หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 219 รังสีอันตราย
บทที่ 219 รังสีอันตราย
“ชิ!”
ยังจะฆ่าคนดับอารมณ์!
หากจะฆ่าใครสักคนเพื่อดับความโกรธ ในตอนที่เห็นซิ่วซิ่วก็คงฆ่าไปแล้ว เหตุใดจะต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วยเล่า ?
อีกอย่างสองคนที่แอบตามมานั้น ตั้งแต่ที่นางก้าวเท้าของจากประตูห้องก็ได้เริ่มตามนางมาแล้ว
ในตอนที่นางออกจากประตูก็รับรู้ว่ามีคนตามนางแล้ว มีหรือที่หานแสจะไม่รู้ ? เหตุผลที่ทำเช่นนั้นในตอนนี้ หลานเยาเยาที่เห็นหานแสไม่ยอมลงมือเสียที จึงถามด้วยความสงสัย
” ทำไม ประตูหินแค่นี้เจ้าจัดการไม่ได้งั้นหรือ? ”
” ก้าวร้าวให้น้อยๆหน่อยเถอะ”
ดวงตาอันขุ่นมัวของหานแสหรี่ลงเล็กน้อย แววตาประกายความโกรธออกมา จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นอย่างชั่วร้าย แล้วพลังภายในที่ปรากฏขึ้นอย่างไร้เหตุก็พุ่งผ่านไป
“ปัง……” หลังจากเกิดเสียงดัง ประตูหินก็ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ
หานแส “……”
มุมปากของหลานเยาเยากระตุกพร้อมกับส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
” โอ้โห พลังภายในอันยอดเยี่ยม ! ”
หลังจากพูดจบ ก็ถูกหานแสจ้องมองจนหลานเยาเยาถึงกับเงียบไปในทันที แต่กลับทำท่าทางเชิญหานแส ราวกับจะกล่าวว่า ‘ เชิญเจ้าทำต่อไปเถอะ’
สำหรับที่อารมณ์ไม่แน่ไม่นอนเช่นนี้ ให้ลงมือแค่พอเหมาะก็เพียงพอแล้ว มิเช่นนั้นจะเละเทะไปเสียหมด จนไม่มีอะไรดี
” ฮึ! ”
หานแสไม่เคยมีความสงสัยในความสามารถพลังภายในของเขาเลย พลังเมื่อกี้นี้เขา เขาใช้พลังระดับห้าเท่านั้น ตอนนี้เขาจะใช้พลังภายในระดับสิบ มีหรือที่ประตูหินนั้นจะไม่แตกเป็นผุยผง?
สำหรับพลังภายในระดับเต็มของเขาถูกปล่อย มันก็เป็นดังเครื่องจักรที่กระแทกเข้ากับประตู
” ปัง” หลังจากที่เกิดเสียงดัง กลุ่มฝุ่นควันก็ตลบอบอวลไปรอบด้านอยู่เป็นเวลานาน
หลังจากรอจนกลุ่มฝุ่นจางหายไป ประตูหินกลับมีรอยเป็นดั่งรอยใยแมงมุมจุดเดียวเพียงเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกิดการแตกร้าว แต่ส่วนมากกลับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้น ! หลานเยาเยาก็ถึงกับขยิบตาพลางยิ้มออกมา ทั้งยังผิวปากออกมาพอดี
“ฟู่…”
“ใช่ว่าทัพของเราไร้ความสามารถ แต่เพราะข้าศึกแข็งแกร่งเกินไป ”
พอประโยคนี้พูดออกมาก็ทำให้หานแสโกรธจนรู้สึกอยากจะสังหารนางเสียในทันทีขึ้นมา
” หากเจ้าคิดว่าชีวิตมันยาวเกินไป ข้าก็ไม่ถือสาที่จะส่งเจ้าไปยังสวรรค์เสียในตอนนี้ ”
หลานเยาเยายกนิ้วชี้ขึ้นมาจากนั้ยก็ส่ายหน้ากับเขา
” ฮิๆๆ อย่าโกรธไปเลยหน่ะ! เจ้าจัดการไม่ได้ ไม่ใช่ว่ายังมีข้าอยู่หรือยังไง? เจ้า หลบทางหน่อย ข้าจะปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่แล้ว ”
ประโยคนี้ทำให้หานแสยิ้มออกมา
หลานเยาเยา ผู้หญิงที่ไม่มีแม้แต่พลังภายใน จะสามารถจัดการกับประตูหินที่เขายังไม่สามารถทำได้เช่นนั้นหรือ? แม้ว่าตอนนี้พลังภายในของเขาจะยังไม่ฟื้นสภาพสมบูรณ์ แต่ในโลกใบนี้จะมีสักกี่คนกันที่สามารถชนะเขาได้?
แต่ตอนนี้หลานเยาเยากลับบอกว่านางสามารถจัดการประตูนี้ได้ ? น่าขำสิ้นดี !
วันนี้เขาได้ยินคำพูดน่าขำที่ไร้สาระที่สุดแล้ว
ถ้าเกิดนางสามารถจัดการกับประตูหินนี้ได้ เขาก็จะกินหินแตกๆเหล่านั้น
” ทำไม ? ดูสีหน้าเจ้าแล้ว กำลังคิดว่าข้าทำไม่ได้งั้นรึ? ”
หลังจากที่หลานเยาเยานำสิ่งของบางสิ่งไปวางไว้ด้านข้างของประตูหิน ก็ได้เริ่มนับเวลา แล้วในตอนที่นางเดินมาถึงข้างกายหานแส ก็มองเห็นท่าทางที่เย้ยหยันของหานแส
ระเบิดชั้นสูงอันล้ำสมัย อย่าว่าแต่จะระเบิดประตูหินเลย ให้ระเบิดถ่ำทันอันก็ยังเป็นได้
” หากเจ้าสามารถทำให้ประตูเปิดได้ ข้าก็จะ….”
เขาที่ยังกล่าวไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่น จนฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือนในทันที
ถือว่าเป็นเวลานานแล้วที่หลานเยาเยาไม่ได้ใช้ระเบิดชั้นสูงเช่นนี้ นางอุตส่าห์ยืนอยู่ไกลขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่พ้นได้รับผลกระทบอยู่ดี
หากไม่ใช่เพราะสายตาและมือที่รวดเร็วของนางที่ไปจับกางเกงของหานแสไว้ก่อนจะเกิดการสั่นสะเทือน คาดว่าตอนนี้นางก็คงได้รับบาดเจ็บบ้าง
ฝุ่นควันยังคงหนาแน่นอยู่เป็นเวลานาน
เมื่อมองเห็นแววตาที่ตะลึงงันของหานแส หลานเยาเยาจึงยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“เป็นอย่างไรเล่า ?ข้าสุดยอดหรือไม่?”
พอมองเห็นดขาไม่กล่าวสิ่งใด นางจึงกล่าวต่อ
” สักครู่เจ้ากล่าวสิ่งใดออกมา ข้าเหมือนจะได้ยินไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่”
” หลาน! เยา! เยา! ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหานแสหมดท่าเช่นนี้ จนถึงขนาดต้องขบฟันพูดแล้ว
” เอ๊ะ ว่ายังไงเล่า? ”
” ทางที่ดีปล่อยมือของเจ้าซะ ”
อ๊า? มือ ? มือของนางเป็นอะไร ? เหตุใดต้องปล่อยด้วยเล่า ?
ไม่ถูกต้องๆ
สักครู่นี้ตอนเกิดการระเบิด นางตั้งหลักได้ไม่ดี จึงได้จับกางเกงของเขาเอาไว้ ตอนนี้เหมือนว่ากำลังจับมันไว้แน่นอยู่…… พอนึกได้อย่างนี้หลานเยาเยาก็รีบหันไปมองยังมือของตัวเอง….
แม่เจ้า! ทันใดนั้นก็ถึงกับตกใจจนเหงื่อไหลออกมา
สองมือของนางยังคงจับกางเกงของเขาเอาไว้แน่น อีกทั้งยังดึงกางเกงลงมาเกือบครึ่งแล้ว จนกางเกงในสีแดงด้านในโผล่ออกมาต่อหน้า
” ข้า ข้า อันนี้ คือว่า…ไม่คิดว่ากางเกงในของเจ้าจะยังเป็นสีแดง ! ”
พอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังพูดสิ่งใดอยู่ หลานเยาเยาก็อยากจะเอาหัวหลบเข้าไปในรอยแยกเลยทันที
“……”
หลานเยาเยาเกร็งมือเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆดึงกางเกงของเขาขึ้น หลังจากที่ทำเสร็จ นางก็ยังไม่ลืมที่จะหัวเราะเยาะใส่เขา
” แฮะๆๆ ดูดีๆ ”
เพียงแต่ว่า ! สีหน้าของหานแสดำราวกับหมึก ตัวแข็งทื่อราวกับปูนแข็ง
แล้วรังสีแห่งการสังหารอันเยือกเย็นก็ลอยปกคลุมตามรอบตัวนาง
“เจ้า….”
เขาที่เพิ่งกล่าวออกมาเพียงคำเดียวก็เห็นนางวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วดังลมกระโชกแรง ราวกับเจอภูติผีเสียอย่างนั้น
มือที่กุมไว้จนกำหมัดแน่น อย่างไม่ยอมคลาย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสะกดใจอย่างหนักที่จะไม่ฆ่าคน แต่หลังจากที่นิ่งอยู่นาน เขาก็กลับหัวเราะออกมา
“เหอะๆๆ…”
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาหมดหนทางที่จะจัดการกับคนคนหนึ่ง หลานเยาเยา เจ้าห้ามตายเป็นอันขาด ! หากเจ้าตายก็คงไม่สนุกแล้ว
……
ในหุบเขาจิ้น มีหน้าผาสูงตระหง่านอยู่ทั้งสองด้านและบนพื้นดินก็เต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน พื้นที่ขนาดใหญ่มีวัชพืชและดอกไม้ป่าอยู่เต็มไปหมด
เพียงแต่ว่า ! สีสันในหุบเขาจิ้น ราวกับว่าจะสลัวยิ่งกว่าสีสันของด้านนอกเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่ที่เดินเข้ามา ก็มีถนนปูหินที่เดิมทีนั้นเคยกว้างขวาง แต่เพราะหญ้าที่ขึ้นมาตลอดเวลาหลายปี จึงทำให้สามารถเห็นถนนปูหินเพียงเลือนลางเท่านั้น
หลานเยาเยาที่กำลังเดินอยู่บนทางก็ระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่จะดูอย่างไรที่นี่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ไม่เหมือนกับว่าจะมีสัตว์ร้ายหรือพิษภัยเสียเลย
แต่ว่านางกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้
ทิวทัศน์ตรงหน้านี้งดงามราวกับภาพวาดก็ไม่ปาน ภูเขาอันงดงาม ต้นไม้ก็งดงาม ต้นหญ้าเองก็งดงาม แต่กลับไม่เห็นนกบินบนท้องฟ้าเลยสักตัว และไม่มีสัตว์เล็กที่วิ่งอยู่ตามพื้นดินเสียเลย
เห็นได้ชัดว่าที่นี่นั้นเต็มไปด้วยพลัง แต่กลับไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เกิดการเคลื่อนไหว จากนั้นด้านหลังของนางก็ปรากฏร่างของใครบางคนขึ้นมา
หลานเยาเยาไม่ได้หันหลังกลับไปดู ก็สามารถรู้ได้ว่าผู้ที่ปรากฏตัวมาตอนนี้คือใคร นอกจากหานแส ยังจะมีผู้ใดที่จะเข้ามากับนางอีก?
แต่ทันทีที่นึกถึงหานแส ก็นึกถึงกางเกงในสีแดงที่นางเพิ่งได้เห็นมาเมื่อสักครู่นี้ จนนางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา คิดไม่ถึงว่าเขาเป็นคนช่างแสดงออก ที่ชื่นชอบในการใส่กางเกงในสีสันงดงาม
แต่แล้ว ! รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานเยาเยาก็ค่อยๆ นิ่งงัน เมื่อรับรู้ถึงลมอันเยือกเย็นที่พัดโชยมา
ลมนี้ช่างประหลาดยิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่าที่นี่อากาศปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์สาดส่อง ใบไม้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แล้วจะมีลมได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่าลมที่พัดมาก็เต็มไปด้วยหมอกชื้น ราวกับลมชื้นพัดในยามที่ฝนตก
” เจ้ารู้สึกแล้วหรือไม่? ว่าที่นี่ค่อนข้างประหลาด” หลานเยาเยากล่าวถาม
” แปลกเสียยิ่งกว่าแปลก กล่าวได้อย่างชัดเจนเลยว่านี่คือรังสีอันตราย ” หานแสสำรวจไปรอบๆ พลางกล่าวด้วยความเกียจคร้าน
หืม ?
อันตราย ?
เห็นได้ชัดว่าทิวทัศน์ที่นี่งดงามราวกับภาพวาด อย่าว่าแต่เสือหรือสุนัขจิ้งจอก เพราะแม้แต่กระต่ายตัวเดียวก็ยังมองไม่เห็น จะมีมืออันตรายมาจากที่ใด ?
มีกับดักงั้นรึ?
“อ๊า……”
“บู้ม