หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 184 โรงเตี๊ยมถล่ม
บทที่184 โรงเตี๊ยมถล่ม
ผมของพวกนางถูกกัดกร่อนไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า……
ยายเมิ่งยิงจวนสองคนโต้ตอบไม่ทัน ผมก็ถูกกัดกร่อนไปตามเส้นผม
“อ๊า……”
“……”
“อ๊า……”
เสียงกรีดร้องแหบแห้งน่าเวทนาดังขึ้น แต่ดังได้ไม่ถึงสองวิก็ไม่มีเสียงใดๆแล้วเพราะคนก็ถูกกัดกร่อนไปครึ่ง
เหลืออีกสามคนที่รวดเร็วกว่า ในตอนที่ยาน้ำยังไม่ทันได้กัดกร่อนถึงหัวก็ได้ตัดเส้นผมของตนเองไปแล้ว
เพียงเสี้ยววิต่อมา เศษเก้าอี้ที่แตกก็แทงทะลุหัวใจของพวกนาง……
ยายเมิ่งยิงจวนผู้น่าหวาดกลัวทั้งห้าตายไปอย่างต่อเนื่อง มีสองคนที่ไม่เหลือแม้แต่กระดูกเหลือเพียงแต่ผงดำๆเล็กๆ
แต่ทว่า ฤทธิ์กัดกร่อนของยาน้ำกัดกร่อนนี้แรงมาก หลังจากฆ่ายายเมิ่งยิงจวนไป ยาน้ำก็ยังคงแพร่ไปรอบๆทุกทิศ ในไม่ช้าโรงเตี๊ยมโงนเงน
ว้าว!
หลานเยาเยาอดอ้าปากค้างไม่ได้
ระดับความกัดกร่อนนี่รุนแรงกว่าที่นางคิดไว้อีก
ตอนที่นางมองไปยังเย่แจ๋หยิ่งก็เห็นแววตาตกใจ เห็นได้ชัดว่าฤทธิ์กัดกร่อนของยาน้ำนี่เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้
เจ้าคนสุรุ่ยสุร่าย ยาน้ำดีขนาดนี้ก็ต้องเปลืองไปมาก
“พวกเรารีบไปเถอะ!”
ถ้ายังไม่ไปอีกก็จะถูกโรงเตี๊ยมถล่มฝังทั้งเป็น
“อื้ม!”
เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับหันมายื่นมือไปให้นาง
พวกเขาอยู่ห่างกันแต่ก็มีเงาของกันและกันในดวงตาทั้งคู่ ทั้งสองสบตายิ้มให้กัน
หลานเยาเยายื่นมือออกไปและตอนที่กำลังจะวิ่งไปจับมือเขานั้น
ใครจะรู้……
สายตาของเย่แจ๋หยิ่งเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แววตาอาฆาตหนักแน่นปรากฏขึ้นมาในแววตาเขา เขาตะโกนเรียกนางสุดแรง
“เยาเยา อันตราย!”
หลานเยาเยาตกใจ ที่จู่ๆก็มีแรงอาฆาตอย่างรุนแรงปรากฏขึ้นด้านหลัง
เป็นไปได้อย่างไร?
ก่อนที่แรงอาฆาตจะปรากฏขึ้น นางก็ระวังมาโดยตลอด แรงอาฆาตอย่างรุนแรงนี่จู่ๆจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
หลังจากที่หมุนตัวไป
นางถึงได้รู้ว่า ฆาตกรนี้หลบอยู่ใกล้ตัวนางมาโดยตลอดก็คือคนที่สวมใส่ชุดบ๋อย ทั้งยังตกลงมาจากชั้นสองแล้วสลบไปนั้น ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นบ๋อยแต่เป็นฆาตกรที่หลบอยู่
ในตอนนี้เขาถือไม้ไผ่สั้นเข้ามาใกล้ปาก หันมาทางหัวใจนางแล้วออกแรงเป่า
เข็มเงินยาวๆเล็กๆมุ่งเข้าโจมตีนาง……
หลานเยาเยาคิดจะหลบก็ไม่ทันการเสียแล้ว จึงได้แต่ใช้มือกั้นไว้ตามสัญชาตญาณ
แต่ทว่า!
หลังจากนั้นไม่กี่วิ ก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวด
นางจึงอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาจากนั้นก็ต้องตกตะลึงกับฉากตรงหน้า:
ไม่รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งมาอยู่ตรงหน้านางตั้งแต่เมื่อไหร่และขวางเข็มเงินนั้นแทนนาง
ส่วนผู้ที่แสร้งเป็นบ๋อยที่ต้องการจะฆ่านางนั้นก็ถูกหานแสที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันพร้อมกับทั้งตัวบาดเจ็บฆ่าตาย
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลานเยาเยากังวลใจ รีบตรวจดูเขาทันที ดูว่าตรงไหนที่บาดเจ็บ
เห็นแต่จุดแดงๆบนแขนเขา น่าจะเป็นเข็มเงินที่แทงเข้าไปในแขนของเขา
นี่มันไม่มีอะไร
ที่หลานเยาเยากลัวก็คือ เข็มเงินจะมีพิษดังนั้นนางจึงรีบจับชีพจรเขาแต่ก็ต้องพบว่าชีพจรไม่มีอะไรผิดปกติ
ทันใดนั้นความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในใจ
ไม่มีพิษ?
นี่มันไม่สมเหตุสมผล
ฆาตกรที่สามารถซ่อนอยู่ใกล้ตัวพวกเขาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ นักฆ่าจำนวนมากขนาดนั้นแล้วยังมียายเมิ่งยิงจวนล้วนเป็นฐานที่ให้เขาก้าวเหยียบขึ้นไปข้างหน้า……
แล้วการโจมตีครั้งสุดท้ายจะไม่มีพิษได้อย่างไร?
หลังจากที่คิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้แล้ว
หลานเยาเยาก็เบิกตาโพลง: “อย่าขยับเข็มเงินนั่น”
แต่ทว่าช้าไปแค่ก้าวเดียว
เย่แจ๋หยิ่งใช้กำลังภายในบังคับเข็มเงินออกมาแล้ว
“ทำไม?”เย่แจ๋หยิ่งสงสัย
“เจ้า……รู้สึกไม่สบายร่างกายไหม?”
นางดึงแขนเขาขึ้นดูอย่างละเอียด ก็พบว่านอกจากมีจุดเลือดแดงๆเล็กๆแล้วก็ไม่เห็นว่าเลือดเขาเปลี่ยนสี
ดูท่าแล้วน่าจะไม่มีพิษ!
แต่นางก็ยังไม่วางใจ รีบหยิบเข็มเงินที่ตกลงพื้นขึ้นมายังไม่ทันได้ตรวจสอบอะไรก็มีเสียงอ่อนแรงและร้อนรนของหานแสดังขึ้นมาข้างหู
“โรง โรงเตี๊ยมจะถล่มแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงเขา นางก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งพาออกไปนอกโรงเตี๊ยมทันที
ทันทีที่เท้าหน้าของทั้งสามคนออกมาจากโรงเตี๊ยม ทางเท้าหลังโรงเตี๊ยมก็พังถล่มตูมตาม โชคดีที่เขาไวกว่าหน่อยไม่งั้นชีวิตเล็กๆของพวกเขาก็จะตาย
“ตู้ม……”
หานแสที่บาดเจ็บหนักร่างกายได้ทำงานเกินขอบเขตไปแล้วจึงล้มสลบลงไปกับพื้น
“นี่ เจ้าเจ้าเจ้า……”
ตอนแรกหลานเยาเยาจะไปประคองหานแสขึ้นมา แต่พอยื่นมือไปก็เห็นปลายแหลมของเข็มในมือดูเหมือนมีดอกไม้บาน
นี่ทำให้หัวใจนางเต้นแรง
ปลายแหลมของเข็มตอนแรกเล็กมาก กลีบดอกที่ออกมาก็ไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่มองอย่างละเอียดก็จะไม่เห็นความแตกต่าง
ถ้าเอากลีบดอกของปลายมารวมกัน ด้านในก็สามารถที่จะใส่ของเล็กๆลงไปได้
ไม่ว่าข้างในจะใส่อะไร
ตอนนี้ปลายเข็มเงินได้บานออกแล้วนั่นก็หมายความว่ามีบางสิ่งเข้าไปในแขนของเย่แจ๋หยิ่ง
“ไม่ดีแล้ว!”
หลานเยาเยารีบดึงแขนเย่แจ๋หยิ่งขึ้นมาจากนั้นก็ถกแขนเสื้อขึ้นตรวจดูอย่างละเอียด ก็เห็นเพียงผิวหนังของเขาดูเหมือนมีอะไรแหวกว่ายอยู่
อีกทั้งยังแหวกว่ายด้วยความเร็ว จากแขนเพียงครู่เดียวก็มาถึงอก……
“นี่คือ?”
เย่แจ๋หยิ่งก็เห็นแล้ว คิ้วของเขาย่นเล็กน้อยสีหน้าหมองลง
“นี่ก็คือ……”หนอนพิษกู่แต่สองคำนี้ไม่ได้พูดออกไป ก็ตัดบทเขาเสียก่อน
“หาที่พักก่อน!”
บรรยากาศโดยรอบเริ่มไม่สงบ ในความมืดนี้ดูเหมือนจะมีคนที่มีแรงอาฆาตมากมายเข้ามา
“อื้ม!”
ตอนนี้ทำได้แค่นี้
ถ้าต้องการเอาหนอนพิษกู่ออกมา ก็ต้องหาสถานที่ปลอดภัย
ดังนั้น!
พวกเขาไม่ได้พักนานก็พาหานแสจากไป
สถานที่พักในเมืองไม่ปลอดภัยแล้ว
ดังนั้น!
พวกเขาจึงมายังบ้านของนายพรานที่สร้างไว้กลางเขาและเมื่อนายพรานเห็นพวกเขาตกที่นั่งลำบากและไม่ได้ดูเป็นคนเลวอะไรก็ให้พวกเขาพักหนึ่งคืน
ทั้งยังเอาสัตว์ที่ล่าได้วันนี้มาต้อนรับพวกเขาอย่างใจดี
ตกดึก รอบๆบ้านนายพรานไม่สงบ เหล่าแมลงเหมือนจะอยู่ในฤดูผสมพันธุ์พวกมันต่างตื่นเต้นกันมาก เสียงแมลงก็ดังเจี๊ยวจ๊าว
ส่งเสียงเรียกร้องน้อยใหญ่ตลอด ดังจนทำให้หลานเยาเยาปวดหัว
หลานเยาเยามองเย่แจ๋หยิ่งที่ถือหานแสไว้มือเดียวเดินเข้าไปในห้องเล็กทำขึ้นอย่างหยาบๆ ดูเหมือนเอาคนไปโยนไว้บนเตียงแล้วก็ออกมา
“ที่นี่เทียบไม่ได้กับเมืองหลวง เจ้าอยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อน พรุ่งนี้ฟ้าสว่างแล้วข้าจะไปจ้างรถม้า”
บ้านของนายพรานไม่ใหญ่ สามารถแบ่งออกมาได้สองห้องก็ดีแล้ว
สำหรับคนที่มีอำนาจและรักความสะอาดอย่างเย่แจ๋หยิ่ง มาอาศัยอยู่ในที่อย่างนี้ก็ลำบากเขามากแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งมองนางนิ่งๆ แววตามีรอยยิ้มจางๆจากนั้นริมฝีบางเปิดออกเบาๆว่า:
“ในป้อมปราการชายแดนการมีท้องฟ้าเป็นผ้าห่มมีพื้นเป็นเตียงนอนนั้นเป็นเรื่องปกติทั้งยังนอนไม่หลับวันแล้ววันเล่า ทำได้เพียงหลับอย่างไม่สนิท ตอนนี้มีหลังคามีกำแพงบังลมฝนได้ ก็เพียงพอแล้ว”
ที่สำคัญที่สุดก็คือ……
ตอนนี้ยังมีนางอยู่ข้างกาย
“แบบนี้ก็ดี!”จู่ๆนางก็ยังคิ้วให้เย่แจ๋หยิ่งจากนั้นก็คว้าปกเสื้อเขาไว้ “เจ้าตามข้ามา”
พูดๆแล้วหลานเยาเยาก็ลากเย่แจ๋หยิ่งเข้าไปในห้องเล็กอีกห้อง
“รีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือ?”
เย่แจ๋หยิ่งมองนิ้วขาวสะอาดที่ปกเสื้อ จู่ๆใบหน้าหล่อก็แดงขึ้น……