หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 56 ความเคียดแค้นของสะใภ้ซุน
อีเอ๋อร์พูดถูกแล้ว ฉังหมิง เจ้าพูดเสมอว่าเพราะเคารพมารดาของอีเอ๋อร์จึงไม่ยอมแต่งใครเข้ามาใหม่ แต่ในวันนี้เจ้าหนูสี่ก็พูดมันด้วยตัวเองแล้ว เห็นได้ว่านางก็หวังให้ในจวนของเราอยู่กันอย่างดี จวนโหวก็ออกจะใหญ่โตขนาดนี้ แต่กลับไม่มีนายหญิงคอยดูแลมันจะดูเป็นอย่างไรเล่า มู่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดช้าๆ พร้อมทั้งจ้องมองบุตรชาย
มู่ฉังหมิงไม่ได้พูดอะไร แต่มู่ชิงอีที่นั่งอยู่ด้านข้างพลันรังเกียจขึ้นมา
เมื่อนึกถึงลักษณะของน้าหญิงที่ได้ตายไปจากที่เฝิงจื่อสุ่ยได้บอกกับตนแล้ว นางไม่เชื่อว่ามู่ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่รู้เรื่องอันใดเลยสักนิด แล้วยังมีหน้ามาพูดถึงน้าหญิงราวกับว่ารักและคิดถึง!
มู่ฉังหมิงทำใจดีสู้เสือเอ่ยขึ้น ท่านแม่ ช่วงนี้ข้ายุ่งวุ่นวาย เรื่องนี้รอให้เรื่องยุ่งๆ ผ่านไปก่อนค่อยว่ากันเถิดขอรับ ไม่ใช่ว่าความรักของเขาที่มีต่อสะใภ้ซุนนั้นลึกซึ้งมากมาย แต่ไม่กี่วันมานี้ในวังมีข่าวลือออกมาว่าโหรวเฟยอาจจะพระครรภ์เพียงแต่ยังไม่มีคำยืนยันแน่ชัด ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องการที่จะรอดูว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร หากโหรวเฟยพระครรภ์จริง แต่งภรรยาเอกเข้ามาตอนนี้คงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
มู่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้คาดหวังว่าจะเกลี้ยกล่อมบุตรชายของนางในครั้งนี้ได้สำเร็จ เพียงถอนหายใจและพูดด้วยความรู้สึกอ่อนล้า ช่างเถิด เจ้าเป็นนายท่านโหวของจวนนี้ เจ้าควรปรารถนามันด้วยตัวเอง
มู่ฉังหมิงรู้ดีว่าท่านแม่ของตนอารมณ์ไม่ดีแล้ว ดังนั้นจึงรีบพูดเรื่องอื่นเพื่อเกลี้ยกล่อมและการสนทนาก็เปลี่ยนไปพูดถึงงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ในไม่กี่วันหลังจากนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็พลันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหลายส่วน มองไปที่พวกมู่ชิงอีแล้วกล่าวว่า อีเอ๋อร์ เฟยเอ๋อร์และเหลียนเอ๋อร์ก็ไม่เด็กแล้ว ถึงเวลาต้องวางแผนให้ดี
มู่อวี่เฟยและมู่สุ่ยเหลียนอดไม่ได้ที่ใบหน้าจะเป็นสีแดงขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าความตั้งใจของมู่ฮูหยินผู้เฒ่าคือการฉวยโอกาสจับคู่ให้พวกนาง ตอนนี้นายท่านรองมู่ฉังชิงและภรรยาของเขาล้วนไม่อยู่ในจวนเรื่องการสมรสของมู่อวี่เฟยและมู่สุ่ยเหลียนทั้งหมดจึงได้มอบหมายให้กับมู่ฮูหยินผู้เฒ่า แต่อายุปัจจุบันของมู่ฮูหยินผู้เฒ่าไหนเลยจะมีกำลังวังชาคิดให้ละเอียดรอบคอบ เกรงว่าสุดท้ายก็คงจะตกไปที่สะใภ้ซุนเป็นแน่
เป็นอย่างที่คิดไว้ เห็นสะใภ้ซุนยิ้มแย้มอย่างเป็นธรรมชาติและพูดกับมู่ฮูหยินผู้เฒ่าว่า ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้ ข้าจะต้องเลือกตระกูลที่ทั้งฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านล้วนพอใจแน่นอนเจ้าค่ะ
มู่ฉังหมิงยิ้มและกำลังจะกล่าวชื่นชมสะใภ้ซุนสักสองสามคำ ก็ได้ยินมู่ชิงอีพูดขึ้นอย่างเฉยเมย ท่านพ่อ เนื่องจากภายในจวนไม่มีนายหญิงที่เป็นภรรยาเอก การสมรสของชิงอีนั้นยังไม่จำเป็นต้องพิจารณากระมัง
มู่ฉังหมิงขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงเข้ม เหลวไหล! เจ้าอายุสิบหกไม่เด็กแล้วนะ มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้นและพูดเบาๆ หรือว่าท่านพ่อต้องการให้อนุภรรยามาจัดการเรื่องงานสมรสของลูก? หากเป็นเช่นนั้น ชิงอียินยอมที่จะไม่ออกเรือนเพื่อหลีกเลี่ยงความอับอาย
มู่ชิงอี เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก! คำพูดของมู่ชิงอีผู้ใดก็ฟังออกว่าชี้เป้าไปที่ใคร มู่หลิงที่นั่งอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความโมโหในที่สุด กว่าครึ่งเดือนนี้มู่หลิงอาจกล่าวได้ว่า ได้ผ่านความทุกข์ยากลำบากทั้งหมดที่ไม่เคยพบพานเลยในชีวิต ดูเหมือนว่าตั้งแต่วันที่เขาเริ่มวางแผนจัดการมู่ชิงอี ชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้แต่ตอนนี้นั่งบนเก้าอี้ที่มีเบาะหนารองอยู่ข้างใต้ก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด ไม่ต้องพูดถึงข่าวลือและสายตาของคนนอก เพียงแค่คิดขึ้นมามู่หลิงก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัวและไม่อยากย่างเท้าออกไปข้างนอกแล้ว ในเวลานี้มู่ชิงอียังคงโรยเกลือลงบนบาดแผลของเขาอีก โดยพูดเฉพาะเจาะจงเพื่อกระตุ้นจุดเจ็บของผู้คน สะใภ้ซุนและมู่อวิ๋นหรงสามารถทนได้ แต่มู่หลิงผู้ซึ่งรู้สึกหดหู่ในตัวเองไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
มู่ชิงอีเอียงศีรษะเหลือบมองมู่หลิง เมื่อมองย้อนกลับมานางไม่ได้เปลี่ยนน้ำเสียงด้วยซ้ำ พูดช้าๆ ว่า มิหนำซ้ำ ในจวนเพิ่งจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…ลูกไม่มีหน้าจะพูดถึงเรื่องการสมรสหรอกเจ้าค่ะ
เมื่อฟังนางพูดแล้วมู่สุ่ยเหลียนและมู่อวี่เฟยก็พลันหน้าซีด พวกนางเกือบลืมไปว่าในจวนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทั้งยังถูกตระกูลหลี่ถอนหมั้นอีก จะสามารถพูดว่าเป็นตระกูลที่ดีได้ที่ไหนกัน เมื่อคิดถึงมาถึงเรื่องนี้ สายตาที่จ้องมองไปยังมู่หลิงและสะใภ้ซุนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย
ด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองของสองพี่น้องมู่สุ่ยเหลียน มู่อวี่เฟย และสีหน้าที่ไม่มีความสุขของมู่ฮูหยินผู้เฒ่าและมู่ฉังหมิง สะใภ้ซุนรู้สึกว่ามีเลือดก้อนหนึ่งอุดตันอยู่ในใจและเจ็บปวด
แต่นางโกรธแล้วจะไปทำอะไรได้ สกุลเดิมนั้นก็อ่อนแอไม่สามารถนำมาเทียบได้ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนอยากจะเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายเพื่อจัดการกับมู่ชิงอีแต่ก็ไม่มีอำนาจนั้น ภายในจวนมีมู่ฮูหยินผู้เฒ่าคอยระมัดระวังอยู่ สกุลเดิมของนางก็ไม่มีผู้ใดที่ใช้ประโยชน์ได้เลย เช่นนี้จะไม่สามารถทำให้นางไม่เกลียดชังผู้ริ่เริ่มส่งเสริมทั้งหมดนี้ได้อย่างไร
แอบจ้องมองไปยังมู่ชิงอีที่นั่งอยู่ตรงข้าม สะใภ้ซุนก็อดทนต่อความโกรธภายในใจของนาง
ช่วงนี้ให้นังสารเลวนี่ได้ใจไปเสียสักหน่อย ยังมีพระสนมในวังที่อยู่ข้างตน เมื่อถึงเวลานั้นคอยดูนังสารเลวนี้ให้ดีเถิด!
มู่ฉังหมิงมองไปที่บุตรสาวพลางถอนหายใจ ช่างเถิด อย่างไรก็ตามอีเอ๋อร์เด็กที่สุด จะรั้งอยู่ต่ออีกสักสองปีก็ย่อมได้ มู่อวี่เฟยและมู่สุ่ยเหลียนเป็นเชื้อสายรอง อีกทั้งยังเป็นบุตรีของอนุภรรยา เดิมทีแล้วก็คงจะไม่ได้รับการสมรสที่ดีมากนักแต่มู่ชิงอีนั้นแตกต่างออกไป แม้ว่านางจะถูกหนิงอ๋องถอนหมั้นแต่นางก็ยังเป็นบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนซู่เฉิงโหว ยิ่งไปกว่านั้นมารดาผู้ให้กำเนิดของนางก็คือฉินกั๋วฮูหยินซึ่งมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงกว่ามู่ฉังหมิงและมู่ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่หนึ่งขั้น การสมรสที่ไม่เหมาะสมนั้นไม่ดีต่อชื่อเสียงของตระกูลมู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมู่ฉังหมิงยังค้นพบว่าบุตรสาวคนนี้ที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนนั้นฉลาดและไม่ธรรมดาเลย เมื่อเผชิญกับปัญหาต่างๆ กลับสงบเยือกเย็น เกรงว่าแม้แต่มู่เฟยหลวนที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดก็ไม่มีสิ่งนี้ มู่ฉังหมิงจึงต้องคิดอย่างรอบคอบ บุตรสาวคนนี้อาจนำผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิดมาสู่จวนซู่เฉิงโหวได้
สำหรับเรื่องจังฮูหยินของจวนซู่เฉิงโหวผู้ล่วงลับไปแล้วนั้น มู่ฉังหมิงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นบิดาแท้ๆ ของมู่ชิงอี ไม่ว่าบุตรสาวจะฉลาดเพียงใดนางก็ยังต้องพึ่งพาตระกูลของเขาในอนาคต ในเมื่อบุตรสาวคนนี้เป็นคนเฉลียวฉลาดแม้นางจะมีความขุ่นเคืองใจกับเรื่องของมารดาอยู่บ้าง แต่นางจะต้องสามารถเลือกทางที่ถูกต้องอย่างแน่นอน
ท่านย่า ท่านลุง พวกเรา… มู่สุ่ยเหลียนกัดฟันเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
มู่ฉังหมิงยกมือขึ้นเพื่อหยุดนางและพูดอย่างเฉยเมย อายุของพวกเจ้าก็ไม่น้อยแล้ว หลังจากรอพี่สามของเจ้าเข้าหอก็ควรที่จะพิจารณาเรื่องของพวกเจ้าแล้ว บุตรสาวของอนุภรรยาก็มักจะได้เป็นอนุภรรยา ออกเรือนต้องอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมในวัยแรกแย้ม หากรอให้อายุล่วงเลยไปแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแม้จะเต็มใจออกเรือนแต่ก็คงไม่มีผู้ใดอยากได้
มู่สุ่ยเหลียนยั้งปากกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม และเหลือบมองอย่างไม่พอใจไปที่มู่อวิ๋นหรงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ สะใภ้ซุน นัยน์ตาทอประกายแสงแหลมคม
มู่ชิงอีดื่มชาอย่างสบายๆ ราวกับว่านางไม่ได้สังเกตเห็นไมตรีจิตอันแปลกประหลาดภายในห้องโถงนี้เลย เมื่อเห็นว่าทุกคนหยุดพูด มู่ชิงอีก็เอ่ยถามว่า ท่านย่า ท่านพ่อ หากไม่มีสิ่งใดแล้วชิงอีขอตัวลาก่อนนะเจ้าคะ
มู่ฉังหมิงมองดูบุตรสาวที่มีสีหน้าอ่อนแรงเล็กน้อย ถอนหายใจพูดขึ้นเสียงเบา ไปเถิด ท่านย่าของเจ้าเตรียมผ้าสองสามพับให้เจ้านำไปตัดชุดแล้ว ไปเลือกสักชิ้นแล้วนำกลับไปเถิด
ขอบคุณท่านย่า ขอบคุณท่านพ่อ ชิงอีขอตัวลาเจ้าค่ะ
มู่ชิงอีก็ไม่เกรงใจ เลือกหยิบผ้าต่วนดิ้นเงินสีขาวที่ดีที่สุดและจากไป ภายในห้องโถงเรือนเต๋ออาน มู่ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วและพูดว่า เจ้าหนูนี่อุปนิสัยแปลกไปเล็กน้อยนะ
มู่ฉังหมิงรู้ว่าท่านแม่มีใจเอนเอียงไปทางมู่ชิงอีแล้ว มู่ฮูหยินผู้เฒ่าในฐานะฮูหยินอันสูงส่งของจวนซู่เฉิงโหวแต่ไหนแต่ไรไม่เคยใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้คน ก่อนหน้านี้มู่ฉังหมิงกระด้างกระเดื่องกับนางเพื่อสะใภ้ซุน ถึงแม้ว่าหลายปีนี้โหรวเฟยจะอยู่ในวังหลวงเป็นที่โปรดปราน แต่มู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังคงกดดันสะใภ้ซุนอย่างหนัก ยิ่งไปกว่านั้นมู่ชิงอียังทำนางเสียหน้าอย่างมาก อีกทั้งยังไม่เคยคิดที่จะมาขอขมาเลย
ตอนต่อไป