หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง - ตอนที่ 92 ดาวนำโชคของบ้านข้า
ตอนที่ 92 ดาวนำโชคของบ้านข้า
คุณชายท่านนี้เป็นคนฉลาดมาก ! หลินเว่ยเว่ยประเมินอีกฝ่ายอยู่ในใจ
การได้ทำการค้ากับคนฉลาดโดยเฉพาะคนฉลาดที่มีความจริงใจเช่นนี้ ทำให้นางไม่ต้องพูดอย่างเปลืองน้ำลายซึ่งช่วยลดความยุ่งยากไปได้มาก !
เนื่องจากวันนี้เข้าเมืองมากับนางเฝิง หลินเว่ยเว่ยจึงปฏิเสธคำเชิญของอาเถียนอย่างอ้อม ๆ แล้วพวกนางเดินไปซื้อกระดูกและเนื้อ ในขณะที่กำลังเดินไปนอกประตูเมือง ระหว่างทางพวกนางได้เดินผ่านหอจุ้ยเซียนเช่นกัน หลงจู๊จำนางได้จึงเดินออกมาต้อนรับอย่างเป็นมิตร น้องชาย เจ้าไม่ได้มาส่งหมูป่าให้โรงเตี๊ยมของข้าเป็นเวลานานแล้ว ระยะนี้ล่าสัตว์ในป่าได้ยากขึ้นใช่หรือไม่ ?
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปยิ้มให้เขา ลุงหวังมาส่งสัตว์ป่าให้โรงเตี๊ยมของพวกท่านทุกวันมิใช่หรือ ?
พรานหวังมีฝีมือดีสมกับได้รับขนานนามว่าเป็นพรานป่าผู้มากฝีมือ หลุมพรางและบ่วงล่าสัตว์ที่เขาวางไว้มักมีเหยื่อมาติดเป็นประจำ เพียงแต่บริเวณที่เขาวางกับดักไม่ค่อยมีสัตว์ใหญ่เดินผ่าน ในแต่ละวันเขาจะขึ้นไปดูกับดักในตอนเช้าเพราะถ้าอยู่บนเขาตลอดทั้งวันก็อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
หลินเว่ยเว่ยคิดว่าปีนี้ภัยแล้งรุนแรงยิ่งนัก ทำให้ประชาชนยากลำบาก แน่นอนว่ากิจการของหอจุ้ยเซียนคงไม่ดีไปสักเท่าไร สัตว์ป่าที่ลุงหวังล่ามาได้น่าจะเพียงพอสำหรับหอจุ้ยเซียนแล้ว ดังนั้นระยะนี้นางจึงเก็บสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณ หากภัยแล้งยังดำเนินต่อไปสัตว์ป่าเหล่านี้จะได้เป็นอาหารของพวกนางในยามลำบาก !
หลงจู๊หานได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าวว่า ส่วนใหญ่สัตว์ป่าที่พรานหวังนำมาส่งล้วนเป็นสัตว์ทั่วไปที่พบเห็นได้ง่าย เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้นอกจากพวกชนชั้นสูงหรือเศรษฐีผู้มั่งคั่งแล้วจะมีผู้ใดกล้ามากินอาหารที่โรงเตี๊ยมบ้าง ? พวกคุณชายมีเงินเหล่านั้นกินอาหารป่าธรรมดาจนเบื่อแล้ว หากเจ้านำสัตว์ป่าหายากมาส่งให้โรงเตี๊ยมของข้าได้ อย่างเช่นหมูป่าเหมือนคราที่แล้วหรือไม่ก็เป็นพวกหมีควาย ยังมีเสือที่เป็นสัตว์ดุร้ายทำนองนั้น รับรองเลยว่าเรื่องราคาไม่ใช่ปัญหาแน่นอน !
เมื่อหลงจู๊เอ่ยถึง ‘หมีควาย’ ขึ้นมาก็ทำให้หลินเว่ยเว่ยหวนนึกถึงเจ้าหมีควายขี้ขลาดที่มักวิ่งหนีทุกคราที่พบกัน ถ้านางสามารถล่ามันมาได้ นางก็คงทำเงินได้ไม่น้อย
ความคิดนี้แล่นเข้ามาในสมองนางเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น เพราะเจ้าหมีควายตัวนั้นเฉลียวฉลาดราวกับเจ้าเทา นางฆ่าพวกมันไม่ลงหรอก !
หลินเว่ยเว่ยจึงยิ้มพร้อมส่ายหน้า หลงจู๊หาน บรรดาสัตว์ร้ายที่ท่านกล่าวถึงล้วนเป็นสัตว์ที่มีความเก่งกาจที่สุดในบรรดานักล่า ข้าคงทำได้เพียงหนีพวกมันเท่านั้น แม้ว่าท่านจะให้ราคาสูงเพียงใด ข้าก็ต้องรักษาชีวิตไว้ก่อน ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ ?
หลงจู๊หอจุ้ยเซียนมองนางแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม หากผู้อื่นพูดว่าจะเอาชีวิตตนเองไปทิ้ง ข้าย่อมเชื่อแน่นอน ! แต่น้องชาย เจ้าน่ะ…มีผู้ใดบ้างที่แบกหมูป่าหนักหลายร้อยชั่งด้วยตัวคนเดียวเหมือนเจ้า ? หากเป็นเสือหรือหมีควายน่าจะพบเห็นได้ยากในป่าลึก แต่หมูป่าคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าใช่หรือไม่ ? เอาอย่างนี้แล้วกัน หากเจ้าสามารถล่าสัตว์ป่ามาได้ ข้าจะเพิ่มราคาให้เจ้าชั่งละสามในสิบส่วน เจ้ามีความเห็นอย่างไร ?
หลินเว่ยเว่ยนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า เช่นนั้น วันพรุ่งนี้ข้าจะลองขึ้นเขา แต่จะล่าสัตว์ป่าได้หรือไม่คงต้องดูที่ดวงของข้าแล้ว !
หลงจู๊หอจุ้ยเซียนจึงยกมือขึ้นขอบคุณนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นนั้นข้าจะรอข่าวดีจากน้องชายแล้วกัน !
ระหว่างทางกลับหมู่บ้าน นางเฝิงได้เอ่ยกับนางอย่างเป็นกังวล เจ้าคิดจะขึ้นเขาไปล่าหมูป่าจริงหรือ ? มันใช่เรื่องเล่น ๆ หรืออย่างไร ? ข้าไม่ได้มองเจ้าเป็นคนนอก ดังนั้นจึงอยากเตือนเจ้า จงอย่าคิดว่าการที่พละกำลังของตนมีมากจนบังเอิญล่าหมูป่าได้จะทำให้เจ้ากลายเป็นผู้ไร้เทียมทานตลอดไป ต้องจำไว้ว่าคนที่จมน้ำตายล้วนว่ายน้ำเป็นทั้งสิ้น !
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง น้าเฝิง ข้ารู้ว่าท่านดีต่อข้าเสมอ ! ท่านไม่ต้องกังวลหรอก ข้าประมาณกำลังของตนแน่นอน
นางเฝิงรู้ว่าแม้ภายนอกหลินเว่ยเว่ยดูเป็นเด็กสาวที่อารมณ์ดี แต่ความจริงแล้วนางเป็นผู้ที่มีแผนการอยู่ในใจเสมอ ดังนั้นจึงไม่พูดให้มากความ นอกจากพูดด้วยรอยยิ้มว่า คาดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยเช่นเจ้าจะเก่งเรื่องค้าขายเช่นนี้ เจ้าทำให้พวกเรามีหนทางทำรายได้เพิ่มอีกทาง เพียงแต่ข้าไม่เคยทำหลานเหมยอบแห้งมาก่อน…
ผลไม้อบแห้งทุกชนิดล้วนคล้ายคลึงกันไม่ใช่หรือ ! หากไม่อร่อยก็ลองทำหลาย ๆ รอบ ! เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ต้องใช้เงินซื้อหลานเหมยอยู่แล้ว หากทำไม่ได้จริง ๆ เราก็นำมาเคี่ยวแล้วเอาไว้ทำพวกขนมเค้กก็ได้ ! หลินเว่ยเว่ยพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ทันใดนั้นนางเฝิงจึงนึกบางอย่างขึ้นได้ จริงด้วย ! รอจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง เมื่ออากาศหนาวเย็นก็สามารถทำขนมเค้กไปขายในเมืองได้ คุณชายหนิงท่านนั้นเอ่ยเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ ? ขอเพียงรสชาติอร่อย เขาก็จะรับซื้อทั้งหมด !
หลินเว่ยเว่ยกอดแขนนางเฝิงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม น้าเฝิง ภูเขาใหญ่หลังหมู่บ้านเราเป็นแดนสมบัติเชียวนะ ! พอถึงฤดูใบไม้ร่วงเราสามารถนำองุ่นป่ามาหมักเป็นเหล้าผลไม้ นำลูกสาลี่ป่ามาเชื่อมเป็นขนม ทำเป็นลูกอมสาลี่ นอกจากนี้ยังมีถั่วชนิดต่าง ๆ อีกมากมาย…ต่อไปนี้พวกเราไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินแล้ว ที่ต้องกังวลคงมีแต่อยากให้มืองอกเพิ่มออกมา จะได้ทำงานทัน !
นางเฝิงยิ้มไม่หุบ ในปีที่มีภัยแล้งรุนแรงเช่นนี้ ยิ่งมีเงินอยู่ในมือมากเท่าไรก็จะยิ่งรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ! เมื่อก่อนนางต้องแบ่งเงิน 1 อีแปะไว้ใช้สองวันซึ่งนางกลัวการไม่มีเงินเหลือเกิน
เสี่ยวเว่ย เจ้าคือดาวนำโชคของบ้านข้า ! นางเฝิงลูบศีรษะของหลินเว่ยเว่ยอย่างอ่อนโยน
หลินเว่ยเว่ยยิ้มกว้าง น้าเฝิง ที่จริงท่านต้องบอกว่าพวกเราต่างก็เป็นดาวนำโชคของกันและกัน หากไม่มีฝีมือการทำผลไม้อบแห้งของน้าเฝิง ผลชิงป่าเหล่านั้นจะขายได้สักเท่าไหร่กันเชียว ?
คนร่ำรวยหาซื้อได้ไม่ยาก เพียงแต่คนธรรมดาลำพังจะกินให้อิ่มท้องยังยากเลย แล้วพวกเขาจะเอาเงินจากที่ใดมาซื้อผลไม้อบแห้ง ? ที่ซื้อจึงมีแต่พวกคนรวยทั้งนั้นซึ่งถ้าคุณภาพไม่ดีคิดหรือว่าจะขายได้ราคาสูง ?
นางเฝิงไม่ค่อยพบเห็นเด็กสาวเช่นนี้ นางจึงอดพูดไม่ได้ว่า เสี่ยวเว่ย หากข้ามีบุตรสาวเช่นเจ้า ต่อให้เป็นเพียงความฝัน ข้าก็ยังยิ้มได้
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยเย้าด้วยรอยยิ้ม น้าเฝิง ท่านอย่าคิดแย่งบุตรสาวไปจากท่านแม่ของข้าเชียว เชื่อหรือไม่ว่าท่านแม่สามารถใช้น้ำตาสยบท่านได้เลย !
นางเฝิงนึกถึงนางหวงที่โดนพูดกระทบจิตใจเข้าหน่อยก็หลั่งน้ำตาได้แล้ว ทันใดนั้นนางก็หัวเราะออกมา ฮ่าฮ่าฮ่า เพื่อไม่ให้แม่ของเจ้าต้องร้องไห้ไปตลอดทั้งคืน เช่นนั้นข้าจะเก็บความคิดนี้ไว้ในใจก็พอ
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ น้าเฝิง ท่านเลิกคิดเรื่องการมีบุตรสาวเถิด เอาเช่นนี้สิ…ท่านก็ให้บัณฑิตน้อยขยันกว่านี้หน่อย จากนั้นก็ให้เขาแต่งสะใภ้ที่ถูกใจท่าน !
นางเฝิงเกิดความคิดในใจแต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า เฮ้อ ! อย่างพี่โม่หานของเจ้าที่วันทั้งวันเอาแต่ทำหน้าเย็นชาน่ะหรือ เขาทำท่าทีราวกับไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องแต่งสะใภ้กับเขาได้หรือไม่ !
เหตุใดไม่ได้ ? เรื่องอื่นยังไม่ต้องกล่าวถึงหรอก ลำพังแค่รูปโฉมของบัณฑิตน้อยก็สามารถทำให้สตรีน้อยใหญ่คลั่งไคล้ได้แล้ว น้าเฝิง ท่านอาจยังไม่รู้ว่าในแต่ละวันบัณฑิตน้อยมักเปลี่ยนที่อ่านตำราเป็นประจำ ไม่เช่นนั้นวันต่อไปมีหวังได้ถูกพวกนางทั้งหลายล้อมหน้าล้อมหลังแน่ ! หลินเว่ยเว่ยพูดเกินจริง
นางเฝิงนึกถึงตอนที่เด็กสาวคนนี้ชอบจ้องมองใบหน้าของบุตรชายจนบางครั้งทำให้ใบหูของเขาแดงเรื่อ นางจึงถามอย่างเย้าแหย่ว่า แล้วเจ้าล่ะ ? เจ้าเป็นหนึ่งในบรรดากู่เหนียงที่ชอบเข้าไปห้อมล้อมบุตรชายของข้าหรือไม่ ?
ข้าอยู่ใกล้เขาเช่นนั้น ในแต่ละวันหากข้าอยากดูบัณฑิตน้อยอ่านตำรา ข้าก็สามารถดูได้ตลอดเวลา เหตุใดต้องเข้าไปห้อมล้อมเขาพร้อมคนอื่นด้วย ? หลินเว่ยเว่ยดูเหมือนภาคภูมิใจในตนเองมาก
นางเฝิงชอบเด็กสาวที่มีนิสัยจริงใจและไม่โอ้อวด โดยเฉพาะเด็กสาวผู้นี้ที่มักชอบยั่วยุให้บุตรชายผู้มีใบหน้าเย็นชาและนิสัยสุขุมเหมือนผู้ใหญ่กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์สมวัยได้…เช่นนี้เรียกว่าสิ่งหนึ่งย่อมโดนกำราบโดยอีกสิ่งหนึ่งได้หรือไม่ ?
ทั้งสองสนทนากันอย่างสนุกสนานจนกลับถึงหมู่บ้าน เวลานี้เจ้าหนูน้อยถือตะกร้าใส่หญ้าให้กระต่ายและได้ยืนรออยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านตั้งนานแล้ว หลังจากเห็นหลินเว่ยเว่ยมาใกล้ เขาก็วิ่งกระโดดโลดเต้นมาหาพี่สาวราวกับลูกสุนัขเห็นเจ้าของก็มิปาน
ตอนต่อไป