หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 23 ผิดไปที่ใดกัน
บทที่ 23 ผิดไปที่ใดกัน
“ตูม” หลานเยาเยาตกลงไปในน้ำเหมือนดั่งลูกตุ้มตาชั่ง
จบกัน จบกัน คราวนี้ข้าไม่รอดแน่!
มิน่าล่ะ ที่ร้านประมูลเสินตูนางจึงรู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตอันเข้มข้น และไม่แปลกใจเลยว่า เหตุใดทุกครั้งที่เห็นท่านอ๋องถึงได้รู้สึกว่าเขาอันตราย…..
เดิมทีนางว่ายน้ำเป็น แต่เพราะความตื่นตระหนกจึงตีน้ำในบ่ออย่างส่งเดช ทันใดนั้นเอง นางราวกับว่าคว้าจับที่พึ่งสุดท้ายได้ โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำโดยพลัน จากนั้นพยายามปีนขึ้นไปข้างบนอย่างสุดชีวิต
ทว่า!
พอปีนไปปีนมา นางเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล มือของนางสัมผัสไปโดน “ของ” บางอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะมีความอบอุ่น ทั้งยังมีไอร้อนออกมาปะทะบนหน้านางด้วย
เอ…..
ทันใดนั้น นางตระหนักได้ถึงบางสิ่ง!
“หลานเยาเยา นั่นเจ้ากำลังปีนต้นไม้อยู่หรือ”
น้ำเสียงเย็นชาน่าเกรงขามดังขึ้นที่ข้างหู ทั่วทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยไอหนาวที่ไร้ซึ่งรูปทรง หลานเยาเยาตกใจจนมิกล้าขยับตัวอีก
นางลืมตามองดูใบหน้าอันหล่อเหลาที่อยู่ห่างนางเพียงแค่เอื้อม เพียงประเดี๋ยวก็ตื่นตระหนกจนเบิกตากว้าง จากนั้นจึงพบว่า นางไม่เพียงนอนเหยียดอยู่บนตัวของท่านอ๋อง เท้าทั้งสองยังโอบรอบเอวของท่านอ๋องไว้แน่นอีกด้วย
ท่าทางอันคลุมเครือเช่นนี้ ช่างเหมือนกับภาพวาดการเสพสังวาสชุนกงถูภาพหนึ่งอย่างยิ่ง…..
“อึก…..”
นาง “กลัว” จนต้องกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
แล้วสูดหายใจไปเฮือกหนึ่ง น้ำอุ่น ๆ สองสายไหลรินออกมาจากรูจมูก
ในช่วงเวลาแห่งความตื่นตระหนก นางลูบคลำน้ำอุ่น ๆ นั้น มองดูให้แน่ใจ เป็นเลือดหรือนี่!
“ข้าตกใจน่ะ ท่านเชื่อข้าไหม” อย่างไรแม้ตัวนางเองก็ยังมิเชื่อ
“……”
เย่แจ๋หยิ่งที่หน้าเหมือนคนโดนของ หรี่ตาลง ทำตัวแข็งทื่อ มองดูหลานเยาเยาที่นอนแผ่เป็นปลาหมึกยักษ์อยู่บนตัวเขา ขมวดคิ้วเป็นปม พยายามอดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะตีนางให้ตายไปเสียอย่างสุดกำลัง
เมื่อข่มอารมณ์ขุ่นเคืองในใจแล้ว พ่นคำพูดสองพยางค์ออกมาอย่างเย็นชาว่า
“ออกไป!”
“อ้อ อ้อ กำลังจะลงไปแล้ว จะลงไปแล้ว”
หลานเยาเยารีบตอบเป็นพัลวัน ทว่าร่างกายของนางนั้นอ่อนยวบจากความตกใจ จึงลงมาได้อย่างเชื่องช้าสักหน่อย วินาทีต่อมา เสียงดัง ‘ตูม’ ถูกโยนเป็นเส้นโค้งวงกลมลงไปในน้ำ
คงเป็นเพราะท่าทางตอนโยนลงน้ำไม่ถูกต้อง นางถึงได้สำลักน้ำไปหลายอึกก่อนจะยืนอย่างมั่นคงได้
ตาบ้า คนเลว!
ข้าได้ไปขุดหลุมศพบรรพชนของเขามาหรืออย่างไรกัน
หยาบคายได้ถึงเพียงนี้ ไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนกับสตรีบ้างเลยรึ!
เงยหน้ามองไปยังเย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ห่างจากนางไปหลายขุม แล้วเริ่มกวาดสายตามองตั้งแต่ใบหน้าอันคมคายของเขา ก่อนเคลื่อนลงมาข้างล่างอย่างช้า ๆ หลังมองเห็นหน้าอกที่แข็งแรงกำยำ สายตาก็เคลื่อนลงต่ำไปอีก จึงมองเห็นกล้ามท้องที่น่าดึงดูด แม้จะยังอยากมองต่ำลงไปอีกสักหน่อย แต่กลับถูกเสียงอันเดือดดาลสกัดไว้ก่อน…..
“นี่เจ้าดูพอหรือยัง”
ได้ยินเช่นนั้น!
หลานเยาเยา รีบกวาดตามองดูร่างกายของท่านอ๋องอีกสามรอบ ก่อนพูดอย่างเหนียมอายว่า
“พอแล้ว ข้าดูพอแล้ว อ๋องเย่ ท่านวางใจได้ ข้าสาบานว่าข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น”
“ออกไปเดี๋ยวนี้!”
แม้ไม่มอง เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่ยอมลดละของหลานเยาเยา
“ได้ ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงเดินไปยังริมบ่ออย่างรวดเร็ว พอจะก้าวขาขึ้น “ติ๋ง” เลือดหยดหนึ่งหยดลงบนขอบบ่อ
บ้าจริง!
เลือดกำเดาดันไหลลงมาเสียนี่!
เช่นนั้น หลานเยาเยาจึงหมุนตัวกลับก่อนจะย่อตัวลง ใช้มือรองน้ำในบ่อมาล้างจมูกตนเอง พร้อมทั้งล้างหน้าไปด้วยเลย พอจะลุกขึ้น ทันใดนั้นนางรู้สึกถูกปะทะด้วยแรงอาฆาต จึงกระโดดห่างออกมาสามเมตรในบัดดล
“โครม….”
เสียงดังกระหึ่ม เศษหินปลิวว่อน ทันใดนั้น ตำแหน่งที่นางยืนอยู่เมื่อชั่วครู่ปรากฏหลุมขนาดใหญ่
หลานเยาเยาหันศีรษะมองเย่แจ๋หยิ่งที่ทำหน้าเหมือนคนโดนของอยู่ที่กลางบ่อ มิหนำซ้ำสายตาของเขายังดูสงบนิ่งไม่ไหวติงเสียยิ่งกว่าเดิม
บ้าที่สุด!
ในใจของหลานเยาเยารู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา
จากนั้น จึงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
ผู้ใดจะรู้เล่าว่า….
ยังวิ่งไปได้ไม่ถึงสามเมตร เสียงดัง “โป๊ก” ปะทะเข้ากับร่างแกร่งที่ชุ่มน้ำ ไม่ต้องมอง หลานเยาเยาก็รู้ดีว่านางวิ่งชนเย่แจ๋หยิ่งเข้าแล้ว
เพียงแต่ไม่รู้ว่า ร่างกายของเขาเปรียบดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็กดี ๆ นี่เอง พอชนไปทีหนึ่ง อวัยวะภายในทั้งห้าของนางเกือบจะเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมอยู่แล้ว
ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวด นางเงยหน้าสบตากับดวงตาที่สงบนิ่งและแลดูขุ่นมัวของเขา แล้วอดก้าวเท้าถอยหลังไปมิได้
“อ๋องเย่ มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดกันเถิด พระราชธิดาจาวหยางยังคงรอ…..”
ผู้ใดจะทราบเล่า!
ยังไม่ทันกล่าวจบ มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำก็บีบเข้าที่ลำคอของนาง จากนั้นเค้นแรงจนนางไม่อาจแม้แต่จะขยับตัวไปที่ใดได้ จึงก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็ปะทะกับเสาเข้าอย่างจัง
“อ๊ะ…..”
“อ๋องเย่?”
เมื่อรู้สึกว่าลำคอนางถูกบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทีนางคิดว่านางคงจะตายแน่แล้ว แต่กลับพบว่าเขาหยุดมือไว้กะทันหัน
นางมองไปที่เขาในทันที กลับพบว่าเย่แจ๋หยิ่งยิ้มอย่างกระหาย ราวกับว่าได้พบเจอเรื่องที่น่าสนุกอย่างไรอย่างนั้น
“เมื่อแอบมองข้าแล้ว จำต้องชดใช้!”
กล่าวพลางมองใบหน้านางไปด้วย ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปแตะที่หน้าของนาง พูดเสียงเย็นว่า “เมื่อสักครู่ เจ้ามองตรงส่วนนี้ของข้าใช่หรือไม่”
ไม่ทันได้รับคำตอบจากนาง มือก็ค่อย ๆ เคลื่อนลงมาข้างล่างอย่างเชื่องช้า เลื่อนผ่านลำคอถึงกระดูกไหปลาร้า และยังมีท่าทีว่าจะเลื่อนต่ำลงไปอีก…..
ยามนี้!
พอเขาเห็นนางพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง ก็จงใจคลายมือที่บีบลำคอของนางออก ให้นางได้พูด
“คนอันธพาล บ้าตัณหา……”
เสียงดัง “แควก”
หลานเยาเยารู้สึกเย็นวาบที่หน้าอก เสื้อผ้าถูกฉีกทิ้งครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นผ้าปิดหน้าอกสีแดงสดทันใด
ถึงนางจะผอมแห้ง แต่ส่วนที่ควรมีเนื้อหนังนางก็นับว่ามีอยู่ ผ้าปิดหน้าอกชิ้นนั้น แม้จะแหวกไม่ลึกมาก แต่ก็เพียงพอที่จะดึงดูดคนได้จากเนินนูนนั้น
เย่แจ๋หยิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบหันหน้าหลบไปทางอื่น!
“เหตุใดจึงไม่ร้องแล้วเล่า” เขาถามเสียงเย็น
“หากข้าร้องแล้ว ท่านจะยั้งมือหรือ”
นางตระหนักได้แล้วว่า เขาไม่ได้มีความคิดที่จะฆ่านางแต่อย่างใด หากแต่กำลังแกล้งนาง และแก้แค้นนางอยู่ต่างหาก
มองเห็นแววตาที่ใช้มองเหยื่อของเขา ก็รู้แล้วว่าเขาผูกพยาบาทกับนางมากเพียงใด
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
เสียงทุ้มกังวาน
ดังขึ้นมาอย่างเยือกเย็น!
“อ๋องเย่ ข้าผิดไปแล้ว ผู้ใจกว้างอย่างท่านไม่ควรถือสาเรื่องเช่นนี้เลย ปล่อยข้าไปเถิดนะ!”
เมื่ออยู่เบื้องหน้าผู้ที่เก่งกล้าสามารถ แผนการร้ายต่าง ๆ ล้วนไม่เกิดผล ดังนั้น ทำได้เพียงปรับไปตามสถานการณ์แล้ว
“ผิดไปแล้วหรือ เฮอะ!”
“แควก……”
หน้าอกของนางเย็นขึ้นมาอีกวูบ อีกเพียงนิดเดียวหลานเยาเยาก็จะร้องไห้ออกมาแล้ว เสื้อองครักษ์ที่ถูกเขาดึงทึ้งไปสองหนไม่เหลือชิ้นดี ยามนี้เรือนร่างส่วนบนของนางเหลือเพียงผ้าปิดหน้าอกสีแดงสดชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“ผิดไปที่ใดกัน” เขาถามเสียงเย็น
มองดูหลานเยาเยาที่โกรธจัด แต่จำต้องแบกรับไว้อย่างไม่มีทางเลือก ช่างสาแก่ใจดีจริง
เห็นนางไม่พูดไม่จา เขาก็ยื่นมือไปดันสายคล้องผ้าปิดหน้าอกบนไหล่ของนาง…