หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 217 จำเป็นต้องไป
บทที่ 217 จำเป็นต้องไป
ฮัวหยู่อันตกใจเล็กน้อย
แต่นางกลับไม่ได้ถามสิ่งใดมากมาย แล้วก็ดึงหลานเยาเยาออกไปต่อ
“เพราะเหตุอะไร?”
หลานเยาเยาห้ามนางเอาไว้
เมื่อมองเห็นหางตาของนางยังมีคราบน้ำตาอยู่ ก็เข้าใจได้เลยว่า นางคงไปรับรู้เรื่องบางอย่างมาเป็นแน่
” พ่อใหญ่หายตัวไปแล้ว ข้าเลยไปช่วยพวกเขาค้นหา แต่ว่าไม่ว่าจะหาที่ไหนก็หาไม่พบ จึงบังเอิญไปได้ยินบทสนทนาของพ่อรองและพ่อสาม พวกเขาต้องการที่จะสังหารพวกท่าน พวกเขาต้องการที่จะหลอกล่อพวกท่านให้เข้าไปในหุบเขาจิ้น ถ้าเกิดพวกท่านไม่ไป พวกเขาก็ยังมีหนทางอื่นที่จะสังหารพวกท่าน ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรไปกันหมด ข้ารู้เพียงว่าการกลับมาครั้งนี้ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปจนหมดแล้ว”
พ่อใหญ่ พ่อรองและพ่อสามพวกเขาไม่ได้จิตใจดีเหมือนภาพในความทรงจำของนางอีกต่อไปแล้วตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงคนโหดร้ายที่นางได้ละทิ้งไปแล้ว
” เสี่ยวฮัวฮัว เรื่องนี้ข้ารู้อยู่แล้ว ”
หลานเยาเยายื่นกระดาษในมือส่งในนางดู ก่อนจะพูดต่อ
” สิ่งนี้ผู้อาวุโสสามเป็นคนมอบให้ข้า สิ่งที่บันทึกไว้ในนี้คือยาถอนพิษหนอนกู่จิ้น ยาต้นกำเนิดสองตัวข้าได้หาเจอแล้ว เหลือยาตัวสุดท้ายที่มันอยู่ในหุบเขาจิ้น ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาสร้างแผนการใดๆ ข้าก็ต้องไปอยู่ดี ”
ฮัวหยู่อันตะลึง!
“เยาเยา ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าในหุบเขาจิ้นมีสิ่งใดอยู่ข้างใน ทั้งยังไม่เคยมีใครมีชีวิตรอดออกมาจากข้างในได้ ท่านไม่ควรเข้าไป หากเข้าไปแล้วก็เหมือนไปหาที่ตาย ”
นางร้อนรนจนเผลอเรียกชื่อออกมา ฮัวหยู่อันไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลานเยาเยารู้อยู่แล้วว่านั่นเป็นกับดัก รู้อยู่แล้วว่าหากไปแล้วก็เท่ากับตายเท่านั้น เหตุใดนางถึงยังจะไปอีก ?
” ขอบใจเจ้ายิ่งนัก เสี่ยวฮัวฮัว ยามนี้น้ำในชนเผ่านั้นลึกยิ่งนัก เจ้าอย่ากระโดดเข้าไปเป็นอันขาด รีบออกเดินทางในยามค่ำคืนเถิด! ”
นางสามารถพูดได้เพียงเท่านี้ สำหรับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงในชนเผ่า นางเองก็ไม่สามารถรู้ได้ และก็ไม่อยากรู้ด้วย นางแค่เพียงหวังว่าทุกคนที่ห่วงใยนาง จะเป็นอยู่อย่างปลอดภัย
เมื่อเห็นหลานเยาเยานิ่งอยู่นาน ฮัวหยู่อันก็ส่ายหน้า นางมองดูห่อสัมภาระที่กลับมาอยู่ในมือของตัวเองแล้ว ก็พลันพูดออกมาอย่างตั้งใจ
“เช่นนั้นตายก็ตายเถอะ ข้าจะไปกับท่านด้วย”
“เจ้าก็อยากตายงั้นรึ? ”
“ข้า ข้าไม่อยาก แต่ข้าไม่อยากเห็นท่านเดินเข้าไปหาความตาย ”
ที่จริงแล้วนางกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าเสียมากกว่า
แล้วเหล่าผู้อาวุโสของพวกเขา ยังมีเรื่องอะไรมากมายปิดบังนางอีก ? นางก็กลัวที่จะต้องรู้เสียแล้ว !
” เช่นนั้นก็ดี มีคนเพิ่มมาอีกก็ยิ่งมีกำลังเพิ่มขึ้น ”
” ด้วยความที่นางรู้ว่าพูดกับฮัวหยู่อันก็คงไร้ประโยชน์ ดังนั้นหลานเยาเยาจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากมาย
จากนั้น!นางก็รินชาแก้วหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าของฮัวหยู่อัน
” ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เวลานี้เป็นช่วงที่ง่วงนอนมากที่สุด ดื่มชาสักแก้วเสียก่อน ช่วยให้การตื่นตัว
“อ๋อ!”
ฮัวหยู่อันวางห่อสัมภาระในมือลง จากนั้นก็ค่อยๆดื่มชาทีละนิดๆ เพียงครู่เดียวนางก็ล้มลงไปกับนอนกับโต๊ะ
เมื่อมองดูคนที่สลบไม่ตื่นอย่างฮัวหยู่อัน หลานเยาเยาก็ถอนหายใจออกมาฟอดหนึ่ง
“เหตุใดถึงต้องไปหาที่ตายด้วย……”
พูดจบ !นางก็หันไปพูดกับใครอีกคนที่อยู่ตรงหน้าต่าง
” เจ้าพานางไปเถอะ ! ออกไปจากชนเผ่า เดี๋ยวฟ้าสว่างแล้วจะสายเกินไป ”
หลังจากที่ฮัวหยู่อันเข้ามา นางก็รับรู้ถึงการมาของใครอีกคน คนๆนั้นตามฮัวหยู่อันมา ซึ่งคนที่สามารถอยู่ข้างกายของนางในเวลาเช่นนี้ก็คงมีเพียงเจี่ยนหมิงเท่านั้น
คนที่หลบตัวอยู่ด้านนอกหน้าต่างก็ถึงกับตกใจ
สิ่งที่เขาประหลาดใจก็คือหลานเยาเยานั้นไร้วรยุทธ์ ไม่มีกำลังภายใน แต่สามารถรับรู้ถึงเขาได้ ทั้งยังรู้ตำแหน่งของเขาได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
ในเมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลบอีกต่อไป เขาจึงก้าวเข้ามาในห้อง
“ท่านจะไปหุบเขาจิ้นจริงหรือ?”
สิ่งที่พวกนางคุยกันเมื่อสักครู่นี้เขาล้วนได้ยินหมดแล้ว นับตั้งแต่ที่อาฝูและโม่ซางหนีออกไป เหล่าผู้อาวุโสก็แอบทำการเปลี่ยนตัวผู้สังเวย เขาก็ได้เริ่มสงสัยถึงความถูกต้องของการบูชายัญแล้ว
ยิ่งไม่กี่วันมานี้ เขาได้เห็นด้านที่ชั่วร้ายของเหล่าผู้อาวุโส เขาได้เริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดอาฝูและโม่ซางถึงได้หนีไป และคาดว่าเขาคงจะรู้ด้านแท้จริงของเหล่าผู้อาวุโสตั้งนานแล้ว
“อืม เพราะจำเป็นต้องไป!”
คำตอบของนางนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
“สิ่งที่ท่านตามหาคือดอกกระดูกขาวสินะ?”
ได้ยินเช่นนั้น !ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของหลานเยาเยา จากนั้นนางจึงหันไปมองยังตัวเขา ด้วยสีหน้าที่งุนงง
เจี่ยนหมิงกล่าวออกมายังจริงจังโดยไม่ปิดบังสิ่งใดทั้งสิ้น
“ในตอนที่ข้ายังเด็ก บังเอิญไปได้ยินประมุขเผ่ากล่าวว่าดอกกระดูกขาวมีอยู่สองชนิด สีแดงนั้นมีความอันตราย ส่วนสีขาวนั้นยังไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นมาก่อน ดังนั้นหากเจอเข้ากับดอกสีแดง ระวังอย่าสัมผัสมันเด็ดขาด ”
ในเมื่อเป็นคนที่ฮัวหยู่อันให้ความสำคัญ เขาจึงควรจะบอกสิ่งที่รู้ออกไป
กล่าวจบ เขาก็เดินมายังข้างโต๊ะ แล้วอุ้มฮัวหยู่อันมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเดินจากไป
หลานเยาเยาที่นั่งอยู่ก็ลองคิดไตร่ตรอง แล้วดวงตาก็ประกายขึ้นมา ‘ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!’
……
……
ท้องฟ้าค่อยๆสว่าง หลานเยาเยาเปลี่ยนกลับมาสวมชุดสตรี ในแบบที่เรียบง่ายไม่ยุ่งยาก สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกยามพบกับอันตราย
และทุกอย่างก็เตรียมพร้อมอย่างเรียบร้อย
ทันทีที่นางเปิดประตูออกมา ก็เจอกับซิ่วซิ่วลูกสาวของผู้อาวุโสใหญ่ นางแอบยืนทำลับๆล่อๆอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่
โดยในมือกำลังถือขนมไว้จานหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่านางกำลังจะทำสิ่งใด ?
เมื่อเห็นหลานเยาเยาเดินออกมา นางก็ถึงกับตกใจในทันที
มีสาวงามเช่นนี้เข้ามาในชนเผ่าตั้งแต่เมื่อใดกัน ?
เหตุใดนางถึงไม่ได้ข่าวคราวเลยแม้แต่น้อยนะ ?
ผู้ที่พักอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นบุรุษ ทุกคนล้วนแต่เป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลาอย่างท่านชายเย่ แต่วันนี้กลับมีสตรีเพิ่มมาอีกคน
อีกทั้งยังออกมาจากในห้องในยามเช้าตรู่เช่นนี้
เช่นนี้เมื่อคืนนี้…..
นางค้างคืนอยู่ที่นี่งั้นหรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของซิ่วซิ่วก็เปลี่ยนไป มือเกร็งแน่น จนเกือบจะทำขนมในมือตกลงไปแล้ว
แล้วนางก็ตะโกนออกมา
” หญิงโสเภณีจากไหนกัน ที่นี่ล้วนมีแต่บุรุษอาศัยอยู่ เหตุใดถึงมาทำสิ่งใดที่นี่โดยไม่รู้จักอาย ? ”
ได้ยินเช่นนี้ ! หลานเยาเยาก็เลิกคิ้ว พลางมองซิ่วซิ่วขึ้นลงๆอยู่หลายครั้ง
เหอะ!
ดูไม่ออกสินะ!
ไม่เพียงแต่ชอบยั่วยวนแล้ว ยังสามารถทำเรื่องผิดให้เป็นถูกทำถูกเป็นผิดได้ อะไรที่เป็นเรื่องสกปรกๆก็โยนให้ผู้อื่นเสียหมด
นางไม่อยากไปสนใจสุนัขที่เห่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้หรอก นางจึงหันไปยังห้องที่หานแสพักอยู่ แต่ประตูหน้าต่างกลับปิดสนิท ดูท่าแล้วคงจะไม่อยู่ข้างใน ราวกับว่าหลังเมื่อคืนนี้หลังจากออกไปก็ยังไม่ได้กลับมาเสียอย่างนั้น ดังนั้นนางจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องรออีกต่อไป
ดังนั้น นางจึงเริ่มเดินทางไปยังทางหุบเขาจิ้นทันที
แล้วคนที่ถูกเพิกเฉยในใจก็รู้สึกโมโหขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปขวางทางหลานเยาเยาเอาไว้
” นี่ ข้าถามเจ้าอยู่นะ ผู้หญิงชั้นต่ำ เจ้ากล้าไม่ตอบข้างั้นหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
หลานเยาเยามองไปที่นางพลางยิ้มออกมาอย่างเฉยชา
“โดยปกติแล้วผู้ใดที่ว่าผู้อื่นต่ำช้าคนผู้นั้นมักจะต่ำช้ายิ่งกว่า นี่บ้านเจ้าไม่ได้สอนคำพูดเหล่านี้ให้กับเจ้าหรอกหรือ? ”
คำพูดนั้นช่างมีความหมายลึกล้ำยิ่งนัก ทำให้บางคนก็ฟังไม่เข้าใจเช่นเดียวกับซิ่วซิ่ว
นางไม่ได้สนใจสิ่งที่หลานเยาเยาพูดเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่นางสนใจก็คือใบหน้าของหลานเยาเยา และเมื่อคืนนี้นางไปค้างคืนกับใครมา
“เจ้านั่นแหละที่ต่ำช้าที่สุด! พ่อของข้าเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของชนเผ่าและอีกไม่นานเขาก็จะได้ขึ้นตำแหน่งประมุขเผ่า เจ้ากล้ามีเรื่องกับข้า ข้าสามารถทำให้เจ้าตายทั้งเป็นได้ คนชั้นต่ำ เจ้ารีบพูดมาซะ เมื่อคืนนี้เจ้าไปค้างอยู่ห้องของผู้ใด? หากเจ้าไม่บอกมา ข้าจะตีเจ้าให้ตาย ”
ซิ่วซิ่วเคยเรียนวิชากังฟูมาจากท่านพ่อของนางมาบ้าง
เคยชนะคนที่ไม่มีวิชากังฟูมาเพียงไม่กี่คน ก็คิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจล้นฟ้า
คนที่ถูกตามใจมาแต่เด็กอย่างนาง มีแต่คนตามเอาใจ
มีผู้ใดกันที่กล้ามาพูดกับนางเช่นนี้?
“เจ้าถามแล้วข้าจำเป็นต้องตอบงั้นรึ? เจ้าถือว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
หลานเยาเยาเหลือบไปจ้องนางพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม