หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 308 ภาพชายรูปงามที่อาบน้ำอยู่
บทที่ 308 ภาพชายรูปงามที่อาบน้ำอยู่
ความหนาวอันเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของนางในพริบตา จากนั้นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
เสียง “พั่บ” ดังขึ้น บันทึกประวัติศาสตร์ถูกปิดลง
ทันใดนั้น!
หลานเยาเยาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ร่างกายเย็นวาบไปทั้งตัว ดูตื่นกลัวอย่างรุนแรง
เข็มเงินสี่เล่มที่ส่องประกายปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วทั้งห้า ขณะที่กำลังจะหันหลัง ก็ได้ปล่อยเข็มในมือออกไป พุ่งไปทางต้นตอของเสียง……
“ฟิ้วฟิ้วฟิ้วฟิ้ว……”
ผู้ที่ทำให้ตกใจดูผ่อนคลายสบายใจ พวกเขานั้นอยู่ใกล้กันมาก ด้วยระยะห่างแค่นี้ยังไงก็หลบไม่พ้น
จากนั้น!
ริมฝีปากบางของชายผู้นั้นก็กระตุกขึ้น ถอยกรูดไป หลังจากที่ถอยไปได้ระยะหนึ่ง ร่างก็หายวับ หลบเลี่ยงเข็มเงินทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุที่จู่ๆก็โผล่มา และดันเป็นคนที่หล่อเหลาราวกับทวยเทพอย่างเย่แจ๋หยิ่ง เมื่อหลานเยาเยาเห็นว่าเขาหลบได้ ก็ทำได้แค่ฮึมฮัมออกมาอย่างเย็นชา และนิ่งเฉยไป
จะมาทำอะไรใกล้ซะขนาดนี้ล่ะ?
นางแค่อยากจะให้เขาอยู่ห่างจากนางสักหน่อยก็แค่นั้น ส่วนความหวาดกลัวที่น่าอายนั่น ไว้จะคิดบัญชีทีหลังก็แล้วกัน
“อ๋องเย่ สบายอกสบายใจจริงเชียว” มาถึงที่เพื่อทำให้นางตกใจเลยงั้นรึ?
ชายผู้นี้……
ไม่ใช่ว่าโมโหไปแล้วรึนั่น? หรือว่าเป็นพวกง้อยากอะไรพวกนั้น
“ข้ามาก่อน” เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกห่อเหี่ยวใจเป็นอย่างมาก
เขาหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน ยืนอยู่ตรงชั้นหนังสือข้างๆนางนี่เอง นางเข้ามาอย่างลุกลน รื้อหาหนังสือให้ว่อน ผ่านหน้าผ่านตาเขาไปแล้วตั้งสองรอบ แต่ก็ไม่สังเกตเห็นเขาเลย
เขาไร้ค่าเพียงนั้นเลยรึ?
“เจ้ามาก่อนอย่างนั้นรึ?” เหตุใดนางถึงไม่ทันสังเกตกันนะ?
หลานเยาเยามองเขาอย่างสงสัย ราวกับว่ากำลังชั่งน้ำหนักคำพูดของเขา จะยังไงก็เถอะ “มาก่อนแล้วมันทำไม?”
มาก่อน แล้วจะมาทำให้คนอื่นกลัวก็ได้งั้นรึ?
มาก่อน แล้วมันจะต่างกับนาง ที่ก็แอบเข้ามาเหมือนกันงั้นสิ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น!
เย่แจ๋หยิ่งก็หมดหนทาง
แต่ก็ไม่ได้อยากจะเถียงเรื่องนี้กับนางต่อ จึงทอดสายตาไปที่มือของนาง พลางพูดเรียบๆ
“เจ้าสนใจในต้นปรารถนารักมากเลยรึ?”
“สนใจ? ไม่ได้สนใจสักหน่อย! เหตุใดถึงพูดว่าข้าสนใจกันล่ะห้ะ?
คิดว่าข้าแอบเข้ามาที่นี่เพื่อดูหนังสือเล่มนี้เนี่ยนะ? มันจะไปเป็นความลับอะไรกันล่ะ?
อ่าห้า! ข้าก็แค่รู้สึกว่าพิธีการของงานวัดมันหนักหน่วงไปหน่อย ลำบากเกินไป ก็เลยกะว่าจะมาหาที่เงียบๆอ่านหนังสือ ฝึกจิตฝึกใจสักหน่อย
ก็ไม่คิดว่าจะมาเจออ๋องเย่ ดูท่าแล้ว เจ้าเหมือนจะสนใจหนังสือในมือของข้าล่ะสิ อ่ะ เอาไปสิ”
เมื่อพูดจบ
หลานเยาเยามองหนังสือในมือ แล้วก็โยนมันไปทางเย่แจ๋หยิ่ง ขณะที่เย่แจ๋หยิ่งจะรับไป นางก็ปลีกตัวจากไปแล้ว
หลังรับหนังสือมา
เย่แจ๋หยิ่งก็มองที่ที่นางหายลับไป แล้วก็มองหนังสือในมือ ด้วยสายตาที่จมลงจมลง………
พิธีการของงานวัดมักจะยุ่งยากกว่าปกติ ใช้เวลาคร่าวๆประมาณชั่วยามครึ่ง
เป็นชั่วยาม!
รวมๆแล้วเป็นเวลาตั้งสามชั่วโมง ก็มากพอที่จะทำให้คนอยู่ไม่นิ่งอย่างหลานเยาเยาใจตุ้มๆต่อมๆได้
ตอนนี้งานวัดจบลงแล้ว ผู้คนที่มาร่วมงานวัดจากทั่วทุกสารทิศ ต่างก็กำลังดูการเแสดงต่างๆนาๆในงานวัด จุดธูปขอพรให้โชคดีมีสุขไปจนถึงให้คำมั่นสัญญากันอยู่ใต้ต้นปรารถนา
ทั้งนี้ทั้งนั้น
พื้นที่บนภูเขาที่จัดงานวัดในขณะนี้ ก็แทบจะเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
ที่ที่เงียบที่สุดในตอนนี้ก็เห็นจะเป็นเรือนสี่ประสานที่นางอยู่ เพราะการปะทะกันกับฉินหลิงเจียว ทุกคนจึงได้รู้กันว่านางกำลังอยู่ที่นี่
แม้ว่าระยะห่างจากในห้องมาถึงด้านนอกห้องจะเงียบสงบมาก
แต่สิ่งที่หลานเยาเยาไม่รู้ก็คือ
ที่ทางเข้าเรือนสี่ประสานของนางนี้ได้เนืองแน่นไปด้วยผู้คน ซึ่งเรียงรายกันเต็มไปหมด ทุกคนมองไปที่ประตูห้องของนางอย่างใจจดใจจ่อ
เทพธิดา!
เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องอยากเห็นเทพธิดาผู้เป็นที่กล่าวขาน ด้วยตาของตัวเองว่าเป็นเช่นไรบ้าง?
และแน่นอน!
นอกจากเรื่องที่นางเป็นเทพธิดาแล้ว ก็มีเรื่องตำนานความงดงามของนาง ได้ยินมาว่ามีเสน่ห์น่าหลงใหล งดงามดุจดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ซึ่งพวกเขาต่างก็เลื่อมใสศรัทธากันมาเนิ่นนาน
ส่วนหลานเยาเยาอยู่ในห้องโดยไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย
นางได้นอนอืดอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีโต๊ะเตี้ยอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะเตี้ยนั้นก็มีโต๊ะอาหารวางซ้อนอยู่
นางแทะเมล็ดแตงโมไป ฮัมเพลงไป อีกทั้งยังเคาะขาที่ไขว้อยู่ ดูสบายอกสบายใจเป็นอย่างมาก
นางไม่อยากจะออกไปไหน
นางไม่อยากจะลงจากเตียง
พื้นที่ที่อยู่นอกเตียงนั้นห่างไกลไปหมด
ที่สำคัญเลยก็คือ มีคนมางานวัดเยอะเกินไป วัดที่กว้างขวางบนภูเขาลูกใหญ่ลูกนี้แออัดไปด้วยฝูงชนที่พลุกพล่านปานนี้เนี้ยนะ?
นางสืบอะไรไม่ได้สักอย่าง รอพลบค่ำให้คนน้อยลงหน่อย ค่อยลงมือก็แล้วกัน!
ในที่สุดช่วงค่ำก็มาถึงสักที หลานเยาเยาที่กินจนพุงกางก็กะว่าจะออกไปข้างนอกแล้ว
“อั่ยย๊า……”
เมื่อเปิดประตู ฝูงชนที่นั่งหมอบกันอยู่ไม่ไกลนักก็พากันกลั้นหายใจในทันที
หลานเยาเยาที่กำลังจะก้าวเท้าออกประตูก็พบกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เมื่อนางหรี่ตามองไปที่ใกล้ๆนั้น
ก็ตกตะลึงไปในทันที………
กลุ่มของชายหนุ่มกลุ่มหนึ่ง ที่นั่งอยู่บ้าง หมอบบ้าง ยืนบ้าง และห้อยอยู่บ้าง……
เอ่อ……
ไอ่การห้อยที่ว่านี้ คือห้อยกลับหัวอยู่บนต้นไม้แบบค้างคาวอ่ะนะ
และพวกเขาก็กำลังมองมาที่นางกันเป็นตาเดียว แววตาของทุกคนเป็นประกาย บางคนก็ตกตะลึง ถึงขั้นน้ำลายไหลเลยก็มี
“……”
นางไปทำชั่วอะไรไว้ละเนี่ย?
ดังนั้น!
“ปัง……” ประตูห้องถูกปิดลง
จากนั้น หน้าต่างด้านหลังเรือนสี่ประสานที่ค่อยๆแง้มออกส่งเสียงดัง “แอ๊ด” ขาของนางยังไม่ทันได้ก้าวข้ามหน้าต่างมา ก็ได้เห็นสายตาเรียงรายด้วยความปรารถนาอันแรงกล้ามองมาที่นาง
แม่เจ้า!
พวกเอ็งบ้ากันไปแล้วรึไงเนี่ย?
กลุ่มคนด้านหลังแออัดติดกันแน่นเอี๊ยด เยอะกว่าคนที่อัดแน่นกันอยู่ด้านหน้าเสียอีก นางปิดหน้าต่างลงด้วยความทุกข์ใจ
“จื่อซี,พวกเขามาอยู่ที่นี่กันนานแค่ไหนแล้ว?”
“มาตั้งแต่พิธีงานวัดเสร็จแล้วขอรับ” เสียงดังมาจากทางคานไม้
“ปลื้มปริ่มจริงๆ!”
ตอนนี้มันก็มืดค่ำมากแล้ว ยังจะนั่งกันอยู่อีก ดูท่าทางของพวกเขาเมื่อครู่แล้ว………น่าจะเป็นพวกรอจนรุ่งสางก็ไม่หวั่นแน่ๆ
ดังนั้น!
เมื่อนางหัวเราะฮิฮิ สายตาเจ้าเล่ห์ก็ฉายแววออกมา
“จื่อซี เข้ามา อยู่ๆคุณหนูก็คิดถึงเจ้าขึ้นมาเลยล่ะ”
ครู่ต่อมา!
ใบหน้าอย่างกับคนท้องผูกของจื่อซีมองตัวเองที่สวมชุดของเทพธิดา แล้วก็อยากจะร่ำไห้จริงๆ
เอาอีกแล้ว
นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่โดนสั่งให้ใส่ชุดผู้หญิง?
“คุณหนู ท่านพาข้ามาในครั้งนี้ หากข้าไม่ได้คอยปกป้องท่าน แล้วท่านเกิดเป็นอันตรายขึ้นมาจะทำเช่นไรขอรับ?”
อันที่จริง!
สิ่งที่จื่อซีอยากจะพูดที่สุดก็คือ ทำไมคนที่ต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงต้องเป็นเขาทุกครั้งเลย?
หลานเยาเยาที่อ่านใจเขาออกตั้งแต่แรก ก็ตบไหล่เขาเบาๆ เหมือนกับว่าข้าเข้าใจเจ้านะ “ไม่ต้องห่วง คราวหน้าจะให้จื่อเฟิงมาทำเรื่องพวกนี้”
“……” เขาจะเชื่อคำของนางได้ไหมเนี่ย?
ประโยคนี้ของเทพธิดา ที่เขาได้ยินทำเอาหูผึ่งขึ้นมา
ต่อให้ถึงตอนที่คุณหนูให้จื่อเฟิงมาใส่ชุดผู้หญิงจริงๆ แต่ด้วย“ศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ”ของจื่อเฟิง สุดท้ายก็เขาไม่ใช่รึที่จะต้องใส่ชุดผู้หญิงน่ะ?
ฮึกฮึกฮึก……
อาภัพสุดๆเลย!
โชคดีที่พระราชธิดาจาวหยางไม่ได้มางานวัดด้วย ถ้าเกิดนางเห็นเข้าละก็ ต้องหัวเราะจนฟันร่วงเป็นแน่
เอ๊ะ?
อยู่ๆก็นึกขึ้นมาเฉย
จื่อซีตีๆๆหน้าผากของตัวเอง พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
คิดอะไรเนี่ย!
ทันใดนั้น!
จื่อซีที่สวมชุดของเทพธิดา พกผ้าเช็ดออกจากประตูมา จากนั้นก็ทำเหมือนผ่อนคลาย เดินมาที่ที่คึกคักมากที่สุดของงานวัดในยามค่ำคืน
เมื่อเห็นเทพธิดาเดินจากไปไกล ชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ก็ตามมาเงียบๆ
จื่อซีดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศเมื่อได้เดินผ่านมา
หลานเยาเยาก็อุ่นใจจึงได้ออกมาทางหน้าต่างด้านหลัง
ขณะนี้ยังไม่ดึกมากนัก นางจึงจะไม่ไปในที่ที่คนพลุกพล่าน และจะไปทางหลังเขา ที่ได้ยินมาว่ามันมีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ
นางจึงจะไปดูสักหน่อย
แต่ไม่คิดเลยว่า นางจะได้เห็นฉากควันคละคลุ้ง——เป็นภาพชายรูปงามที่กำลังอาบน้ำ