หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 86 ชะตากรรมของจูหมิงเยียน (4)
ทุกคนตกอยู่ในความตื่นตะลึงและต่างก็คิดใคร่ครวญอีกครั้ง ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นดั่งพยัคฆ์หมอบมังกรซ่อน บุคลิกของจูหมิงเยียนที่ล้วนสร้างความไม่พอใจนั้นเป็นมาเนิ่นนานแล้ว ใครจะไปรู้ได้ว่าไปทำให้พระองค์ใดขุ่นข้องหมองใจเข้า ทว่าหากพวกเขาต้องการจัดการกับมู่หรงอวี้จริงๆ ก็ไม่อาจลงมือโดยใช้กลอุบายเช่นนี้ได้ เพราะอย่างไรก็ตามจูหมิงเยียนเองก็นับว่าเป็นคนในราชวงศ์ เมื่อชื่อเสียงของราชวงศ์เสื่อมเสีย ย่อมเสื่อมเสียไปทั้งหมดเช่นกัน
มู่หรงซีผู้สงบปากสงบคำมาตลอด หลุบตาลงพลางดื่มชาในถ้วยอย่างสงบ ตั้งแต่ที่ตนถูกปลดตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท มู่หรงซีก็ไม่ค่อยปรากฏตัวในที่ประชุมระหว่างพี่น้อง หรือหากจะนับว่าปรากฏตัวอยู่บ้าง ทว่าเขาก็ไม่ค่อยพูดค่อยจานัก ดังนั้นท่าทีของเขาจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจใคร่รู้ของใครแต่อย่างใด มู่หรงซีมองดูชาในถ้วย ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่งระคนด้วยรอยยิ้มจางๆ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย ลูกพี่ลูกน้องหญิงอีเอ๋อร์คนนี้น่าสนใจจริงๆ อีกทั้งความสามารถของนางก็ไม่ได้อ่อนแอเลย นั่นย่อมเพียงพอที่จะสามารถรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัยได้เป็นแน่
เรื่องราวทั้งหลายในลุ่มแม่น้ำแห่งนี้ย่อมไม่อาจรอดพ้นสายตาของฮ่องเต้แคว้นหวาไปได้ บนเรือมังกรขนาดใหญ่ในแม่น้ำ ทันใดนั้นรอยยิ้มพึงพอใจของฮ่องเต้แคว้นหวาผู้ที่เพิ่งได้รับแผนที่ขุมทรัพย์และจิ่วจ่วนหลิงหลงที่เดิมปรากฏอยู่บนใบหน้าก็จางหายวับไป หลังจากที่ได้ทรงทราบข่าวจากองครักษ์ที่รีบนำมากราบทูล บรรยากาศกลับแต่งแต้มไปด้วยความทะมึน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ฮองเฮาและพระสนมโหรวเฟยที่นั่งอยู่กับพระองค์ล้วนตกใจ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด ฮองเฮาก็สงบสติอารมณ์ได้แล้วเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ฝ่าบาท ทรงเป็นอันใดไปเพคะ
ฮ่องเต้แคว้นหวากวาดตาไปทางจูอวิ๋นเฟย สายพระเนตรที่จ้องมองมาของพระองค์เปรียบดั่งคมมีด ก่อนจะตรัสอย่างโกรธกริ้ว เกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าดูแลโอรสของเราอย่างดีหรือไม่ พระชายาของโอรสนั้นช่างดีเหลือเกิน! พระองค์ตรัสอย่างไม่พอพระทัย จากนั้นก็คว้าถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างเขวี้ยงไปยังพระสนม
แม้ว่าจูอวิ๋นเฟยจะไม่เป็นที่โปรดปรานในตอนนี้ แต่ตอนที่ยังเยาว์วัย พระนางก็เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นพระนางคงไม่อาจประสูติพระโอรสได้ถึงสองพระองค์ติดต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้นเพราะองค์ชายทั้งสองพระองค์ จูอวิ๋นเฟยจึงมีสถานะและมีหน้ามีตาในวัง อย่างไรก็ตามนางกลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร แม้ว่าถ้วยชาจะไม่กระทบร่างกายนางโดยตรง แต่ชาที่เดิมทีมีอยู่เต็มถ้วยก็สาดกระเซ็นไปทั่วร่างกายของนาง เครื่องแต่งกายสีเหลืองอำไพของพระสนมเปียกโชก อีกทั้งยังมีใบชาติดอยู่ไม่น้อย
พระสนมไม่กล้าหลบเลี่ยงและไม่กล้าแม้แต่จัดแจงเครื่องแต่งกาย นางทำได้เพียงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตื่นตระหนก ส่งเสียงอ้อนวอน ฝ่าบาททรงประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันช่างเบาปัญญานัก… อันที่จริงจูอวิ๋นเฟยรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งและสำนึกอยู่ในใจของนางอย่างยิ่ง ตั้งแต่เริ่มแรกที่ฮ่องเต้แคว้นหวาพานางขึ้นมาบนเรือมังกร นางก็ยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับโอรสแต่อย่างใดและนางก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วพระองค์จะไม่ค่อยพอพระทัยที่ในพิธีฉลองมู่หรงอานและจูหมิงเยียนนั้นไม่ได้ปรากฏตัว แต่ถึงอย่างไรอันที่จริงแล้วฮ่องเต้แคว้นหวาก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะสนพระทัยให้ความสำคัญเกี่ยวกับพระโอรสและพระสุณิสา อารมณ์เดือดดาลของฮ่องเต้ในเวลานี้ย่อมไม่ใช่เพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามจูอวิ๋นเฟยไม่กล้าที่จะถามออกไปว่าเกิดสิ่งใดขึ้น นางจึงหันไปมองทางฮองเฮาด้วยสายตาวิงวอน
ฮองเฮาได้แต่ถอนหายใจออกมา พระนางไม่มีโอรสธิดาเป็นผู้สืบสกุล จึงลำบากใจต่อสนมผู้มีโอรสที่ไม่ค่อยน่าปลื้มใจนัก เมื่อมองไปยังฮ่องเต้แคว้นหวาที่ยังกริ้วอยู่กับโหรวเฟยซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางหวาดกลัว จึงกระซิบทูลด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า ฝ่าบาททรงกริ้วเรื่องใดหรือเพคะ
ฮ่องเต้แคว้นหวาตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา เรื่องใดน่ะหรือ ถ้าไม่ใช่บุตรตัวดีสองคนนั่น! องค์ชายแปดกล้าดีอย่างไรถึงได้นำคนไปก่อความเดือดร้อนยังจวนของอานซีจวิ้นอ๋อง ยังมีจูหมิงเยียนผู้นั้นอีก…เราละอายใจจริงๆ ที่จะพูดว่านี่คือลูกสะใภ้ที่ดีซึ่งได้รับเลือกมาจากคนนับแสน!
ขณะที่ฮ่องเต้แคว้นหวาตรัส จูอวิ๋นเฟยก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย ยิ่งได้ฟังเรื่องราวที่ชัดเจนมากขึ้น ใบหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดลงทุกขณะ เมื่อฮ่องเต้แคว้นหวาตรัสจบนางก็หมอบลงไปกับพื้นแล้ว ฮ่องเต้แคว้นหวาอยู่กับนางมาหลายสิบปี นอกจากนี้นางยังให้กำเนิดโอรสถึงสองพระองค์ก็จริง ทว่ากลับไม่ได้มีความรักให้แต่อย่างใด ขณะนี้ในใจเอาแต่ตรึกตรองคิดว่ามู่หรงอานพาคนไปยังอาณาบริเวณจวนของอานซีจวิ้นอ๋องเพื่อกระทำสิ่งใดกันแน่ นอกจากนี้ยังวิ่งพล่านไปยังเรือนอื่นและเข่นฆ่าผู้คนไปอีกจำนวนมาก
ตนยังจำได้ดี…อาณาเขตบริเวณนั้นเดิมทีควรจะเป็นทรัพย์สินของตระกูลกู้ แต่หลังจากมันถูกมอบให้กับอานซีจวิ้นอ๋องก็ไม่มีใครเคยอาศัยอยู่ในบริเวณนั้นอีก ทว่ามู่หรงอานกลับวิ่งพล่านไปทำสิ่งใดที่นั่นกัน นอกจากนี้ที่นั่นยังเป็นเขตอาณาบริเวณเล็กๆ ของขุนนางระดับสาม
สำหรับเรื่องจูหมิงเยียน ลูกสะใภ้ผู้เป็นที่ขายหน้าของราชวงศ์นั้น ฮ่องเต้แคว้นหวาไม่ได้คิดสนใจมากมาย เพียงแค่ให้องค์ชายหกหย่าขาดกับนาง จากนั้นค่อยแต่งกับหญิงอื่นใหม่
หลังจากได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้แคว้นหวาตรัสเช่นนี้ ทั้งฮองเฮาและมู่เฟยหลวนต่างแปลกใจ แน่นอนว่ามู่เฟยหลวนรู้ว่าบิดาของตนยังอยู่ฝ่ายกงอ๋อง นั่นทำให้เป็นที่น่าสงสัยขึ้นมาภายในใจทันทีว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อจวนซู่เฉิงโหวหรือไม่ อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากท่าทีของฮ่องเต้แคว้นหวาแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับจวนซู่เฉิงโหว ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ทรงพระครรภ์อยู่ ไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น พระองค์ก็น่าจะมีความเมตตาอยู่บ้าง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วมู่เฟยหลวนก็ก้มศีรษะลงพลางลูบไปยังท้องที่ราบเรียบของนาง ทำให้นางดูบอบบางและน่าเห็นใจขึ้นมา
เมื่อเห็นนางทำเช่นนั้น ฮ่องเต้แคว้นหวาก็ท่าทีอ่อนลงเล็กน้อยและตรัสว่า หลังจากเหนื่อยมาเกือบทั้งวัน โหรวเฟยคงเหน็ดเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนเสียก่อนเถิด หากเบื่อหน่ายก็เรียกญาติฝ่ายหญิงในตระกูลมาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยได้
หัวใจของมู่เฟยหลวนบีบตัวแน่นเนื่องด้วยเกรงว่าฮ่องเต้แคว้นหวาจะพูดถึงเรื่องการเรียกตัวมู่ชิงอีเข้ามาพบ หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้แคว้นหวาก็ไม่ได้แสดงเจตนาอื่นใด จากนั้นนางจึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยืนขึ้นอย่างนุ่มนวลและนอบน้อมกล่าว ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลาเพคะ
ฮ่องเต้แคว้นหวาพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วเอ่ยตรัส ไปเถิด ระวังองค์ชายน้อยของเราด้วย ใบหน้าที่บอบบางของมู่เฟยหลวนแดงระเรื่อ ก่อนจะหันหลังกลับอย่างเขินอายหลังจากได้รับพระราชานุญาต อย่างไรก็ตามยังไม่ทันออกจากประตูไปดี ความเดือดดาลของฮ่องเต้แคว้นหวาก็คุกรุ่นขึ้นมาจากข้างในอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้แคว้นหวาคงจะไม่ปล่อยให้จูอวิ๋นเฟยออกไปอย่างง่ายดายเป็นแน่ ขณะมู่เฟยหลวนยืนอยู่ที่หน้าประตู ริมฝีปากนางก็หยักขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา
รีบไปนำตัวองค์ชายทั้งสองมาให้เราบัดเดี๋ยวนี้! ฮ่องเต้แคว้นหวาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด
ยามนี้เป็นวันที่บรรดาประชาชนมาเฉลิมฉลองกัน แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ย่อมไม่แปลกใจที่ฮ่องเต้แคว้นหวาจะกริ้วเช่นนี้
กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ เนี่ยอวิ๋น ผู้บัญชาการกองทัพยืนอยู่ที่ประตูพร้อมทั้งน้อมรับคำสั่ง ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
ฝ่าบาท… จูอวิ๋นเฟยอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก เดิมทีอิทธิพลของตระกูลนางไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด หลายปีที่ผ่านมานางได้รับเกียรติเป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากความแข็งแกร่งของพระโอรสองค์โตและความระมัดระวังตัวของนางเอง เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว แม้กระทั่งสตรีที่ผ่านการต่อสู้ในวังหลวงมาเป็นเวลาหลายสิบปีอย่างนางก็ทำสิ่งใดไม่ถูกเช่นกัน ฮ่องเต้แคว้นหวาเปล่งเสียงเย็นชาและตรัสด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ อวิ๋นเฟยไม่รู้จักสอนสั่งบุตร ถอดยศและลดตำแหน่งเป็นอวิ๋นผิน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นเฟยก็ได้แต่ทรุดลงกับพื้น นางพูดอะไรไม่ออกแม้สักคำ หลังจากตรากตรำมากว่ายี่สิบปี ตอนนี้ก็มีแต่ต้องเป็นไปตามพระบัญชาขององค์ฮ่องเต้เท่านั้น ไม่เหลือสิ่งใดอีกแล้ว
ในเวลานี้บรรยากาศภายในเรือของจวนซู่เฉิงโหวอันวิจิตรงดงามล้วนเต็มไปด้วยความสุข แน่นอนว่าการมาเยือนของโหรวเฟยย่อมเป็นเกียรติแก่จวนซู่เฉิงโหว แม้ว่าเดิมทีโหรวเฟยจะมาจากจวนซู่เฉิงโหว ทว่านางก็ได้เป็นราชวงศ์หลังจากเข้าวัง แม้แต่เมื่อมู่ฮูหยินผู้เฒ่าและมู่ฉังหมิงแห่งจวนซู่เฉิงโหวพบมู่เฟยหลวน พวกเขาก็ยังต้องคำนับ คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้โหรวเฟยนั้นมีสถานะเป็นผู้อุ้มครรภ์มังกรที่สำคัญล้ำค่า เมื่อนางมาด้วยตัวเองเช่นนี้จึงนับว่าเป็นการให้เกียรติเหล่าญาติอย่างยิ่ง ใบหน้าอันเหี่ยวย่นของมู่ฮูหยินผู้เฒ่าก็อดที่จะยิ้มแย้มออกมาไม่ได้
การมาถึงของพระสนมของฮ่องเต้แคว้นหวา ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องมีคนมากมายติดตามมาด้วย มู่ฮูหยินผู้เฒ่าจึงรีบให้บ่าวรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าเชิญนางในที่มากับโหรวเฟยไปพักผ่อน จากนั้นนางก็พามู่เฟยหลวนไปพักผ่อนภายในเรือที่ตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามเป็นการส่วนตัว
ตอนต่อไป