หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 130 กระเป๋าของหลานจิ๋นเอ๋อ
บทที่130 กระเป๋าของหลานจิ๋นเอ๋อ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฮัวหยู่อันออกไปแล้วเมื่อคืนนางก็ไม่ได้กลับมาอีก จนกระทั่งเวลาเที่ยงวันเพิ่งจะมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ท่าทางอิดโรย
เห็นสภาพของนางที่ดูเหนื่อยราวหมาหอบแบบนั้น หลานเยาเยาก็อดสงสัยไม่ได้ว่านางไปวิ่งรอบดาวอังคารมาหรืออย่างไร
“รังของพวกเจ้าอยู่ไกลมากเลยอย่างนั้นหรือ?”
หลานเยาเยาเข้ามานั่งข้างๆพลางพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“หือ? รัง? อย่างกับพวกข้าทำเรื่องสกปรกอยู่อย่างนั้นแหละ เรียกว่าจุดติดต่อได้หรือไม่?” ฮัวหยู่อันเหนื่อยจนไม่อยากจะขยับตัว แต่เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปกลอกตาใส่
แล้วจะร้อนรนอะไร?
รังกับจุดติดต่อมันต่างกันตรงไหน?
ไม่ต่างเลย!
หลานเยาเยานั่งก้นยังไม่ทันร้อนก็ลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปทางประตู
เดิมคิดว่าจะออกมาเดินเล่นที่สวนเพื่อที่จะดูเหล่าต้นไม้ดอกไม้อะไรทำนองนั้น แต่ระหว่างทางดันพบเข้ากับสาวใช้ ซึ่งสาวใช้ทุกคนก็ทักทายนางด้วยสีหน้ามีความสุข
“วันนี้ที่ตำหนักมีเรื่องยินดีอะไรหรือ? ทำไมพวกเจ้าแลดูครึกครื้นกันขนาดนี้” หลานเยาเยาพูดหยอก
ด้วยสาวใช้ได้ยินมาว่าเมื่อวานหลานเยาเยาได้ลงโทษสาวใช้สองสามคนที่พูดจาเหลวไหล ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะละเลยนาง
“เรียนพระชายาเย่ ท่านหญิงรู้ว่าพระชายาอยู่ในตำหนักคงจะเบื่อ ดังนั้นจึงให้คนไปเชิญคณะการแสดงมาเล่นในคืนนี้”
หลานเยาเยาพยักหน้ายิ้มๆ
จากนั้นจึงพูดคุยกับสาวใช้เล็กน้อย ก่อนจะปล่อยให้พวกนางเดินไป
สมัยโบราณไม่มีสิ่งบันเทิงใดๆ คนส่วนใหญ่จึงชอบดูละครเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่าย จ้าวซื่อเชิญมาเพื่อทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น
เพียงแต่ว่า……
จ้าวซื่อถึงได้สนใจนางขึ้นมาได้หล่ะ?
แต่ แบบนี้ก็ดี ตอนนี้จ้าวซื่อก็คงจะยุ่งมาก ดังนั้นริมฝีปากของนางก็ค่อยๆยกขึ้นน้อยๆ ก่อนจะหลบตัวลงในกองเหล่าดอกไม้
ลานของจ้าวซื่อปัจจุบันเป็นที่ที่นิ่งซื่อเคยอยู่มาโดยตลอด จ้าวซื่อที่ตอนนี้เป็นเมียหลวงแล้ว ในฐานะที่เป็นเมียหลวงก็ควรที่จะมาอยู่ในลานของเมียหลวง
หลานเยาเยารื้อของอยู่ข้างในอยู่นาน และทุกครั้งที่นางรื้อ นางก็ต้องเอาของกลับไปไว้ที่เดิมอีก มันเป็นช่วงเวลาที่นางแก้ไม่ได้จริงๆ
“เคร้ง……”
ดูเหมือนจะมีของอะไรตกลงมา
แล้วนั่นก็ทำให้นางตกใจมาก และเมื่อมองไปที่แท้ก็เป็นแจกัน ยังดีที่มันยังไม่แตก แต่เสียงนั้นไม่ใช่เบาๆเลย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เข้าไปดูข้างใน……”
องครักษ์ที่ลาดตระเวนอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงจึงรีบเข้ามาดู เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นเพียงแมวลายตัวหนึ่งที่ปีนหน้าต่างเข้ามา และยืนอยู่บนชั้นที่แจกันตก
“ที่แท้ก็แค่แมวหรอกเหรอ?”องครักษ์คนหนึ่งพึมพำขึ้นกับตัวเอง ก่อนจะหันหน้าไปบอกองครักษ์คนอื่นๆ “ไม่มีอะไรๆ แค่แมวเฉยๆหน่ะ”
องครักษ์เก็บแจกันขึ้นมาก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมแล้วเดินออกไป
ฮู่ว……
หลายเยาเยาที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ของประดับตกแต่งที่เป็นเงินเป็นทองมากมาย แต่เบาะแสเงื่อนงำที่นางอยากได้กลับไม่มี หรือว่าตัวนางคิดมากไป?
ทันทีทันใดนั้น!
หลานเยาเยาก็ตัดสินใจไปดูที่ห้องของหลานเฉินมู๋
หลานเฉินมู๋มีเรื่องที่จำต้องออกไปข้างนอกพอดี เมื่อเข้าไปด้านในห้อง ทุกอย่างที่อยู่ในห้องของเขาล้วนเป็นของราคาสูงทั้งนั้น นางหาไปเกือบๆหมดอยู่รอบหนึ่งก็ไม่เจออะไรเลย นางจึงลอบออกไปทางหน้าต่าง
ท่านแม่จากไปหลายปีขนาดนี้แล้ว
ตอนนี้คิดที่จะเริ่มหาร่องรอยของนางจากจวนแม่ทัพมันดูจะเป็นเรื่องที่ยาก
ดูท่าแล้ว……
การที่จะหาสิ่งที่ไม่มีชีวิตมันคงจะไม่ได้ประโยชน์อะไร ถ้าอย่างนั้นลองไปหาคนละหล่ะ!
หลานเยาเยาหยุดพิงใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะเลือกเก็บใบไม้อยู่หลายใบอย่างครุ่นคิด และเมื่อจะเดินจากไปนั้นเพิ่งก้าวไปได้สองก้าว ก็พบว่าด้านหลังมีร่างหนึ่งที่ดูลับๆล่อๆ จึงรีบเร่งฝีเท้า
เมื่อตอนที่เดินไปถึงตรงมุมทางเดิน หลานเยาเยาก็ยิ่งรีบเร่งฝีเท้าขึ้น และเมื่อเงาด้านหลังกวดไล่ตามมาก็ไม่เจอร่างของหลานเยาเยาแล้ว
“หายไปไหนนะ?”
“อยู่หลังเจ้านี่อย่างไรเล่า! ไอ้โง่เอ๊ย” หลานเยาเยายืนพิงแผ่นศิลาพลางยิ้มให้กับคนหนึ่งที่สวมชุดสาวใช้
“อ๊ะ…… พระ พระชายาเย่”
เมื่อจู่ๆนางก็โผล่ออกมาแบบนั้นสาวใช้ก็ตกใจจนแทบกระโดด เมื่อหันกลับไปมองเห็นหลานเยาเยาเหงื่อก็ผดออกที่หน้าผากด้วยความกลัว
“เจ้าตามข้ามาทำไม?” นางเลิกคิ้วถาม
“ข้าน้อย ข้าน้อยเป็นสาวใช้ของคุณหนูสาม มาเรียนเชิญพระชายาไปดื่มชาเจ้าค่ะ”
สาวใช้หลุบตาลง ไม่กล้าที่จะมองสบตานางราวกับทำเรื่องอะไรผิดมาอย่างไรอย่างนั้น
“ได้สิ! งั้นไปกัน!” หลานเยาเยาปัดเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีฝุ่น ราวกับกำลังรอให้นางนำทางพาเดินไป
“หา?”
สาวใช้ไม่ตอบสนอง
เมื่อวานนี้ได้ยินพวกเหล่าสาวใช้ที่ถูกตีมาพูดให้ฟังว่า พระชายาเย่อิจฉาที่คุณหนูสามใกล้ชิดกับอ๋องเย่จึงให้ตีพวกนาง
ส่วนตอนที่อ๋องเย่กำลังนั่งเล่นหมากรุกพลางจิบชากับคุณหนูสามอย่างรื่นเริงอยู่นั่นเอง พระชายาเย่ก็เดินเข้าไปสักพักก็เดินออกไป แต่หลังจากนั้นไม่นานคุณหนูสามก็เดินออกมาเช่นกันแต่สีหน้าไม่สู้ดีนักราวกับร้องไห้ออกมาก่อนหน้านี้
ต้องเป็นเพราะโดนชายาเย่ด่าทอมาเป็นแน่!
เดิมทีนางคิดว่าพระชายาเย่ไม่น่าจะอยากพบกับคุณหนูสามแล้ว ไม่คิดเลยว่า……พระชายาเย่จะให้นางเดินนำพาไปหา
แต่ว่า!
เมื่อถูกต้อนจนจนมุม สาวใช้ก็ทำได้เพียงนำหลานเยาเยาไปที่ลานหลานจิ่นเอ๋อ
ในตอนที่หลานเยาเยาไปถึงนั้น หลานจิ๋นเอ๋อกำลังเย็บปักถักร้อยอยู่ น่าจะมีคนมาแจ้งให้ทราบ
นัยน์ตานางดูหม่นๆ จากนั้นมองที่ลายปักอันแสนประณีตบนกระเป๋าที่ตนเป็นคนปักเอง อีกทั้งมุมด้านขวาล่างก็ยังปักไหมเอาไว้ด้วย
ริมฝีปากของนางอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มขึ้นมา พลางลุกขึ้นอย่างดีใจ ลุกออกไปต้อนรับหลานเยาเยา
“น้องหก ข้าดีใจมากเลยที่เจ้ามาที่ลานของข้า มาสิเข้ามานั่งๆ”
“ได้เลย! เจ้าชวนข้ามาดื่มชา แน่นอนว่าข้าก็จะมานั่งอยู่แล้ว” หลานเยาเยายกยิ้มมองไปที่ดวงตาของนาง
หลานจิ่นเอ๋อค่อนข้างวยงง
นางอยากให้หลานเยาเยามาจิบชาพูดคุยที่ลานของนาง แต่กระเป๋าของนางก็ยังปักไม่เสร็จ ดังนั้นจึงไม่ได้ให้สาวใช้ไปเชิญ
ดังนั้น!
นางจึงมองไปที่สาวใช้ด้านหลังของหลานเยาเยา และราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เพียงแต่อยากให้เจ้ามาดื่มชาที่ดีที่สุดในจวนแม่ทัพหรอกนะ ข้ายังอยากให้เจ้ามากินติ่มซำที่ข้าทำเองด้วย”
หลานจิ๋นเอ๋อไม่ได้เปิดโปงสาวใช้ อีกทั้งก็ไม่ได้ทำให้หลานเยาเยาต้องเสียหน้าด้วย
ได้ยินดังนั้น!
ดวงตาของหลานเยาเยาสว่างวาบ
มีของกินก็ค่อยอยากคุยหน่อย แต่ไอ้เรื่องว่าเบื่อก็ยังเบื่ออยู่ดี
ไม่นานหลานจิ่นเอ๋อก็ให้สาวใช้ไปชงชา สาวใช้ที่ติดตามนางมาเมื่อครู่ก็โล่งอก รีบถอยตัวกลับไปอย่างว่องไว!
หลานเยาเยาเดินตามหลานจิ่นเอ๋อเข้าไปในห้องด้านใน เมื่อมองเห็นงานเย็บที่อยู่บนโต๊ะ ดูแล้วปักได้ดีมากก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปมองใกล้ๆ
ว้าว……
ผ้าปักหนิ! ปักได้สวยมากเลย
“อันนี้สวยมากเลย เจ้าจะปักอะไรเหรอ?”
หลานเยาเยาหยิบผ้าที่ดูเหมือนจะเป็นผ้าเช็ดหน้าแต่ก็ไม่เหมือนผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาถาม
งานเย็บนี้มันเป็นการร้อยโดยผ้าไหมเป็นลายใบไม้ไผ่ ถึงแม้ว่าไหมจะสลักได้อย่างสวยงามแต่ลายไม้ไผ่ยังไม่มากพอ
“ทำกระเป๋าหน่ะ” ผ้าปักถูกตัดออกมาเป็นต้นรูปกระเป๋า แค่หลังจากปักลายเสร็จก็จะเย็บเข้าหากัน
นี่มันเป็นอะไรที่ธรรมดามากเลยนะ
หลานเยาเยาไม่รู้หรอกหรือ?
หลานจิ่นเอ๋อกลอกตาครุ่นคิด ถึงอย่างไรชีวิตของนางแต่ก่อนผ่านมาได้อย่างล้มลุกคลุกคลาน การที่จะปักเย็บไม่เป็นก็คงเป็นเรื่องปกติ
หลานเยาเยาพยักๆหน้าแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก……