หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 239 อำพรางช่วยเหลือศัตรู
บทที่ 239 อำพรางช่วยเหลือศัตรู?
นี่คือจังหวะที่ลาภลอยมาจากสวรรค์แล้วจริงๆงั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้
คุณหนู จะต้องเป็นการหลอกล่อพวกเขาแน่ๆ เขาไม่ได้โง่เหมือนจื่อเฟิง ที่โดนหลอกตลอด
“พวกเจ้าอึ้งอะไรกันอยู่? รีบกินสิ! กินเยอะๆหน่อย ไม่คิดเงิน ไม่ต้องใช้ไก่ย่างมาชดเชย หลังจากนี้เมล็ดแตงโมนี่ พวกเจ้ายิ่งกินเยอะ ข้าก็จะให้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเท่านั้น”
ได้ยินดังนั้น!
จื่อซีตกใจจนไม่กล้ารับเมล็ดแตงโมมา
คุณหนูบ้าไปแล้วหรือ?
ทำไมถึงได้มีปัญหากับเมล็ดแตงโมได้?
มองกลับไปที่จื่อเฟิง ในเวลานี้ยังคงเงียบสงบเป็นปกติ รับเมล็ดแตงโมมาก็เริ่มกิน
จื่อซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ตายก็ตายเถอะ!
หากว่าคุณหนูหลอกลวงพวกเขา เขาก็เสียเปรียบเพียงแค่ไก่ย่างตัวหนึ่งเท่านั้น
หากเป็นจริง เช่นนั้นเงินเดือนเขาก็จะต้อง……เพิ่มขึ้นเยอะมากสุดๆ?
เพียงแค่คิดจื่อซีก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุด
ดังนั้น!
เขาจึงคว้าเมล็ดแตงโมขึ้นมาแล้วเริ่มกินอย่างรวดเร็ว
ด้านล่างของตึกการฆ่าฟันกันเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้น มีนักฆ่าเห็นพวกเขาสามคนดูพวกเขาฆ่าฟันกันอย่างสบายใจ จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดโทสะ
คิดจะขึ้นไปฆ่าพวกเขา แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือก็กลับโดนองครักษ์ลับของเย่แจ๋หยิ่งฆ่าตายซะก่อน
จากนั้น!
พวกเขาสามคนที่นั่งด้วยท่าทางของเจ้ายศเจ้าอย่าง ได้ปลุกกระตุ้นให้พวกนักฆ่าเกิดความชัง
พวกเขาทำการลอบสังหารโดยแลกด้วยชีวิต
แต่พวกเขาทั้งสามคนล่ะ?
มองดูดั่งเช่นพวกเขาเป็นลิง พูดคุยหัวเราะกันเป็นครั้งคราว
เจ้าคิดว่าน่าโมโหหรือไม่?
ดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งเจ็ดคนออกมา ขึ้นไปชั้นสองเพื่อฆ่าพวกเขาสามคนโดยเฉพาะ
ใครจะรู้……
สองคนที่อยู่ด้านหน้าสุด ขึ้นไปบนบันไดด้วยความรวดเร็ว เมื่อขึ้นไปได้ครั้งหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไป และแยกเป็นสองส่วนทันที เกิดเป็นดั่งเสาเลือดในพริบตา ทำให้นักฆ่าด้านหลังอีกสี่ห้าคนตกใจ
หลังจากที่มองดูอย่างละเอียด
พวกเขาพบว่า บันไดทางขึ้นชั้นสอง มีด้ายสีเงินบางๆยาวๆกั้นอยู่ ด้ายสีเงินในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยเลือด
และด้ายสีเงินเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงเส้นเดียว
ไม่มีทางจะขึ้นไปทางบันไดได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงคิดจะใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไป
ด้วยเหตุนี้ นักฆ่าสองคนจึงได้ยกฝีเท้าด้วยความเบาทันที ถือดาบพุ่งไปด้านหน้า คิดจะเหาะไปทางหลานเยาเยาเยาพวกเขา
แต่ทว่า!
หลานเยาเยาไม่มีท่าทีจะขยับแม้แต่น้อย แทะเมล็ดแตงโมอยู่ตลอด ราวกับว่าไม่รู้ว่าพวกเขาได้เหาะขึ้นมา
แต่ว่า
เมื่อพวกเขาเหาะมาได้ครึ่งหนึ่ง……
“สวบสวบ……”
อาวุธลับสองชิ้นพุ่งผ่านอากาศไป โจมตีไปที่ระหว่างคิ้วในพริบตา จากนั้นก็ตกลงไป
ขณะที่พวกเขาตกลงไปที่พื้น ก็ไม่หายใจแล้ว
นักฆ่าที่เหลือออีกสามคนตกใจ!
บุกขึ้นไปทางบันไดก็ตาย เหาะขึ้นไปก็กลายเป็นเป้าลูกดอกที่มีชีวิต
ไม่มีทางแล้ว ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงใช้กำลังภายในส่งไปยังดาบ จากนั้นก็ให้ดาบพุ่งโจมตีไปยังทั้งสามคนบนชั้นสองอย่างบ้าระห่ำ
ใครจะรู้……
เพิ่งจะเริ่มดึงกำลังภายใน พวกเขาก็รู้สึกทันทีว่าปากจมูก ตาหูของพวกเขามีของเหลวไหลออกมา ยกมือขึ้นไปลูบ เป็นเลือดสีดำ
พวกเขาโดนยาพิษแล้ว
เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ พวกเขาสามคนก็ล้มลงไป
จนถึงตอนตายพวกเขาก็ไม่รู้ว่าไปโดนยาพิษได้ยังไง……
เห็นนักฆ่าหกเจ็ดคนนั้นตายไปอย่างรวดเร็ว หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะแบะปาก
“ตายเร็วเกินไปแล้ว ไม่สนุก”
เอ๊ะ?
ไม่ถูก!
เช่นนี้ไม่ใช่ว่านางอำพรางช่วยเหลือเย่แจ๋หยิ่งอยู่หรอหรือ?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้านางก็เริ่มครุ่นคิดขึ้นมาทันที ไม่มีกระจิตกระใจจะดูของสนุกแล้ว
เดิมทีเพียงแค่คิดอยากจะดูเรื่องสนุกเท่านั้น คิดไม่ถึง แค่ดูเรื่องสนุกก็สามารถช่วยศัตรูได้ครั้งหนึ่ง สวรรค์จริงๆเลย
ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบลุกขึ้น เดินไปทางห้องของตัวเอง
จื่อซีที่ไม่เข้าใจความเป็นจริง มองดูหลานเยาเยา จากนั้นก็หันไปมองจื่อเฟิง ถามอย่างสงสัย :
“นี่คุณหนูเป็นอะไร?”
ไม่ใช่ว่าดูอยู่ดีดีหรือไง? ทำไมจึงเดินไปอย่างกะทันหัน?
แต่ทว่า!
ที่ตอบเขากลับมาเป็นเพียงเสียงแทะเมล็ดแตงโมของจื่อเฟิง
“นี่ จื่อเฟิง หยุดกินได้แล้ว คุณหนูไม่พอใจแล้ว ยังจะกินอะไรอีก? หากว่าคุณหนูไม่พอใจขึ้นมาจริงๆ เมล็ดแตงโมเมล็ดหนึ่งให้พวกเราชดใช้เป็นไก่ย่างตัวหนึ่งจะทำเช่นไร?”
คราวนี้ จื่อเฟิงหันหน้ามาเหมือนกับหุ่นยนต์
ราวกับว่ากำลังคิดว่าเขากินเมล็ดแตงโมไปเท่าไหร่แล้ว จากนั้นก็เบิกตาโพลง เมล็ดแตงโมที่เพิ่งเข้าปากไปเมล็ดหนึ่งถูกเขาเอาออกมา
“วางใจเถอะ! ยิ่งกินเมล็ดแตงโมเยอะ เงินเดือนก็ยิ่งสูง พวกเจ้าวางใจกินให้ตายไปเลย”
เสียงของหลานเยาเยาดังมาจากทางด้านหลังกะทันหัน
จื่อซีโดนขู่จนตกใจ สันหลังตรงขึ้นมาทันที หน้าผากมีเหงื่อละเอียดๆผุดขึ้นมา
อย่าคิดว่าปกติแล้วคุณหนูมีท่าทีที่เข้าหาง่าย
หากทำให้นางโมโหแล้ว เวลาตายก็ไม่รู้ว่าตายเช่นไร?
ได้ยินดังนั้น!
จื่อเฟิงกลับไปแทะเมล็ดแตงโมอีกครั้ง แต่จื่อซีไม่ได้ผ่านไปได้ด้วยดีเช่นนั้น
พูดกล่าวหาคุณหนูไปในทางไม่ดีตอนลับหลัง แถมยังโดนจับได้คาหนังคาเขา จบกัน เขาต้องโดนทำโทษเป็นแน่แล้ว
เป็นไปดังคาด!
หลานเยาเยาที่กลับมานั่งลงอีกครั้ง เหลือบมองเขาด้วยแววตาที่เย็นชา จากนั้นก็โยนเมล็ดแตงโมให้เขาถุงหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า :
“คืนนี้ต้องกินเมล็ดแตงโมถุงนี้ให้หมด ไม่เช่นนั้น เมล็ดแตงโมถุงนี้มีเท่าไหร่ เจ้าก็ต้องชดใช้ไก่ย่างให้ข้าเท่านั้น”
นี่คือการลงโทษ?
จื่อซีไม่สามารถเชื่อหูของตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย
“ทำไม ไม่ยอมรับ?” นางได้เหลือบมองเขาอีกครั้ง
“ยอมรับ ยอมรับแน่นอนของรับ คุณหนู ท่านช่างใจกว้างมากขอรับ”
จื่อซีทราบซึ้งจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ออก จากนั้นก็แทะเมล็ดแตงโมอย่างเต็มที่
แต่ว่า!
กินไปเรื่อยๆ เขาปากเปราะ อดไม่ได้ที่จะถามไปประโยคหนึ่ง : “คุณหนู ไม่ใช่ว่าท่านไปพักผ่อนแล้วหรือ? ทำไมถึงได้กลับมาอีกขอรับ?”
“เจ้าไม่พอใจ? หืม?”
เมื่อพูดถึงนี่ หลานเยาเยาก็ปวดหัวขึ้นมา
ห้องของนางสามารถกล่าวได้ว่าแย่จนทนดูไม่ได้ กำแพงทางด้านหลังก็โดนยิงพรุนจนเหมือนรังแตน และหน้าต่างด้านหน้ากลายเป็นแม่น
บรรยากาศน่ากลัวขนาดนี้ ยังจะให้นางพักผ่อนบ้าอะไรล่ะ!
“พอใจ พอใจมากขอรับ!” จื่อซีสีหน้ายิ้มเจื่อนๆ
“เพิ่มเมล็ดแตงโมอีกหนึ่งถุง” ให้เจ้าพูดมาก
“……”
จื่อซีทำหน้าตาหัวเราะฮาฮาอย่างฝืนๆทันที
เมล็ดแตงโมหนึ่งถุง เขายังสามารถฝืนกินให้หมดได้ แต่เมล็ดแตงโมสองถุง เขาก็จบเห่แล้ว
ได้
คำพูดที่คุณหนูมักจะบอกเสมอว่าไม่ทำก็ไม่ตาย เขาได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว
ในไม่ช้า นักฆ่าก็ถูกฆ่าอย่างราบคาบ
เลือดไหลนองเหมือนเป็นแม่น้ำในโรงเตี๊ยมหยิงไหล กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแสบจมูก และศพที่ล้มตายนอนกองอยู่ที่พื้น กำลังถูกองครักษ์ลับจัดการสะสาง
เถ้าแก่และพนักงานร้านที่แอบอยู่ตรงชั้นสอง หลังจากไม่ได้ยินเสียงฆ่าฟันกันแล้ว ก็เดินออกมาอย่างสั่นกลัว
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นคนตาย
แต่กลับไม่เคยเห็นการตายที่โหดร้ายทารุณจนทนดูไม่ได้เหมือนครานี้
เหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขามองแวบหนึ่ง ก็ขาอ่อนแล้ว
แต่ว่า!
นอกจากพวกเขา คนอื่นนอกเหนือจากนั้นก็เหมือนกับว่าจะคุ้นชินเป็นเรื่องปกติ จัดการสะสางศพก็จัดการไป ทำความสะอาดรอยเลือดก็ทำความสะอาดรอยเลือดไป นั่งชมก็นั่งชมไป
เพียงแต่……
ที่ทำให้เถ้าแก่ตกตะลึงก็คือ
เพียงแค่ดูก็ไม่เป็นไร คาดไม่ถึงว่าพวกเขายังจะมีความอยากกินอาหารอีก ทั้งหญิงชุดแดงนั้นที่ยิ้มเป็นระยะระยะ เหตุการณ์นั้นสามารถแปลกประหลาดได้มากแค่ไหนก็แปลกได้เท่านั้น
ทันใดนั้น!
หลานเยาเยาลุกขึ้นยืน มองมาด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมเอามากๆ ทำให้เถ้าแก่กลัวจนวิญญาณแทบกระเจิง
“ลูก ลูกค้า มีเรื่องอะไรหรือขอรับ?”
“จัดเตรียมห้องพักชั้นดีให้ข้าใหม่อีกห้องหนึ่ง”
ขณะพูด
หลานเยาเยาได้ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปทางเถ้าแก่ทีละก้าว……
“ได้ได้ได้ ข้าจะรีบไปขอรับ”
เถ้าแก่เดินนำ หลานเยาเยาตามอยู่ด้านหลัง แล้ว
เมื่อเกือบจะถึงมุมโค้ง
นางก็หันกลับไป พูดเบาเบา :
“เอาด้ายเงินออกแล้ว ล้างลูกกรงบันไดด้วยน้ำสะอาด”
บนลูกกรงมียาพิษ นางเป็นผู้ทาเอาไว้
และคนที่ตายเพราะยาพิษก่อนหน้านี้ ก็เพราะโดนลูกกรง จึงทำให้เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดจึงตาย……