู่จนจบ…”
“หรือการสอบขุนนางสำคัญกว่าชีวิต ? ” หลินเว่ยเว่ยรู้สึกหดหู่เหลือเกิน
เจียงโม่หานลูบศีรษะของนางแล้วนึกถึงตัวเองในชาติที่แล้ว หากไม่ได้พบเถ้าแก่โรงเตี๊ยมผู้แสนใจดี เขาคงจะแย่ยิ่งกว่าผู้เข้าสอบคนนั้นเสียอีก เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีบ่าวรับใช้คอยติดตาม แต่เขาหัวเดียวกระเทียมลีบ ตายไปยังไม่มีแม้แต่คนเก็บศพด้วยซ้ำ…
ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสครั้งที่สอง การเข้าเมืองหลวงมาสอบครั้งหนึ่งต้องใช้เงินหลายร้อยตำลึง บัณฑิตที่ด้อยโอกาสมากมายและเพราะความจนจึงถูกตัดขาดจากเส้นทางการศึกษา…หากไม่สำเร็จก็หมดสิ้นทุกอย่าง เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้กับโชคชะตาครั้งสุดท้ายของเหล่าบัณฑิตยากจน
หลินเว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้นและเห็นความเหนื่อยล้าในแววตาของเจียงโม่หาน นางก็เพิ่งจำได้ว่าเขาเพิ่งผ่านพ้นเก้าวันอันโหดร้ายมา จึงรีบประคองเขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าลงมาทำไม ? รีบขึ้นไปพักบนรถม้าเร็วเข้า ! ”
เจียงโม่หานส่ายหน้าเล็กน้อย ใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่เป็นอะไร โชคดีที่มีถุงร้อนของเจ้ากับหม้อไฟสำเร็จรูปและยังมีเสื้อขนแกะตัวนี้ที่เจ้าซื้อให้ จึงทำให้ข้าไม่ต้องทรมานจากความหนาวเหน็บและความหิว”
เอ่ยจบ เขาก็จับมือหลินเว่ยเว่ยขึ้นมาพลางลูบเบา ๆ ที่รอยแผลเป็นซึ่งถูกไฟลวก การทำถุงที่สามารถให้ความร้อนเองได้ ไฉนเลยจะสามารถทำสำเร็จโดยง่าย ? ผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บแต่ยังจงใจปิดบังจนแผลหายแล้วเขาถึงได้รู้…เขาช่างเป็นคู่หมั้นที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย !
“พูดกันว่าสามีภรรยาคือคนเดียวกัน นี่ก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ ? อีกอย่างข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้า เพราะข้าทำเพื่อตำแหน่งฝูเหรินของจอหงวนต่างหาก ! ” หลินเว่ยเว่ยดึงมือออกแล้วไพล่ไว้ด้านหลัง รอยแผลเป็นใกล้จะหายแล้ว ทว่าบัณฑิตน้อยยังโทษตัวเอง ! บัณฑิตน้อยผู้เย็นชาถูกนางหลอมละลายจนกลายเป็นสุดยอดผู้ชายอบอุ่นไปแล้ว !
บัณฑิตน้อยขยันยิ้มบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ…หืม ! มองอะไรกัน ? เจ้าเป็นบุตรสาวบ้านไหน ? สงวนท่าทีหน่อยได้หรือไม่ ? จ้องคู่หมั้นคนอื่นเช่นนี้ ช่างหน้าไม่อาย ! บัณฑิตน้อย เจ้าก็หล่อเหลาเกินไป บางครั้งทำให้ข้าหงุดหงิดไม่น้อยเลย โชคดีที่คู่หมั้นของข้าซื่อสัตย์ไม่เปลี่ยนแปลง…
“น้องเจียง เจ้าออกมาเร็วมาก ! เจ้ารอข้าอยู่หรือ ? ” หยานจิงหยูมีบ่าวช่วยประคองออกมา สายตาของเขาค่อนข้างสั้น ทำให้เวลามองหน้าใครก็มักจะต้องหรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัว สมกับที่หลินเว่ยเว่ยตั้งฉายาให้ว่า ปลาพระจันทร์ !
ผู้เข้าสอบทยอยออกจากสนามสอบมากขึ้นเรื่อย ๆ หน้าประตูสนามสอบจึงเต็มไปด้วยครอบครัวและบ่าวรับใช้ของเหล่าผู้เข้าสอบ หยานจิงหยูจึงเบียดเสียดผู้คนออกมาด้วยความยากลำบากแต่หารถม้าของตนไม่เจอ จนถูกเบียดมาถึงหน้ารถม้าของพวกหลินเว่ยเว่ย เขาจำได้เพราะรูปลักษณ์กับสัญลักษณ์ของรถม้าตำหนักหมินอ๋องช่างสะดุดตาอย่างมาก
เจียงโม่หานจำได้ว่าคนที่โดนประคองออกมาพร้อมหยานจิงหยูคือหยวนเจี๋ยบุตรชายของบัณฑิตหยวน คนผู้นั้นเคยเป็นผู้ตรวจการประจำการสอบของเมืองจงโจว นับว่าเป็นอาจารย์ของเขาเช่นกัน ! เขาเห็นสีหน้าของทั้งสองไม่ค่อยสู้ดีและมีท่าทางการยืนไม่มั่นคง จึงรีบให้หลินจื่อเหยียนและซัวถัวประคองทั้งสองขึ้นไปนอนบนรถม้า
หมอหลวงอย่างท่านหมอเหลียงเชิญมาไม่เสียเปล่าจริง ๆ เขาช่วยตรวจชีพจรให้หยานจิงหยูและหยวนเจี๋ย อาการของทั้งสองหนักกว่าเจียงโม่หานเล็กน้อย ร่างกายอ่อนแอกว่า ทว่าภายในรถม้าอบอุ่นอย่างมากเพราะด้านล่างมีเครื่องนอนที่หนานุ่มปูเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะยังมีสติอยู่ล่ะก็ ทั้งสองคงหลับไปนานแล้ว
หลินเว่ยเว่ยชงชาผลไม้ด้วยน้ำร้อนให้ทั้งสองคนพลางมองพวกเขาดื่มลงไปแล้วก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ “การสอบขุนนางของพวกท่านช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน ! ”
ทั้งสองได้สวมเสื้อคลุมขนแกะจากร้านตระกูลลู่ซึ่งดีกว่าเหล่าบัณฑิตที่สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา หยานจิงหยูดื่มชาผลไม้ไปหนึ่งแก้วแล้วก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพลางพิงรถม้าด้วยท่าทีสบายขึ้น “ถุงร้อนที่หลินกู่เหนียงมอบให้นับเป็นของดีจริง ๆ ตอนกลางคืนหนาวจนนอนไม่หลับ แค่เอามายัดไว้ที่อกเสื้อกับแผ่นหลังก็เหมือนได้ผิงเตาไฟอย่างไรอย่างนั้น ตอนที่ตอบคำถาม มือของข้าแข็งมากก็ยังสามารถนำมาทำให้มืออุ่นได้อีกด้วย ! ”
เจียงโม่หานถลึงตาใส่เขา ‘มอบให้อย่างนั้นหรือ ? เจ้าขโมยไปจากโต๊ะของข้าอย่างหน้าด้าน ๆ ไม่อายหรือไร ? ’
หยวนเจี๋ยรู้สึกเหมือนตัวเองตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง จึงเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “พี่หยาน สิ่งใดคือถุงร้อน ? ”
หยานจิงหยูเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ว่า “สิ่งนี้เป็นของที่หลินกู่เหนียงคิดค้นขึ้นมา คือผงสีดำ ๆ ถูกบรรจุลงในถุงผ้าอย่างดี ใส่ไว้ใต้เสื้อผ้าที่กั้นผิวหนังไว้อีกหนึ่งชั้นก็สามารถสร้างความอบอุ่นขึ้นได้ เจ้าคิดว่ามันวิเศษหรือไม่ ? ข้าเอามาจากน้องเจียง แต่ข้าใช้หมดแล้ว หากเจ้าอยากเห็นล่ะก็ลองถามเขาสิว่ายังมีอีกหรือไม่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยได้ยินดังนั้นก็ส่งถุงร้อนให้หยวนเจี๋ยที่ใช้มือทั้งสองข้างกุมเอาไว้ เพียงครู่เดียวมือที่เย็นเฉียบก็รู้สึกอุ่นขึ้น เขาจึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “นี่เป็นของดีจริง ๆ ด้วย หลินกู่เหนียง เหตุใดท่านไม่ทำออกมาเยอะ ๆ หน่อยเล่า จากนั้นก็เอาไปวางขายที่ร้านเถียนมี่ฉือกวง ! ”
หากสามารถหาซื้อสิ่งนี้ได้ เขาคงไม่ต้องตัวแข็งราวกับซากสุนัขตายอยู่ในสนามสอบหรอกกระมัง ? ในบรรดาทั้งสามคนนี้ ตัวเขาอาการหนักที่สุด หมอหลวงจึงเอ่ยว่าต้องรักษาตัวให้ดีเพื่อจะไม่กลายเป็นโรคเรื้อรัง
“สิ่งนี้ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ หากไม่ระวังอาจโดนลวกและเป็นอันตรายได้ สัดส่วนต้องชั่งตวงให้พอดี เพราะถ้าผิดพลาดก็อาจเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นได้” แค่คู่หมั้นทำถุงร้อนให้เขาคนเดียว เจียงโม่หานยังรู้สึกสงสาร ไฉนเลยจะให้นางลำบากทำขาย ? อีกอย่างคือตอนนี้พวกตนก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง !
ตำราคำอธิบายเก้าบทสำหรับศิลปะคณิตศาสตร์และชุดแบบทดสอบคณิตศาสตร์เก้าบทของเจียงโม่หานเหล่านั้น ก่อนการสอบก็สามารถทำเงินได้จำนวนมาก ในมือของเขาจึงมีตั๋วแลกเงินอยู่หลายพันตำลึง เขาจึงคิดว่าจะทำธุรกิจในเมืองหลวงดีหรือไม่…รอให้การสอบผ่านพ้นไปแล้วถ้ายังอยู่ที่เมืองหลวงต่อก็ค่อยหาบ้านสักหลังที่อยู่ใกล้ตำหนักหมินอ๋อง ทว่าบ้านทางเมืองฝั่งตะวันตกไม่ใช่ราคาถูก เรือนสี่ประสานแบบสามวงยังพอซื้อไหว แต่หากต้องการซื้อเรือนสี่ประสานแบบห้าวงก็ไม่รู้ว่าเงินในมือเขาจะพอหรือไม่…
ทันใดนั้นก็ได้ยินหยวนเจี๋ยบ่นขึ้นมาว่า “เดิมทีคิดว่ามีชุดอาหารเข้าสอบจากร้านเถียนมี่ฉือกวงแล้วจะสบาย ที่ไหนได้กลับมีตัวอัปมงคลหน้าไหนไม่รู้ทำอาหารในห้องสอบ พวกผู้คุมสอบก็ไม่ห้ามปราม ทำให้พยาธิในกระเพาะของข้าเกิดประท้วงขึ้นมาจนไม่มีสมาธิทำข้อสอบเลย ! ”