หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 136 ได้รับบาดเจ็บ
บทที่ 136 ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากไปคราหนึ่ง เหล่าคนชุดดำก็ล้มไปถึงเจ็ดแปดคน
สุดยอด !
การยืมพลังนั้นช่างแตกต่างกันเสียจริง!
” ไม่เลว ! ” เสียงทุ้มดังแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง คำชื่นชมนั้นแม้จะกล่าวออกมาอย่างไม่ตั้งใจแต่ก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
” นั่นเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เจ้าก็ไม่ช่างไม่ดูสักหน่อยว่าข้าเป็นใคร? ”
นางที่เดิมทีเป็นผู้ที่ชอบเปิดเผยอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำชื่นชมก็ยอมรับโดยไม่ปฏิเสธสิ่งใด
” อีกสักครั้ง? ”
“ได้!”
จากนั้น ทั้งสองก็ร่วมมือกันไปโดยปริยาย เย่แจ๋หยิ่งนั้นมิได้ลงมืออะไรมากนัก เพียงแต่เมื่อนางตกอยู่ในอันตรายเขาก็จะคอยจัดการผู้ที่อาจจะเข้ามาทำร้ายนางให้สิ้นซาก แล้วปล่อยให้นางสังหารพวกมัน
ในไม่ช้าบริเวณที่พวกเขาอยู่นั้น เหล่าคนชุดดำก็ตายและได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน
เซียวจิ่นหยูก็เริ่มรู้สึกชั่งใจอยู่เล็กน้อย เพราะประการที่หนึ่งคือต้องปกป้องหลานจิ่นเอ๋อ ประการที่สองเป็นเพราะหลานจิ่นเอ๋อเอาแต่จะไปยังฝั่งของเย่แจ๋หยิ่งนั้น
จึงเป็นเหตุทำให้เซียวจิ่นหยูตัดสินใจมิได้
ครู่ต่อมา !
หลานเยาเยาที่ทำการสังหารจนทำให้เหล่าคนชุดดำเกรงกลัวไปหมดแล้ว จู่ๆก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ
นางหันหน้าไปก็เห็นหลานจิ่นเอ๋อที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างกายเย่แจ๋หยิ่งตั้งแต่คราใด แล้วยังจับแขนของเย่แจ๋หยิ่งไว้แน่นด้วยท่าทางที่เกรงกลัวอย่างมาก
มือข้างหนึ่งของเย่แจ๋หยิ่งจับมือนางเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ถูกหลานจิ่นเอ๋อรั้งเอาไว้ เมื่อมือทั้งสองไม่สามารถใช้การได้เรื่องเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่อันตรายยิ่งนัก
“รีบปล่อยมือข้าเสีย!”
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ใช่เพียงนางที่จะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เยแจ๋หยิ่งเองก็อาจจะโดนลอบทำร้ายไปด้วย
เย่แจ๋หยิ่งก็พยักหน้ารับอย่างเงียบๆ
ในขณะที่กำลังจะปล่อยนาง เขาก็หันไปเห็นว่าข้างหลังของนางคนชุดดำคนหนึ่งกำลังจะแทงมายังท้องของนาง
เย่แจ๋หยิ่งชักมือพลันดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง จากนั้นก็ใช้เท้าเตะคนชุดดำจนกระเด็นออกไป
หัวหน้าชุดดำเมื่อเห็นว่าด้านหลังของเย่แจ๋หยิ่งไร้คนป้องกันก็ยกมีดฟาดลงไปยังหลังของเขา
หลานเยาเยาที่เห็นก็รับตะโกนเตือน
” ระวังข้างหลัง! ”
แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว นางหยุดมันไม่ทันเสียแล้ว
แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจนั้นก็คือหลานจิ่นเอ๋อที่ตัวสั่นเกรงกลัวตลอดเวลาได้ขยับตัวแล้ว สิ่งที่เห็นก็เพียงแต่สายตาของนางที่หรี่ลงเล็กน้อยพร้อมกับช่วงสกัดมีดที่จะเข้ามาทำร้ายเย่แจ๋หยิ่ง
แล้วเซียวจิ่นหยูก็แทงหัวหน้าชุดดำอย่างรวด ในขณะที่เยแจ๋หยิ่งเอื้อมมือไปปกป้องหลานจิ่นเอ๋อนั้น หลานเยาเยาก็ปล่อยมือของเขาพร้อมกับเอื้อมมือไปสกัดคมดาบของคนชุดดำอีกคนหนึ่ง แล้วก็ฟาดดาบหลังมือไปฆ่าอีกสองคน
ฟู่…..
ความเจ็บปวดแสบร้อนบนไหล่ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างอดมิได้
แต่ในไม่ช้านางก็ต้องกลับมาต่อสู้กับเหล่าคนชุดดำอีกครั้งเพื่อป้องกันด้านหลังของเย่แจ๋หยิ่ง
หลานเยาเยาหยิบยาพิษออกมาจากระบบ ทามันลงไปยังปลายดาบ
แต่น่าเสียดายยิ่งนัก เพราะฝนที่ยิ่งนานฝนก็ยิ่งพรำลงมาหนักยิ่งขึ้น เลยเป็นเหตุให้ยาพิษเหล่านั้นไม่นานก็ถูกฝนชะล้างออกจนเกือบหมดแล้ว จึงทำให้พอฟาดดาบไปฟันเหล่าคนชุดดำ ฤทธิ์ของยาพิษจึงไม่เห็นผลมากเท่าไหร่
แต่ว่า ! มันกลับทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถทางการต่อสู้ไปได้ชั่วขณะ
เพียงไม่ช้า กลุ่มเหล่าคนชุดดำ ก็ได้รับบาดเจ็บและล้มตายไปเกือบครึ่ง แม้แต่หัวหน้าชุดดำเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
แต่ถึงฉะนั้นพวกเขาก็ยังมิยอมถอย ทั้งยังไม่หลบหนีไป
ราวกับว่าพวกเขาได้รับภารกิจตาย ที่หากทำไม่สำเร็จก็ไม่อาจถอยกลับได้
และแล้วการต่อสู้ที่ดังสะท้านกลางถนนนั้นก็ดังไปถึงยังสำนักในวังหลวง พร้อมทั้งองครักษ์ลาดตระเวนบางส่วน
เมื่อเห็นสถานการณ์ เหล่าคนชุดดำก็ต้องถอยออกอย่าเลี่ยงมิได้
หลานจิ่นเอ๋อได้รับบาดแผลบริเวณท้อง หากแต่ก็มิได้รุนแรงมากนัก แต่ถ้าปล่อยให้เสียเลือดเยอะก็เสี่ยงต่อชีวิตเช่นกัน
แต่กระนั้น ! หลานเยาเยาก็ไม่คิดที่จะทำการรักษานาง
ยังไงเสีย บนถนนทางเดินก็มีโรงยาอยู่บ้าง การต่อสู้ใหญ่เยี่ยงนี้พวกเขาคงต้องรู้เป็นแน่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
หลังจากที่เหล่าชุดดำ พวกเขาก็เร่งนำกล่องยาวิ่งมายังพวกเขา
หลานเยาเยาซ่อนแขนที่ได้รับบาดเจ็บไว้ข้างหลัง
เพราะบาดแผลเล็กน้อยบนไหล่เช่นนี้ นางอยากจะรักษาแผลด้วยตัวเอง แล้วยังไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้อีกเสียด้วย
เมื่อหันไปมองยังฝั่งของเย่แจ๋หยิ่งและหลานจิ่นเอ๋อแล้ว นางก็เดินไปยังตรงหน้าของเซียวจิ่นหยู
” ขอบใจยิ่งนัก! ”
” เพียงความช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น ” เซียวจิ่นหยูจัดเสื้อผ้าที่ยับเล็กน้อยพลางยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน
” วางใจเถิด! เรื่องความสามารถของเจ้าข้าจักไม่บอกแก่ผู้อื่นหรอก แต่สำหรับผู้อื่นนั้นข้าไม่สามารถจัดการได้ ”
พูดไปเขาก็พลันหันไปมองหลานจิ่นเอ๋อ
ก่อนจะจากไปก็ยังคงทิ้งคำพูดไว้
” นางเป็นคนที่มีเล่ห์อุบาย ยังไงเสียข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะรับมือได้ยาก”
เหอะๆ !
เขามองออกเป็นทะลุปรุโปร่ง
ท่ามกลางสายฝน นางเฝ้าดูเซียวจิ่นหยูจากไป ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้าพูดกับเย่แจ๋หยิ่ง
” ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการสักครู่ ท่านอ๋อง ท่านอยู่ดูแลนางเถิด ! ”
การต่อสู้เมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำให้นางเข้าใจแล้ว
พวกเขาถือเป็นสหายร่วมต่อสู้ที่ดีต่อกัน !
เพียงเท่านั้น !
” เจ้าอยู่ที่นี่รอข้าเถิด ” เย่แจ๋หยิ่งมองนางด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายออกมาได้
” ข้าอยู่ที่นี่รอท่านมิได้หรอก ข้ายังมีธุระ ”
เพราะประการแรกคือนางต้องรักษาแผลให้ตัวเอง และอีกประการคือนางยังต้องกลับไปที่จวนอ๋องเย่เพื่อตามหาหีบใบนั้น
หลานจิ่นเอ๋อที่จับเสื้อผ้าของเย่แจ๋หยิ่งตลอดมิยอมปล่อยก็กล่าวว่าอยู่ท่ามกลางสายฝนยากต่อการทำแผล ต้องเข้าไปข้างในถึงจะได้
เย่แจ๋หยิ่งจิตใจหนักแน่นจึงหยิบดาบขึ้นมาตัดชายเสื้อตรงที่หลานจิ่นเอ๋อจับไว้อยู่จนขาด
แต่ทว่า !
ก่อนที่เย่แจ๋หยิ่งกำลังจะลุกขึ้นหลานจิ่นเอ๋อก็กล่าวอะไรบางอย่าง เลยทำให้เขานั่งลงไปอีกครั้ง
หลานเยาเยามองเห็นสายตาที่หลานจิ่นเอ๋อจ้องมาที่นาง จนนางไม่สามารถกล่าวได้ว่านั่นเป็นสีหน้าอย่างไรกัน แต่กลับรู้สึกราวว่านางจะพรากเย่แจ๋หยิ่งไปเสียอย่างนั้น
นางรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องน่าขันอย่างอธิบายไม่ถูก !
หากเป็นของของเจ้าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็พรากไปมิได้ แต่หากไม่ใช่ของเจ้าจะรั้งเยี่ยงไรก็รั้งไว้มิได้อยู่ดี
หลานเยาเยามิได้พร่ำอะไรมากนัก ก็ไปขอยืมม้าจากข้ารับใช้ เมื่อขึ้นยังหลังม้าตัวสูง นางก็ฟาดแส้แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
เย่แจ๋หยิ่งที่นั่งอยู่นาน เมื่อไม่เห็นหลานจิ่นเอ๋อกล่าวสิ่งใด ก็ถึงกับขมวดคิ้วหนักยิ่งขึ้น
แล้วครู่ต่อมา !
เย่แจ๋หยิ่งก็เริ่มกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์
“ที่ข้าทำตามใจเจ้าคราสองครา มิใช่เพราะเจ้านั้นมีความพิเศษอันใด แต่เพราะสิ่งที่เจ้ารู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับท่านแม่ แล้วก็หลานเยาเยาก็ไม่ได้เกลียดชังเจ้านักหรอก มิเช่นนั้นละก็ตอนนี้เจ้าคงได้กลายเป็นศพไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะจำได้หรือใช้สิ่งนี้มาใช้ประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ข้ากฌไม่อยากจะถามอีกต่อไปแล้ว เจ้ามีเวลาเพียงค่ำคืนเดียวเท่านั้น หากเจ้ายังไม่พูด ข้าจักพาเจ้าไปประมูลราคาที่จวนแม่ทัพเสีย”
กล่าวจบ เย่แจ๋หยิ่งก็ลุกขึ้น
แต่ทว่าเขาก็ไม่เห็นร่างของหลานเยาเยาเสียแล้ว เขาเดินมายังหน้าองครักษ์นายหนึ่ง
” พระชายาเล่า? ”
องครักษ์ส่ายหน้า
เขานั้นมัวจัดการกับร่างของเหล่าคนชุดดำทั้งยังตรวจหาหลักฐาน เลยมิได้ทันสังเกตุการกระทำใดๆของพระชายาเย่
” รายงานอ๋องเย่ขอรับ พระชายาขอม้าไปตัวหนึ่งพร้อมกับควบมุ่งหน้าไปยังจวนแล้วขอรับ” คนใช้รายหนึ่งที่ส่งม้าให้นางรีบเข้ามารายงานทันที
มองดูเย่แจ๋หยิ่งเดินจากไปไกล ดวงตาของหลานจิ่นเอ๋อก็แดงขึ้นมาทันที
เพราะเหตุใดกัน?
นางยอมสละชีพเพื่อเขาแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยรึ? แม้แต่พื้นที่เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีเสียเลย
ทั้งหมดเป็นเพราะหลานเยาเยา เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ก่อนที่ตนต้องการจะกลับมาเช่นนี้ ?
ครานี้แพ้แล้วก็ไม่สำคัญอันใด ยังไงเสียก็ยังมีคราหน้า
······
ค่ำคืนฝนพรำ ราวกับน้ำหมึกที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ฝนที่ยิ่งตกก็ยิ่งหนักขึ้นก็ราวกับผ้าม่านที่ร่วงลงมาทับถมให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
” ย่าห์….”
” ตุบๆๆ….”
บนถนน ม้าและคนผู้หนึ่งกำลังวิ่งฝ่าฝนห่าใหญ่