หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 164 เจ้านายถูกจับได้แล้ว
บทที่ 164 เจ้านายถูกจับได้แล้ว
เมื่อออกจากประตูจวนอ๋องเย่ เย่หลีเฉินก็ขึ้นรถม้าด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่แม้แต่จะกล่าวคำลา สั่งให้คนขับรถกลับวังโดยตรง
คนที่เดินออกมาภายหลัง พูดคุยกันไม่กี่คำ ก็จากไปอย่างรีบร้อน
แม้ว่าถังมู่หวั่นจะไม่ได้ออกมาเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ก่อนหานแสแค่ครู่เดียว
ถังมู่หวั่นพยักหน้าให้เขาอย่างสุภาพเล็กน้อยก่อนที่จะขึ้นรถม้า
หลังจากที่คนอื่นๆ จากไปแล้ว!
หนุ่มรับใช้ที่เดินตามหลังหานแสก้าวไปข้างหน้า: “คุณชาย ไม่คาดคิดว่าที่นี่จะมีหมอเทพที่สวยงามเช่นนี้ในเมืองหลวง แม้อาศัยเพียงแค่จับชีพจร ก็สามารถวินิจฉัยอาการโรคของคุณชายท่านได้ เก่งจริงๆ ขอรับ”
“เก่งจริง!” รอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหานแส
“หวังว่านางจะสามารถหาวิธีรักษาให้กับคุณชายได้โดยเร็ว”
“หึ! นางแค่ไม่อยากรักษาก็เท่านั้นเอง!”
มิฉะนั้นนางคงไม่ตั้งใจทำลวกๆ พอเป็นพิธีแม้แต่ที่อยู่ของเขานางยังขี้เกียจที่จะถาม
ดูท่าทีนางแล้ว เห็นได้ชัดว่านางมีวิธีรักษา แต่ไม่ยินดีที่จะพูดออกมา ดังนั้นจะเห็นได้ว่านางเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก หรือเพราะว่าวิธีรักษาที่นางคิดออก สิ่งที่ต้องชดใช้มันมากเกินไป
“ฮะ? ไม่อยากรักษา? นี่……นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?”
หนุ่มรับใช้ประหลาดใจมาก
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโกรธมาก คว้าอาวุธที่ซ่อนอยู่ในเอว: “คุณชาย ข้าจะไปจับนางเดี๋ยวนี้ขอรับ”
เพียงแค่ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว มีหรือนางจะไม่ตกลง?
หลังจากหานแสเหลือบมองหนุ่มรับใช้อย่างเย็นชา หนุ่มรับใช้หน้าซีดในทันที คุกเข่าลงกับพื้นดังพรึบ
“หึ!”
หานแสสะบัดแขนเสื้อจากไป
สำหรับผู้ที่มีค่าที่จะใช้ประโยชน์ เขาต่อปฏิบัติต่ออย่างดีอยู่แล้ว ผู้นี้เป็นคนที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ ยังเป็นถึงพระชายาของอ๋องเย่ผู้มีอำนาจแห่งประเทศก่วงส้า มูลค่าการใช้ประโยชน์ก็ยิ่งมากขึ้น
…….
จวนอ๋องเย่ ในห้องอาหาร
มองไปที่โต๊ะอาหารกลางวันที่อุดมสมบูรณ์มาก หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก แต่พอนางกวาดสายตาไปเท่านั้น ในขณะที่สายตาจ้องมองไปยังโหลวเย่วที่กำลังกินอย่างเพลิดเพลิน
ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้!
จากนั้นก็เคลื่อนย้ายสายตาไปยังฮัวหยู่อันที่นั่งอยู่แล้วกำลังใช้ตะเกียบอยู่ แล้วถอนหายใจอีกครั้ง
บาปกรรมอะไรของนาง?
คนหนึ่งคนผู้สูงส่ง องค์หญิงมีฐานะดีไม่ต้องทำอะไร ขอที่อยากกินไม่มีหรือ? ต้องมากินฟรีดื่มฟรีถึงถิ่นของนาง
มีอีกคนที่เป็นสาวใช้ที่เหมือนเจ้านายมากกว่านาง ไม่วางตัวเป็นสาวใช้เลย จำนวนอาหารที่ใช้เลี้ยงมากกว่านางเสียอีก
ดังนั้น!
หลานเยาเยายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห คว้าตะเกียบในมือของโหลวเย่วมา
“เยาเยา ข้ากินอยู่ดีๆ เจ้าเอาตะเกียบข้าไปทำไม?” โหลวเย่วใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ จึงทำได้เพียงมองนางอย่างมึนงง
“โหลวเย่ว ไม่ใช่ว่าข้าว่าเจ้า เจ้าป่วยยังไม่หาย ทำไมกินอาหารมากมายขนาดนี้?”
พูดอยู่ หลานเยาเยาก็หยิบชามอาหารยาและวางไว้ตรงหน้าโหลวเย่ว: “ตอนนี้เจ้ากินได้แค่สิ่งนี้”
“ฮะ? งั้นกินหมดมื้อนี้แล้วค่อยว่ากัน?” โหลวเย่วลองเจรจา อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอาหารอร่อย อาหารยารสชาติแย่มากจริงๆ
ได้ยินเช่นนั้น!
หลานเยาเยาผงกศีรษะ: “งั้นข้าก็นำพลั่วไปขุดหลุมที่ลานดีกว่า!”
“ไม่ๆๆ ข้ากินอาหารยา ข้ากินพอใจหรือยัง!”
เรื่องที่หลานเยาเยาขุดหลุมฝังนางทั้งเป็น นางได้ยินมาแล้ว
นางไม่คิดว่าหลานเยาเยาจะพูดล้อเล่น คนที่กล้าแม้แต่จะฝังเสด็จอาผู้ที่มีอำนาจทั้งเป็น ฝังนางผู้ที่เป็นองค์หญิงที่ไร้อำนาจทั้งเป็น ก็เป็นแค่เพียงเรื่องลงมือขุดหลุมเท่านั้น
อย่าถามว่านางรู้ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามนางได้รับรู้มันอย่างน่าเศร้าโศก……
“เจ้าก็ด้วย เสี่ยวฮัว เจ้าเป็นสาวใช้ของข้า ทำไมเจ้าถึงไม่รู้สามัญสำนึกของการเป็นสาวใช้สักนิด?” หลานเยาเยาจ้องมองฮัวหยู่อันที่คีบน่องไก่ขึ้นมา ดวงตามองนิ่งไปอย่างช่วยไม่ได้
“คุณหนู ในจานยังมีอีหลายตัวเลย! อีกอย่าง ไม่ได้แตะตีนหมูตุ๋นชิ้นนั้นของท่าน ข้าว่าหากท่านยังไม่รีบกิน มันก็จะเย็นแล้ว”
ไม่ว่าอย่างไรเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่
แม้ว่าตอนนี้หลานเยาเยาจะไม่ให้นางกิน นางก็จะครอบครองน่องไก่เอาไว้ก่อน
“กินเถอะกินเถอะ!”
ยังไงก็กินไปแล้ว คงไม่ถึงขั้นให้นางคายออกจากปากหรอก!
หลานเหยารีบคีบตีนหมูตุ๋นขึ้นมากิน กัดไปคำเดียว นางก็อดไม่ได้ที่จะช็อกร่างนิ่งไป
“เปลี่ยนคนทำครัวในห้องอาหารหรือ?”
รสชาตินี้แตกต่างกันเล็กน้อย รสชาติดีกว่าขาหมูตุ๋นที่นางกินเป็นประจำมาก
“ไม่ใช่ วันนี้ข้ายังเห็นเขาอยู่ที่โรงครัวอยู่เลย!” โหลวเย่วตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้เปลี่ยนคน?”
หลานเยาเยาดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นไม่ได้เดินไปทางประตู กระโดดออกไปทางหน้าต่างทันที
โหลวเย่วและฮัวหยู่อันตกตะลึงในทันที
“นางจะไปทำอะไร?”
“มนุษย์มีความเร่งด่วนสามประการ คาดว่าคงกลั้นไม่ไหวแล้ว”
……
ถัดจากตำหนักบรรทมของอ๋องเย่ มีตึกอาคารภูมิทัศน์สี่ชั้น
นี่คือตำหนักที่สูงที่สุดในบรรดาตำหนักในจวนอ๋องเย่ มันเก๋ไก๋มาก สามารถมองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของจวนอ๋องเย่ได้
ปกติที่นี่จะเป็นสถานที่ขององครักษ์ลับ ตอนนี้ไม่มีแม้แต่องครักษ์ลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดสักคน
“เอ๊ะ? ทำไมไม่มีคน?”
หลานเยาเยาเดินไปถึงด้านบนของอาคารสูงนี้ มาที่โต๊ะหิน มองดูที่นั่งเล่นที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน จากนั้นเพ่งสายตาไปที่ถ้วยน้ำชาบนโต๊ะหิน
โรงครัว ห้องบรรทมและห้องหนังสือ และสถานที่ที่เย่แจ๋หยิ่งมักจะไปนางก็ไปมาทั่วแล้ว ก็ยังหาคนไม่พบ
และแล้วจึงนึกถึงที่นี่ได้ทันที
ต้องการสังเกตในที่มืด ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการสังเกต
ดังนั้น!
นางจึงใช้มือสัมผัสมันเบาๆ ถ้วยน้ำชาก็ยังอุ่นอยู่
“คนโกหก!”
หลังจากที่นางพูดเสียงเบาออกไป ก็นอนลงบนที่นั่งเล่น ยกขาขึ้นไขว่ห้าง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในความง่วงนอน นางรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างปกคลุมร่างกายของนางที่ถูกสายลมเย็นพัดมาในตอนแรก
จากนั้นยื่นมือออกไป ก็จับฝ่ามือที่อบอุ่นเอาไว้ทันที
วินาทีที่ลืมตาขึ้น หลานเยาเยาคิดว่านางจะเห็นการแสดงออกที่ประหลาดใจของเย่แจ๋หยิ่ง แต่ไม่คาดคิดว่าเหมือนเขาจะแค่มองนางด้วยรอยยิ้ม ราวกับจะรู้อยู่แล้วว่านางจะทำเช่นนี้
“บอกว่าจะออกไปข้างนอกหลายวันไม่ใช่หรือ?”
หลานเยาเยาไม่ได้ปล่อยมือเขา สายตามองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา
“ข้าเคยบอกเจ้าหรือ? หืม?”
เมื่อเผชิญกับความสงสัยของนาง เย่แจ๋หยิ่งเพียงแค่ยกมุมปากเล็กน้อย
“เจ้าให้จื่อซีบอก”
คนนี้ยังไม่ยอมรับอีก
แต่เมื่อมองจากการแสดงออกของเขา ดูเหมือนว่าไม่ได้โกหก สิ่งนี้ทำให้หลานเยาเยามีความมั่นใจในตอนแรก เมื่อเทียบกันกลายเป็นความไม่มั่นใจเล็กน้อย
“จื่อซี?”
ใครจะรู้……
ท่าทางของเย่แจ๋หยิ่งเปลี่ยนไป กล่าวอย่างเย็นชากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล: “ไปตามคนมา!”
เมื่อเขาพูดออกไป ต้นไม้ใหญ่นั้นดูเหมือนจะปลิวไปตามลม หลังจากพัดใบไม้ผืนใหญ่เคลื่อนไหวแล้วคืนความสงบอีกครั้ง
ในไม่ช้า จื่อซีก็อยู่ตรงหน้าเย่แจ๋หยิ่งด้วยอาการหายใจหอบ คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งโดยไม่ทราบสาเหตุ: “ถวายบังคมเจ้านาย!”
“เจ้าเป็นคนบอกพระชายาว่าข้าจะออกไปข้างนอกหลายวันงั้นหรือ?”
สายตาของเย่แจ๋หยิ่งจ้องอยู่ที่มือที่หลานเยาเยาจับอยู่ แม้ว่าน้ำเสียงจะเย็นชา แต่ก็มีประกายอ่อนโยนในดวงตาของเขา
“……พ่ะย่ะค่ะ”
จื่อซีสีหน้านิ่ง ทันใจนั้นก็รู้สึกไม่ดีนัก
“แล้วเจ้ารู้ว่าผิดไปแล้วหรือไม่?”
“กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมไม่ควรโกหกพระชายา เจ้านายโปรดลงโทษ” จื่อซีรู้สึกละอายใจเล็กน้อย นี่เจ้านายคงถูกพระชายาจับได้แล้วสินะ? และแล้วจึงรีบคุกเข่าทั้งสอง ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิด
“ในเมื่อทำผิดแล้ว งั้นก็ไปรับโทษเถิด!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
จื่อซีเช็ดเหงื่อตัวเองอย่างเงียบๆ จากนั้นก็รีบบินจากไป