หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 599 สหายเก่า เราต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกแล้ว
ตอนที่ 599 สหายเก่า เราต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกแล้ว
ได้ยินเพียงเสียงดัง ปัก เรือของอีกฝ่ายคล้ายแล่นมาโดนเข้ากับระเบิด โดนยิงทะลุสันท้องเรือด้านหน้าจนเป็นรูขนาดใหญ่และน้ำก็ไหลทะลักเข้าเรืออย่างรวดเร็ว
“เรือรั่ว ! รีบหาสิ่งใดมาอุดเร็ว เร็ว ! ! ” รูใหญ่ขนาดเท่าท่อน้ำจะเอาสิ่งใดมาอุด ? ผ่านไปไม่นานเรือลำแรกก็ค่อย ๆ จมสู่ก้นแม่น้ำ
หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้มพลางหยิบลูกศรยิงเรืออีกฝ่ายต่อไป ผ่านไปไม่นานเรือโจรสลัดก็จมไปถึงเจ็ดแปดลำ หลินเว่ยเว่ยยังเอื้อมมือมาหยิบลูกศรอีก…แต่ในนั้นกลับว่างเปล่า ที่แท้ลูกศรที่นางนำมาก็ถูกใช้จนหมดแล้ว
ในเวลานี้เอง เรือของอีกฝ่ายได้เข้าสู่ระยะยิงตามปกติแล้ว องครักษ์ตำหนักหมินอ๋องกลุ่มหนึ่งถือโล่ขึ้นป้องกัน ส่วนอีกกลุ่มก็ง้าวธนูยิง องครักษ์ตำหนักหมินอ๋องคือทหารในกองทัพที่ถูกฝึกฝนมานับร้อยนับพันครั้งจึงเป็นธรรมดาที่ยิงธนูแม่นยำ พวกโจรสลัดล้วนโดนยิงกันถ้วนหน้า
เจียงโม่หานเห็นโจรสลัดกว่าครึ่งกระโดดลงจากเรือ จึงรีบพูดว่า “แย่แล้ว ! พวกมันคิดจะจมเรือเรา ! ”
หลินเว่ยเว่ยแย่งลูกธนูมาจากองครักษ์นายหนึ่งแล้วเล็งไปที่โจรในน้ำ นางอยากฉวยโอกาสตอนที่พวกโจรอยู่ใต้น้ำเพื่อเอาชีวิตพวกมัน ทว่าโจรพวกนี้ว่ายน้ำเก่ง หลังรอมาพักใหญ่แล้วสุดท้ายก็ไม่เห็นมีใครโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
เจียงโม่หานเข้ามาอยู่ข้างหลังนางและเบียดตัวจนหน้าอกชนกับแผ่นหลังของนาง มือทั้งสองข้างก็โอบนางไว้จากทางด้านหลัง…นะ นะ นะ นี่…มันเวลาใด ยังจะทำตัวชิดใกล้แบบนี้ ? ดูไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง ?
“ตั้งใจหน่อย เล็งธนูไปทางที่ข้าบอก…” เสียงของเจียงโม่หานดังขึ้นข้างหูของนาง…เอาเถิด ถือว่านางคิดมากไปเอง !
บัณฑิตน้อยมีสายตาเฉียบคมมากจนหลินเว่ยเว่ยเคยสงสัยว่าเขาสายตายาว แต่การมองในระยะใกล้ก็ไม่ได้มีปัญหากับเขา น่าสงสัยจริง ๆ
“คิดอะไรอยู่ รีบยิง ! ” เจียงโม่หานชี้นิ้วข้างหนึ่งไปที่แม่น้ำ ส่วนอีกข้างก็ยกมาสะกิดหลังของหลินเว่ยเว่ย…เด็กคนนี้ นี่มันเวลาใดแล้วยังใจลอยได้อีก !
หลินเว่ยเว่ยยิงธนูออกไป…จุ๋ม ยิงพลาดอย่างนั้นหรือ ? ทันใดนั้นก็มีหลักการหักเหของคลื่นผิวน้ำผุดขึ้นมาในสมองของนาง ระหว่างที่บัณฑิตน้อยชี้บอก ‘ภูตน้ำ’ อีกตัวให้ นางก็เอียงธนูเล็กน้อยและเป็นอย่างที่คิดว่ามีของเหลวสีแดงผุดขึ้นมา เรื่องก็เป็นแบบนี้ นางเก็บชีวิต ‘ภูตน้ำ’ ได้อีกจำนวนไม่น้อย…
แต่แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในอากาศ หลินเว่ยเว่ยรู้สึกว่ามีพละกำลังมหาศาลบางอย่างพุ่งมาจากด้านหลัง นางเดินเซไปด้านข้างสองสามก้าว ทันใดนั้นก็มีลูกธนูเฉียดใบหูของนางไปและปักลงที่พื้นเรือด้านหลังของนาง อันตรายมาก ! เกือบโดนระเบิดสมองแล้วไหมเล่า !
องครักษ์ตำหนักหมินอ๋องรีบถือโล่เข้ามาป้องกันให้หลินเว่ยเว่ยและเจียงโม่หาน ทันใดนั้นลูกธนูราวกับห่าฝนก็พุ่งเข้าหาโล่จนเกิดเสียง ตึง ตึง ตึง ผ่านไปไม่นานก็มีคนได้รับบาดเจ็บ !
ด้านล่างเรือก็เริ่มสั่น แม่ทัพหลินจึงพาลูกน้องที่ว่ายน้ำเก่งสองสามนายกระโดดลงจากเรือ นางหวงที่อยู่ในห้องโดยสารก็เฝ้ามองฉากนี้ด้วยความรู้สึกกังวล…ถึงแม้สามีจะว่ายน้ำเป็น แต่เทียบกับโจรสลัดที่ใช้ชีวิตอยู่กับผืนน้ำมานานหลายปีจึงยังห่างชั้นอีกไกล สามีของนาง…คงไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง ?
“เว่ยเอ๋อร์ ! ” ทันใดนั้นนางหวงก็ลุกขึ้นยืน เพราะนางเห็นหลินเว่ยเว่ยกระโดดลงจากเรือเช่นกัน…เว่ยเอ๋อร์ไม่เคยลงน้ำมาก่อน แล้วเหตุใดจึงกระโดดลงไปด้วย…ไม่ได้การ นางต้องลงไปช่วยบุตรสาว !
นางเฝิงเข้าไปคว้าตัวนางหวงเอาไว้ “เว่ยเอ๋อร์ไม่ใช่คนโง่ ในเมื่อนางกล้าลงไปย่อมมีเหตุผล พวกเราช่วยอะไรไม่ได้ก็อย่าเข้าไปเพิ่มความวุ่นวายเลย ! ”
หมินหวางเฟยลูบกระบี่ของนางเบา ๆ กระบี่เล่มนี้ติดตามนางมากว่า 20 ปี นางทอดพระเนตรไปที่บันไดเรือ เมื่อเห็นโจรสลัดกำลังจะบุกขึ้นมาบนเรือ นางก็ยกยิ้มที่มุมโอษฐ์เล็กน้อย ‘สหายเก่า เจ้าพักผ่อนมานานมากพอแล้ว เราต้องรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกแล้ว ! ’
หลังกระโดดลงน้ำแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ทำแขนเหมือนเป็นไม้พายและทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกตอนอยู่ใต้น้ำได้อย่างรวดเร็ว ชาติก่อนนางว่ายน้ำเป็น ถ้าสู้กันใต้น้ำนางอาจถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง…เพียงแต่ชาติที่แล้วนางจะไปสู้กับใคร ?
นางดำดิ่งลงสู่สายน้ำ พยายามว่ายไปหาเรือของทางราชการจนอากาศในปอดแทบหมด นางจึงแอบเข้าไปในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณแล้วสูดอากาศเข้าปอดอีกยกใหญ่ จากนั้นค่อยออกมาว่ายน้ำต่อ แต่แล้วดวงตาของนางก็ต้องเบิกกว้าง เพราะเห็นโจรสลัดคนหนึ่งกำลังว่ายน้ำผ่านมา…
โจรสลัดเห็นนางจึงกำมีดสั้นในมือขณะมองนางด้วยรอยยิ้มอำมหิต โจรสลัดจำนางได้แล้วว่าเป็นตัวแสบที่สังหารพวกพ้องของตน หากเป็นบนบก เขาอาจสู้นางไม่ได้ แต่ในน้ำ…ต้องไม่ปล่อยให้นางได้กลับไป !
ตอนที่มีดสั้นของโจรสลัดตวัดเข้ามาหาหลินเว่ยเว่ย ทันใดนั้นสตรีตรงหน้าของเขาก็หายตัวไป โจรสลัดตกใจจนสำลักน้ำออกมาสองสามครั้ง เขารีบหันมองรอบ ๆ ทันที…นางอยู่ที่ใด ? เมื่อครู่ยังอยู่ตรงหน้า แล้วเหตุใดจู่ ๆ จึงหายตัวไปได้ ? หรือว่า…เขาเจอกับภูตน้ำตัวจริงที่กำลังหาตัวตายตัวแทน ?
หนึ่งช่วงลมหายใจเข้าออกต่อมา หลินเว่ยเว่ยก็ออกจากมิติน้ำพุวิญญาณ ประจวบเหมาะกับอยู่ด้านหลังโจรสลัดพอดี นางจึงคว้าลำคอของโจรสลัดแล้วออกแรงจนคอของอีกฝ่ายหัก จากนั้นนางก็หยิบมีดสั้นออกจากศพโจรแล้วว่ายไปหาเป้าหมายอื่นต่อไป…
อยู่ใต้น้ำ นางก็เปรียบเสมือนปลาน้อยคืนถิ่น แต่ทำให้คนบนเรือกังวลกันยกใหญ่ เจียงโม่หานไม่สนใจความปลอดภัยของตน เขาชะโงกตัวลงไปที่ผิวน้ำ ถ้าไม่มีหลีชิงคอยดึงไว้เขาก็คงกระโดดลงไปแล้ว…เขารู้สึกผิดจริง ๆ เหตุใดชาติก่อนถึงไม่เรียนว่ายน้ำ ?
“ฮือ ฮือ ฮือ…” ชุนซิ่งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา นางเข้าไปฟ้องหมินหวางเฟย “จวิ้นจู่ลงไปในน้ำจะครบ 2 เค่อแล้วเพคะ แต่ไม่ขึ้นมาบนผิวน้ำเลยสักครั้ง ลูกเรือบอกว่าแม้จะว่ายน้ำเก่งขนาดไหนก็ไม่มีทางทนอยู่ใต้น้ำได้นานขนาดนี้เพคะ พระชายา…จวิ้นจู่…คงจะไม่ คงจะไม่…”
พอนางหวงได้ยินแบบนั้นยังไม่ทันได้โมโหก็สลบไปก่อนแล้ว นางเฝิงยกแท่งโลหะในมือขึ้นแล้วเงยหน้ามองด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปพูดกับหมินหวางเฟยว่า “พระชายา หม่อมฉันจะออกไปดู ! เสวี่ยยวี่ เจ้าคุ้มครองพระชายาให้ดี ! ”
นางเฝิงและเสวี่ยยวี่เรียนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กพร้อมกับหมินหวางเฟย แม้ด้านวรยุทธจะเทียบกับพระชายาไม่ได้ แต่ก็สามารถใช้คุ้มครองตัวเองได้ ปกป้องเด็กทารกคนหนึ่งในแผ่นดินที่วุ่นวายแล้วพาไปปักหลักที่ฉือหลี่โกว หากไม่มีความสามารถแล้วจะทำได้อย่างไร ?
หมินหวางเฟยก็นั่งไม่ติดแล้ว…ถ้าเว่ยเอ๋อร์เป็นอะไรไป ต้องกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่สำหรับโม่หานแน่นอน ความรู้สึกที่เด็กทั้งสองมีให้กัน นางเห็นมาด้วยสองเนตร นางจึงลุกขึ้นพร้อมกระบี่คู่กาย “ข้าจะไปกับเจ้า ! ”
ในเวลานี้ ที่ดาดฟ้าเรือได้มีโจรสลัดปรากฏตัวขึ้นมากมายแล้ว องครักษ์ตำหนักหมินอ๋องและลูกน้องที่ว่ายน้ำไม่เป็นของแม่ทัพหลินกำลังร่วมกันสู้กับพวกโจรสลัดอยู่ ส่วนทางหลีชิงไม่เพียงต้องสู้กับศัตรู แต่ยังต้องคอยห้ามไม่ให้เจียงโม่หานกระโดดลงน้ำด้วย…เขาช่างลำบากจริง ๆ !
คราวนี้ หลีชิงก็ตามมาด้วย เขารวบรวมหลักฐานที่ศัตรูคู่แค้นอย่างจงอี้โหวมีส่วนร่วมกับกบฏราชวงศ์ก่อนได้แล้ว เรื่องสงครามในภาคเหนือก็เกี่ยวข้องกับจงอี้โหวและพวกราชวงศ์ก่อนเช่นกัน ในส่วนของหลักฐานนั้นเจียงโม่หานได้ช่วยส่งให้ถึงพระหัตถ์ของฮ่องเต้ ดังนั้นจงอี้โหวไม่มีทางรอดพ้นโทษกบฏไปได้แน่นอน ส่วนความแค้นเรื่องโดนฆ่าล้างตระกูลก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ภายใต้การชี้แนะของเจียงโม่หาน หลีชิงก็ตามหาน้องสาวเจอแล้ว น้องสาวของหลีชิงถูกคนดีช่วยชุบเลี้ยงและแต่งงานกับสหายวัยเด็กในหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งสองคนมีชีวิตคู่ที่ไม่เลวเลย