หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 215 องค์ชายก่อเรื่องชุลมุน (3)
เล่มที่ 2
ตอนที่ 215 องค์ชายก่อเรื่องชุลมุน (3)
มู่หรงเสียนั่งลงฝั่งตรงข้ามของมู่ชิงอี พอเห็นท่าทีสนิทสนมระหว่างมู่ชิงอีและหรงจิ่นก็นึกประหลาดใจ หรงจิ่นเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว ถึงแม้จะมาเมืองหลวงได้ไม่นานแต่ก็ปฏิเสธที่จะปฏิสัมพันธ์กับใครไปไม่น้อย ทว่าเบื้องหน้าเหมือนว่าหรงจิ่นจะคุ้นเคยกับจังชิงเป็นอย่างดี มู่หรงเสียรับประกันได้ว่าก่อนที่หรงจิ่นจะมาแคว้นหวาพวกเขาสองคนไม่รู้จักกันแน่นอน
หรงจิ่นไม่สนใจแววตาที่กำลังสำรวจมองตนของมู่หรงเสียเลยสักนิด เขามองมู่หรงเสียด้วยท่าทีใคร่รู้ว่า “จื้ออ๋อง ตอนนี้มู่หรงอวี้เป็นเช่นใดบ้างหรือ”
มู่หรงเสียที่ถูกเขาโพล่งถามโต้งๆ เช่นนั้นก็สำลักอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็อดมองหรงจิ่นด้วยท่าทีระมัดระวังไม่ได้ เขาไม่แน่ใจนักว่าหรงจิ่นคิดเช่นไรกับมู่หรงอวี้ ถึงแม้หรงจิ่นจะไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรกับมู่หรงอวี้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างหรงเหยี่ยนและมู่หรงอวี้ก็ถือว่าไม่แย่ “องค์ชายเก้า ถามเช่นนี้…” หรงจิ่นโบกมือเอ่ยด้วยท่าทีรำคาญใจ “เปล่าหรอก ข้าก็แค่อยากรู้ว่ามู่หรงอวี้จะดวงซวยมากเพียงใดก็เท่านั้น”
น้ำเสียงไม่ใส่ใจเช่นนั้นทำให้มู่หรงเสียรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ถึงอย่างไรน้องหกก็เป็นสายเลือดเดียวกับเสด็จพ่อ” เป็นเพียงประโยคบอกเล่าง่ายๆ ธรรมดาราวกับไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาสองคนที่นั่งอยู่ล้วนเป็นคนฉลาดย่อมต้องเข้าใจความหมายที่มู่หรงเสียต้องการจะสื่ออยู่แล้ว ดูท่าทางครั้งนี้…จะยังตีมู่หรงอวี้ให้ตายไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นหรงจิ่นหรือมู่ชิงอีต่างก็ไม่รู้สึกผิดหวังเลยสักนิด ในเมื่อพวกเขาเองเตรียมแผนสำรองไว้ไม่น้อย หากมู่หรงอวี้ถูกตีตายขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นแผนการที่พวกเขาวางไว้ก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าหมดมิใช่หรือ
“กล่าวเช่นนี้…ฝ่าบาทมิได้ลงโทษกงอ๋องเลยหรือ” มู่ชิงอีขมวดคิ้วมุ่นถาม
มู่หรงเสียยิ้มบางเอ่ย “ก็ไม่เชิงหรอก เสด็จพ่อทรงยกเลิกงานทั้งหมดของน้องหกในตอนนี้แล้วทรงรับสั่งให้ไปเก็บตัวสำนึกผิดอยู่ในตำหนัก นอกจากนี้…ยังทรงรับสั่งให้พี่ใหญ่ตรวจสอบเรื่องที่เหล่าขุนนางกล่าวโทษด้วย รวมถึงมีขุนนางที่เป็นพวกเดียวกับกงอ๋องบางคนถูกเสด็จพ่อถอดถอนตำแหน่งแล้ว” ขณะที่พูดมู่หรงเสียก็นึกเสียใจอยู่บ้าง แต่ไหนแต่ไรมาพี่ใหญ่เป็นกลางไม่เข้าข้างใคร หากเขาหรือน้องเจ็ดได้เป็นคนตรวจสอบยังพอว่าเพราะคงทำให้มู่หรงอวี้ตกต่ำย่ำแย่กว่านี้ได้
มู่ชิงอียกยิ้มมองมู่หรงเสียแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จื้ออ๋องใจร้อนเกินไปแล้ว เวลานี้กลบเกลื่อนว่าท่านอ๋องไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่อเลี่ยงมิให้ฝ่าบาททรงคิดว่าท่านอ๋องเจาะจงไปที่ตัวกงอ๋องจะเป็นการดีเสียกว่า” นางเอ่ยออกมาเพราะหวังดีกับมู่หรงเสีย แต่มู่หรงเสียจะฟังหรือไม่นั้นก็ไม่เกี่ยวกับนางแล้ว มู่หรงเสียพยักหน้าอย่างขอไปที ไม่ง่ายเลยกว่ามู่หรงอวี้จะล้มลง เขาจะปล่อยโอกาสให้มู่หรงอวี้กลับมาผงาดอีกไม่ได้! อีกอย่างอำนาจบางส่วนในเงื้อมมือของมู่หรงอวี้ก็อาจกำราบเอามาเป็นของตนได้ ต้องรู้ก่อนว่ามีลูกน้องมากมายในมือของมู่หรงอวี้เคยเป็นคนของอดีตองค์รัชทายาทมาก่อน ในเมื่อสามารถจงรักภักดีต่อมู่หรงอวี้ได้ เช่นนั้นก็ย่อมจงรักภักดีต่อผู้อื่นได้เช่นกัน
“จวนซู่เฉิงโหวและจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องมีปฏิกิริยาเช่นใดบ้างหรือ” มู่ชิงอีจิบชาพลางเอ่ยถามด้วยท่าทีสบายๆ
มู่หรงเสียเลิกคิ้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “น่าจะไม่ทันได้แสดงปฏิกิริยาอันใดเลยมากกว่ากระมัง จูเปี้ยนและมู่ฉังหมิงล้วนไม่ใช่คนโง่ แต่ตอนประชุมราชสำนักเมื่อเช้าเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ออกหน้าช่วยพูดอะไรแทนน้องหกเลย” มู่ชิงอีเลิกคิ้วแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายอะไร จูหมิงเยียนตายไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องและจวนกงอ๋องหรือกระทั่งจุดอ่อนของจวนผิงหนานจวิ้นอ๋องในมือของมู่หรงอวี้ก็หายไปเกินครึ่งแล้ว จูเปี้ยนย่อมไม่มีทางยอมเสี่ยงเพื่อมู่หรงอวี้อีกต่อไป ส่วนมู่ฉังหมิง มู่ชิงอีกลับสงสัยนักว่าเขาจะยอมเสี่ยงเพื่อใครได้บ้าง
“คุณชายจังว่างเมื่อใดหรือ มิเช่นนั้นไปสังสรรค์เล็กๆ กันที่จวนข้าสักหน่อยเป็นอย่างไร” มู่หรงเสียเอ่ยชวน มีอีกหลายเรื่องที่ไม่เหมาะจะสนทนากันด้านนอก แต่จังชิงผลุบๆ โผล่ๆ ราวกับผีก็มิปาน อีกทั้งยังมียอดฝีมือคอยตามปกป้องอีกต่างหาก บางครั้งมู่หรงเสียอยากเจอเขาแต่กลับหาเขาไม่เจอ ทว่าบางครั้งกลับปรากฏตัวขึ้นเองอย่างคาดไม่ถึง
มู่ชิงอีกล่าวปฏิเสธอ้อมๆ ด้วยท่าทีเสียดาย “ช่วงนี้กระหม่อมติดธุระ เกรงว่าคงน้อมรับน้ำใจอันดีงามนี้ของท่านอ๋องไว้มิได้” ช่วงนี้นางอาศัยอยู่ในวัง หากคิดจะออกวังก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากปรากฏตัวด้านนอกบ่อยๆ คงยากที่จะไม่ตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น นางยังไม่ลืมเรื่องที่มู่หรงเสียยังแอบตามสืบประวัติและสถานะของนางอย่างลับๆ หรอก
มู่หรงเสียที่โดนปฏิเสธก็ไม่ได้เกรี้ยวโกรธอะไร เพียงแค่พยักหน้าเอ่ย “เช่นนั้นก็รอคุณชายมีเวลาเถิด ประตูใหญ่ของจวนจื้ออ๋องพร้อมเปิดต้อนรับคุณชายเสมอ”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” มู่ชิงอียกแก้วขึ้นพลางยิ้มกล่าว
รอกระทั่งตอนที่มู่หรงเสียลุกขึ้นขอตัวกลับ มู่ชิงอีถึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง หากยิ่งรีบก็ยิ่งช้า เรื่องบางเรื่องก็ควรค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” มู่หรงเสียชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินลงบันไดไป
หรงจิ่นพิงหน้าต่างอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็มองมู่หรงเสียที่เดินออกประตูไปแล้วค่อยๆ กลมกลืนไปกับฝูงชนบนท้องถนนถึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เขาจะฟังบ้างหรือไม่นะ”
มู่ชิงอีกล่าว “หม่อมฉันต้องดึงดันให้เขาฟังหม่อมฉันหรืออย่างไรเล่า” นางก็แค่พูดไปอย่างนั้น หากมู่หรงเสียตั้งใจฟังก็ถือว่าโชคดีไป หากไม่อยากฟังก็ถือว่าไม่ได้ยินก็สิ้นเรื่อง นางหวังเพียงว่าตอนเขาได้สติแล้วนึกถึงคำพูดของนางคงไม่นึกเสียใจภายหลังก็พอ หรงจิ่นเอ่ยพร้อมฉีกยิ้มตาหยี “เจ้าสาดน้ำเย็นให้เขาในเวลานี้ อีกทั้งเอ่ยลอยๆ ขึ้นมาประโยคหนึ่งโดยไม่เน้นกำชับอะไร หากเป็นข้าก็คงไม่เก็บมาใส่ใจเหมือนกันนั่นแหละ”
พวกเขาสองคนส่งยิ้มพลางสบตากัน ใช่แล้ว เพราะเดิมทีพวกเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังให้มู่หรงเสียเก็บมาใส่ใจเช่นกัน
“ความจริงมู่หรงเสียก็นับว่าเป็นคนดีใช้ได้เลย” หรงจิ่นเล่นแก้วชาในมือพลางเอ่ยเสียงเนือยๆ มู่ชิงอีเงียบไปพักหนึ่งและยอมรับว่าหรงจิ่นพูดถูก สำหรับองค์ชายที่ปรารถนาจะคว้าตำแหน่งฮ่องเต้คนหนึ่ง มู่หรงเสียทำได้ไม่เลวจริงๆ ในบรรดาองค์ชายมากมายของฮ่องเต้แคว้นหวา นอกจากมู่หรงซี คนที่มีความสามารถโดดเด่นก็น่าจะเหลือแค่มู่หรงเสียและมู่หรงอวี้แล้ว หากไม่มีปัจจัยอย่างพวกเขาโผล่เข้ามาก้าวก่ายกะทันหัน มู่ชิงอีคิดว่าความเป็นไปได้ที่มู่หรงเสียจะขึ้นเป็นฮ่องเต้คงมีมากกว่าหน่อย แต่น่าเสียดาย เพราะคนที่อยู่ในเกมกระดานเหล่านี้…จะหลุดพ้นเงื้อมมือของผู้วางหมากไปได้เช่นไร
“องค์ชายเก้า” ระหว่างที่พวกเขาสองคนกำลังสนทนากันอยู่นั้นก็มีเสียงทุ้มต่ำดังแว่วมาจากด้านหลังไม่ไกลนัก มู่ชิงอีหันไปมองก็เห็นเว่ยอู๋จี้พาเชียนหลิงเดินตรงมาหาพวกเขาซึ่งห่างจากพวกเขาไม่มากแล้ว จากนั้นก็หันมามองหรงจิ่น รอยยิ้มในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนดูขรึมลงในทันที เขาเพียงกวาดตามองเว่ยอู๋จี้อย่างเย็นชาแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไร ดูท่าทางไม่ว่าจะเป็นองค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์หรือคุณชายอวิ๋นอิ่นต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเว่ยอู๋จี้ทั้งสิ้น
“องค์ชายเก้า นี่คือ…คุณชายจัง เป็นเกียรตินัก”งานเลี้ยงที่จวนจื้ออ๋องครั้งก่อนยังเคยสนทนากันบ้าง เว่ยอู๋จี้ย่อมไม่มีทางลืมหนุ่มน้อยนามว่าจังชิงผู้นี้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าหรงจิ่นกับหนุ่มน้อยผู้นี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้ มู่ชิงอีพยักหน้าเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “คุณชายเว่ย เป็นเกียรตินัก”
หรงจิ่นกวาดตามองเว่ยอู๋จี้และเชียนหลิงแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็แค่นเสียงเอ่ย “เป็นผีตามติดตัวจริงๆ”
เว่ยอู๋จี้เอ่ยยิ้มๆ อย่างเหนื่อยหน่าย “ยากนักที่จะเจอองค์ชายเก้าในแคว้นหวาเลยเดินเข้ามาทักทายก็เท่านั้น”
หรงจิ่นเหลือบมองเขาด้วยท่าทีเกียจคร้านแวบหนึ่งเอ่ย “มาทักทายก็ช่าง แต่เหตุใดเจ้าต้องพาหญิงอัปลักษณ์มาด้วยเล่า”
เชียนหลิงที่สีหน้าซีดขาวพิงแขนเว่ยอู๋จี้ไม่พูดอะไรในตอนแรกก็มีเลือดฝาดแต่งแต้มใบหน้าขึ้นมาทันที น้ำตาคลอเบ้าทำทีเหมือนจะร้องไห้แต่ก็ไม่ร้อง เชียนหลิงไม่นับว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์แต่อย่างใด ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาหรงจิ่นเป็นคนปากคอเราะร้ายอยู่แล้ว แม้แต่คนหน้าตาอย่างหย่งจยาจวิ้นจู่เช่นนั้นยังถูกเขาเรียกว่าหญิงอัปลักษณ์ได้ ในสายตาของเขาเชียนหลิงก็คือหญิงอัปลักษณ์อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นถึงแม้เชียนหลิงจะอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่หรงจิ่นกลับไม่สะทกสะท้านละอายใจเลยสักนิด