หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 224 เจอดอกกระดูกขาว
บทที่224 เจอดอกกระดูกขาว
จะกลายเป็นสวรรค์ที่แสนงดงาม
“ของที่ยิ่งสวยก็ยิ่งอันตราย พวกเจ้าอย่าลืมเป้าหมายที่พวกเรามาที่นี่” หานแสเอ่ยเตือน
“นี่ยังต้องให้เจ้าพูดรึ?”
หลานเยาเยาไม่ได้หลงทาง ก็แค่เคลิบเคลิ้ม ไม่อยากทำลายความสวยงามนี้ ก็ใช้โอกาสก่อนที่อันตรายจะมาถึง ถือโอกาสชื่นชมทิวทัศน์งามนี้ไปก่อนก็ไม่เลว
“ดูสิ ดอกไม้ผืนนั้นเป็นสีแดงหมดเลยหรือ?” เสียงของจื่อซีดังขึ้นมาจากข้างๆ
ดอกไม้สีแดง?
อีกทั้งยังเป็นผืนใหญ่?
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงรีบหันหน้าไป และเมื่อเห็นผืนดอกไม้นางก็ดีใจเป็นบ้าเป็นหลังขึ้นมาทันที
“ดอกกระดูกขาว คือดอกกระดูกขาว ในที่สุดก็หาเจอ ในที่สุดพวกเราก็หาดอกกระดูกขาวเจอ”
ลวดลายดอกกระดูกขาวบนหนังสือทำเนียบบรรพชน นางจำได้ชัดเจน
ดังนั้น!
ทันทีที่เห็นดอกไม้สีแดงนั่น แม้จะอยู่ไกล แต่นางมองแค่แว็บเดียวก็มั่นใจว่าคือดอกกระดูกขาว
หลังจากที่ประสบกับอุกกาบาตลวงตา ถูกงูเหลือมยักษ์กลายพันธุ์ไล่ และถูกกลุ่มสัตว์กลายพันธุ์ล้อมโจมตี
ก็ถือว่าผ่านความเป็นความตายมา
หลังจากที่ผ่านความยากลำบากมาก็จะพบความโชคดีมิใช่หรือ?
ได้ยินดังนั้น!
หานแสก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“คือดอกกระดูกขาวจริงๆใช่หรือไม่?”
เจอดอกกระดูกขาวแล้ว ก็สามารถทำยาแก้พิษได้ พอทำยาแก้พิษได้ โรคที่ทรมานเขามาหลายปีก็สามารถกำจัดไปได้
พอนึกถึงตรงนี้ หานแสก็แอบดีใจ
“คือดอกกระดูกขาว ข้าจำไม่ผิดแน่”
หลานเยาเยาตอบอย่างหนักแน่น
“ข้ามไป!”
“อื้ม!”
……
ทางออกที่พวกเขาอยู่นั้นอยู่กลางเขา สูงชันมาก ส่วนสถานที่ตรงหน้าที่เรียกได้ว่าเป็นดินแดนในฝันนั้นอยู่ด้านล่าง
แต่พวกเขาหาทางลงไปไม่เจอ พวกเขาไม่สามารถบินลงไปตรงๆอย่างนี้ได้
เพราะสถานการณ์ด้านล่างไม่แน่นอน ถ้าลงไปอย่างสะเพร่า ผลที่ตามมาจะเลวร้ายจนไม่กล้าคิด
“พระชายา ตรงนี้มีเถาวัลย์ พวกมันยาวมาก คาดว่าอาจจะยาวไปจนถึงด้านล่างของผา”
จื่อซีเห็นเถาวัลย์ที่ขึ้นบนหน้าผาก่อนใคร ก็ยื่นมือออกไปจับ
เถาวัลย์ที่จื่อซีจับ ราวกับว่ามันมีชีวิตเพราะมันกัดมือของเขา
“อ๊า……”
จื่อซีร้อง แล้วรีบปล่อยเถาวัลย์
จ้องมองไปที่มือของตนเอง ถูกบาดจนเป็นบาดแผล อีกทั้งเลือดที่ไหลออกมายังเป็นสีดำ
เขาว่ามันไม่ดีแล้ว
โดนพิษเข้าแล้ว!
ดังนั้นจึงรีบกดจุดลมปราณเพื่อกันไม่ให้พิษแพร่กระจายในร่างกาย
วิชาการรักษาของจื่อซีแม้จะไม่เท่าหลานเยาเยา แต่ก็เป็นที่รู้จักดีในเมืองหลวง แม้เหล่าหมอหลวงก็บอกว่าตนเองไม่ดีเท่า
ในฐานะหมอ มีใครจะไม่พกเม็ดยาติดตัวบ้าง?
ยาขี้ผึ้งแก้ฟกช้ำไม่ต้องพูดถึง เม็ดยาแก้พิษเป็นยาที่จำเป็น
ดังนั้น!
หลังจากที่เขากินยาแก้พิษไป1เม็ด สารพิษก็ค่อยๆหายไป
“พระชายา เถาวัลย์ไม่รู้ชื่อนี้ไม่เพียงแต่จะมีพิษแล้ว ยังมีหนามแหลมซ่อนอยู่อีก ถูกใบเขียวชอุ่มอำพรางเอาไว้ ถ้าไม่ระวังก็จะโดนพิษ แล้วจะทำอย่างไรต่อไป?”
เมื่อเห็นว่าจื่อซีไม่เป็นอะไร
หลานเยาเยาก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่ทว่า……
เมื่อครู่ทำไมนางถึงรู้สึกเหมือนว่าเถาวัลย์นั้นขยับอยู่ เลื้อยขยุกขยิกราวกับมันมีชีวิต
ภาพลวงตาอีกแล้วหรือ?
“นี่จัดการได้ง่าย ก็ใช้เสื้อผ้าฉีกออกเป็นสองส่วน และพันสองมือให้หนา จากนั้นทุกคนก็กินยาแก้พิษ ก็สามารถลงไปได้แล้ว
เถาวัลย์มีพิษชนิดนี้ พิษไม่แรงมากมียาแก้พิษได้ แล้วยังพันมือสองข้างไว้อีกก็จะไม่เกิดข้อผิดพลาดใด
“ขอรับ ข้าน้อยจะลองลงไปดูก่อน”
หลานเยาเยาพูดจบ จื่อเฟิงก็ทำตามที่นางบอก ใช้เสื้อพันมือไว้ หลังจากนั้นก็กินยาแก้พิษ
คว้าเถาวัลย์และปีนไปอย่างระมัดระวัง
ไม่นาน จื่อเฟิงก็ถึงพื้น เขาใช้แรงสั่นๆเถาวัลย์เพื่อส่งสัญญาณว่าเขาถึงอย่างปลอดภัย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง!
พวกเขาทั้งสี่คนก็มีถึงด้านล่างหุบผาอย่างปลอดภัย เมื่อเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า ก็อดตกตะลึงอ้าปากค้างไม่ได้
ดอกไม้เล็กๆหลากหลายสีที่เห็นก่อนหน้านั้น ที่จริงไม่ใช่ดอกไม้
แต่เป็นวัชพืชอ่อนๆ ด้านบนปกคลุมด้วยมดอย่างแน่นหนา แล้วมดชนิดนั้นก็ขาวเสียจนแทบใส
ดังนั้น
มองไกลๆ พวกมันก็เหมือนดอกไม้
“พระชายา นี่คือมดอะไรกัน?”
ถ้าเป็นมด ทำไมถึงขาวจนใสขนาดนี้? อีกทั้งยังปกคลุมอยู่บนวัชพืชอีกด้วย?
นี่มันเหมือนปาฏิหาริย์มาก!
“มดกินคน!”
“มดกินคน? ไม่หรอกมั้ง มดก็กินคนได้หรือ?” จื่อซีรู้สึกไม่ค่อยเชื่อ
“ถ้าเจ้าเห็นกับตาตนเองว่าวัวอ้วนๆตัวหนึ่งถูกมดกินคนกินจนเหลือแต่กระดูกในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม บางทีเจ้าอาจไม่ถามเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือมดกินคนกลายพันธุ์”
ก็ได้!
พอนึกถึงในหุบเขาจิ้นที่ไม่เพียงแต่แปลก ซ้ำยังมีสัตว์ที่ก้าวร้าว จื่อซีจึงไม่กล้าสงสัย
โลกกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องที่คาดไม่ถึงมีมากมาย
ถ้าพระชายาบอกว่าดอกไม้สามารถกินคนได้ เขาก็จะต้องเชื่อ
เพียงแต่……
เขานึกปัญหาอะไรได้อย่างหนึ่ง
“พระชายา หรือพวกเราจะกลับขึ้นไปบนปากถ้ำก่อน”
ถึงอย่างไรมดแปลกนี่ก็สามารถกินคนได้
ถ้าเกิดภัยต่อพระชายา พวกเขาก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของจื่อซี หลานเยาเยาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ผงยาที่เราโรยบนตัวพวกเราใช่เล่นที่ไหน”
มดประหลาดชนิดนี้กินคนได้แล้วยังไง?
มันก็กินได้แค่เนื้อทีละนิดๆ ไม่มีทางเหมือนงูเหลือมยักษ์นั่นที่กินทีละคน
ดังนั้น!
เผชิญกับมดที่อยู่ตรงหน้า นางไม่กลัวสักนิด เพียงแค่รู้สึกว่ามันน่าสยองจนถึงขนาดน่าสะอิดสะเอียน
“งั้นตอนนี้ควรจะทำเช่นไรดี? จะเดินไปได้อย่างไร?”
“แน่นอนว่าไม่ได้ พวกเราต้องโรยผงยาเปิดทางก่อน”
ใช้ผงยาเปิดทาง?
คาดว่าวิธีนี้จะมีแต่หลานเยาเยาที่คิดออก
แต่เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นวิธีที่ดี
หลังจากหลานเยาเยาหยิบผงยาออกมา จื่อซีกับจื่อเฟิงก็อาสาไปเปิดทางให้
หลานเยาเยารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ดูเหมือนจื่อซีกับจื่อเฟิงในวันนี้จะแปลกมาก ตราบใดที่มีเรื่องอันตราย พวกเขาก็จะแย่งไปทำหมด
หรือพวกเขาไม่กลัวตายรึไง?
เย่แจ๋หยิ่งใช้ไสยศาสตร์หรือยาแฝดอะไรให้พวกเขากินกัน?
ถึงทำให้พวกเขาแน่วแน่ไม่กลัวแม้แต่ความตาย
“อะไร พอมีเวลาว่างก็คิดถึงผู้ชายแล้ว?”
เสียงชั่วร้ายดังขึ้นข้างหู
เอาความคิดที่ลอยไปไกลของหลานเยาเยาดึงกลับมา
“เปล่าเสียหน่อย!” นางรีบปฏิเสธ “ข้าแค่คิดถึงเรื่องยาถอนพิษ”
“อา!”
น้ำเสียงของหานแสดูเหมือนเหน็บแนม และเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อสักนิด
“นี่ หานแส ข้าพูดจริง เจ้าอย่าไม่เชื่อสิ!”
ยังไงเขาก็ไม่ใช่พยาธิในท้องนาง นางไม่จำเป็นต้องยอมรับมันก็ได้
อาจจะเป็นเพราะต้องการปกปิดความกลัวของตนเอง ดังนั้นนางจึงต้องการร้องขอความไว้ใจของเขา
“หลานเยาเยา เจ้าดูไม่น่าเชื่อถือ ยังหวังว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือ?”
แม่งสิ!
นางไม่ควรจะคุยกับเขาเลย ไม่งั้นก็จะมีแต่ความโกรธ
หลานเยาเยาหลับตาพักสมอง ไม่คุยกับเขาอีก
เอาผงยาโรยไปบนหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยมดกินคน เพื่อกำจัดมดกินคนออกจากทาง เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องระมัดระวังอย่างมาก
ดังนั้น!
จื่อซีกับจื่อเฟิงจึงใช้เวลาค่อนข้างนาน
จนแทบจะหนึ่งชั่วยาม ถึงจะเปิดทางเล็กๆได้
ในช่วงมึนๆ หลานเยาเยาดูเหมือนจะได้ยินเสียงของจื่อเฟิง
“พระชายา ท่านตื่นเร็ว……”
“พระชายา ตอนนี้พวกเราฆ่าฟันกันเองมิได้ พระชายา พระชายา ท่านตื่นขึ้นมาเร็ว……”