หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 309 อารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
บทที่ 309 อารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
บ่อน้ำพุร้อนตั้งอยู่ในเขตป่าไผ่บนภูเขาด้านหลังวัด
แสงจันทร์ยามค่ำคืนส่องกระทบป่าไผ่อันเขียวชอุ่ม ทิ้งรอยจันทราระเรื่ออยู่บนพื้นผิว รวมทั้งมีหมอกหนาวอันบางเบาครอบคลุมอยู่ทั่วผืนป่า ดุจดั่งโลกมายาในจินตนาการ
หลานเยาเยาอยู่ท่ามกลางป่าไผ่ ยืนอยู่สุดเดินอันเงียบสงบ โดยที่ตรงหน้าของนางเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีควันพวยพุ่ง มีชายคนหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนนั้น
เห็นแค่เพียงแผ่นหลังของเขา……
แต่ ถึงจะเป็นแค่แผ่นหลัง นั่นก็เป็นการมีอยู่ที่หล่อเหลาเปล่งปลั่งทำเอาคนน้ำลายสอได้เลยทีเดียว
แม่เจ้าโว้ย!
“จิ๊กจิ๊กจิ๊ก·····” นางอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา
รูปร่างแบบนี้
จะไม่ดูก็เสียดาย ดูแล้วก็ไม่ได้เสียอะไร งั้นใครล่ะจะไม่ดู?
ดังนั้น!
หลานเยาเยากำลังกะจะหมอบลง ว่าจะเท้าคางดูให้เพลินตาสักหน่อย ไม่ทันได้คิดว่าจะเป็นการขัดจังหวะชายในบ่อน้ำพุร้อน
“ผู้ใด?”
เสียงอันเย็นยะเยือก เสียดแทงแก้วหูของนางดั่งน้ำแข็ง
ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะตื่นกลัว ผมสยายออกจากมือในพริบตา
เสียงนี้มัน······
เป็นเขา!
แม่เจ้า จบแล้ว เอาตัวรอดก่อนล่ะกัน
แต่ มันสายไปเสียแล้ว เพราะเมื่อนางหันหลังกลับมา ดาบยาวที่ส่องประกายก็ได้จ่ออกของนางแล้ว
“······ข้า ข้าเอง”
หลานเยาเยามองเย่แจ๋หยิ่งที่ถือดาบจ่อนางอย่างหดหู่
เหตุใดเขาถึงได้อยู่ไปทุกที่เลยเนี่ย?
แต่ว่า ไอ่หดหู่น่ะมันก็หดหู่ แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องดีมิใช่รึ?
อย่างเช่น นางได้ชื่นชมรูปร่างอันไร้ที่ติของเขาเต็มๆตาและบริสุทธิ์ใจ ไหนๆก็คิดมาถึงขนาดนี้แล้วก็ทำเลยแล้วกัน
จากนั้น สายตาของนางก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนจากใบหน้า มายังเรือนร่างของเขา
มองเห็นแผ่นอกที่ขาวผ่องอันชุ่มฉ่ำของเขา หยดน้ำบนแผ่นอกปะปนกัน มันค่อยๆไหลลงสู่ส่วนที่น่ากินที่สุดอย่างกล้ามหน้าท้องนั้น
แต่หยดน้ำก็เหมือนจะรู้นิสัยใจคอของนาง มันไหลตามกล้ามมัดหน้าท้องอย่างอ้อยอิ่ง ซึมเข้าเสื้อคลุมไปยังที่ที่ถูกบดบัง
อื้ม พระเจ้า!
ไม่ไหวแล้วโว้ย
หลานเยาเยารีบกุมจมูกของตนในทันที แม้ว่าดวงตาจะไม่เอาด้วยก็ตาม แต่ก็ยังหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แอบกลืนน้ำลายอย่างระมัดระวัง
“อะฮื้ม····”
“······” เมื่อเขาได้ยิน
ก็รู้ว่าเป็นนาง หลังได้เห็นปฏิกิริยาของนาง เย่แจ๋หยิ่งก็ยิ้มออกมาในทันที
จากนั้น ก็โยนดาบยาว ร่างแว๊บหายไป เมื่อมาโอบเอวนางจากด้านหลัง ก็อุ้มนางตรงไปกลางบ่อน้ำพุร้อน
“เจ้า เจ้าจะทำสิ่งใด?ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
หลานเยาเยาตกอกตกใจ หลังได้สติ ตัวก็มาอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนแล้ว นางอยากจะออกจากอ้อมแขนของเย่แจ๋หยิ่ง แต่ทำยังไงก็ออกไม่ได้
นางรู้สึกเพียงแต่แผ่นหลังของตัวเองที่แนบอยู่กับร่างของเย่แจ๋หยิ่ง แม้ว่ายังมีเสื้อผ้ากั้น แต่ทุกสัมผัสนั้นเร่าร้อนไปหมด
“เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อแช่น้ำแร่หรอกรึ? หืม?”
เย่แจ๋หยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้หูของนาง
“ไม่ใช่!”
แน่นอนว่าไม่ใช่ นางแค่จะมาดูบ่อน้ำพุร้อนหาความสงบก็เท่านั้น
“งั้นก็มาดูข้าอาบน้ำล่ะสิ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น!
นางก็ยกมุมปาก โต้กลับในทันที: “นั่นยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่! ข้า……ข้าแค่มาหาที่สงบๆเฉยๆ จะไปรู้ได้ไงว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่”
หากว่านางรู้ละก็ นางขอนอนอืดอยู่บนเตียงจนตีหนึ่งตีสองแล้วค่อยออกมาอีกทีเสียดีกว่า
“พูดเช่นนี้หมายความว่าข้าเข้าใจผิดไปงั้นรึ?” แววตาของเย่แจ๋หยิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นางฮึมฮัมอย่างเยือกเย็น พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “ไม่งั้นจะทำไม? จะยังไม่ปล่อยข้างั้นรึ?”
“ก็ได้!”
ในเมื่อพูดเช่นนั้น
แต่ หลังจากนั้นไม่นานนัก
หลานเยาเยาก็มองมือของเย่แจ๋หยิ่งที่ยังคงโอบเอวนางไว้ เขาไม่ได้ขยับเลยแม้แต่ก้าวเดียว พูดไม่ออกอย่างช่วยไม่ได้
“เจ้าก็ปล่อยเส้!”
“ข้าปล่อยแล้ว เจ้านั่นแหล่ะที่ไม่ยอมออก ข้าก็เลยนึกว่าเจ้าเปลี่ยนใจน่ะสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น!
หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง อดทนอดกลั้น ข่มตัวเองไม่ให้ระเบิดออกมา
จากนั้นก็รีบลืมตา แววตาอันงดงามมีความโกรธอยู่บ้าง แต่ก็เจ้าเล่ห์ขึ้นมาก
ได้!
ไม่ปล่อยใช่ไหม?
นางมีทางออก
จากนั้นก็กระทุ้งศอกไปข้างหลัง ด้วยความระมัดระวังของเย่แจ๋หยิ่ง ยังไงข้อศอกนี้ก็จะไม่โดนเขา มากสุดก็แค่ทำให้เขาหลบมัน
แต่ไม่นึกเลยว่า······
ข้อศอกจะกระทบเข้ากับแผ่นอกของเขาอย่างจัง
แล้วก็ได้ยินเสียงฮึมฮัม
เขาไม่หลบงั้นรึ?
แม้ว่าจะไม่เข้าใจ แต่หลานเยาเยาก็รีบผละออกมา จากนั้นก็หันหลังมา ยิ้มบางๆมองที่เย่แจ๋หยิ่ง
แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าของเขา รอยยิ้มบนหน้าก็เลือนลับไป แววตาแห่งความโกรธกลายเป็นสงสัยแทน
เพราะในตอนนี้ เย่แจ๋หยิ่งกำลังกุมหัวใจ ขมวดคิ้ว ราวกับว่าเจ็บปวดมากเหลือเกิน
“ข้าไม่ได้ใช้พลังเลยนะ!”
ถึงแม้จะใช้พลังไปนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงมากขนาดนั้น ก็ไม่น่าจะทำให้คนที่แข็งแกร่งอย่างเขาเจ็บปวดถึงเพียงนี้หรอกกระมัง?
เขากำลังใช้กลยุทธ์ทุกข์กายงั้นรึ?
ใช้กลยุทธ์ทุกข์กายแน่ๆ!
ทว่า!
เมื่อได้เห็นสีหน้าที่ค่อยๆซีดลงของเย่แจ๋หยิ่ง ใจของนางก็ตกลงไปอยู่ตาตุ่มอย่างช่วยไม่ได้ ยังไม่ทันได้พูดสิ่งใด ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งเขาจมลงน้ำไป
ขณะนี้
หลานเยาเยาทำอะไรไม่ถูก ตื่นตระหนกเกินบรรยาย
“นี่ เย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่ง อย่ามาทำเป็นเล่นนะ·····”
เมื่อเห็นว่าไร้การตอบสนอง นางก็ขมวดคิ้ว รีบดำน้ำลงไปในทันที
น้ำในบ่อน้ำพุร้อนใสมาก แต่เพราะเป็นตอนกลางคืน จึงมองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างยากเย็น นางหาเย่แจ๋หยิ่งไม่พบ
เมื่อนางจะหายใจไม่ออก ก็โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ
แล้วรีบมองไปรอบๆในทันที ซึ่งก็ไม่เห็นเย่แจ๋หยิ่งที่โผล่ขึ้นมา หรือผิวน้ำที่เคลื่อนไหวเลยแต่อย่างใด
เช่นนั้น นางจึงดำน้ำลงไปหาเขาอีกครั้ง เมื่อจะหายใจไม่ออกนางก็จะโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ทำเช่นนี้อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าออกมาสิ เจ้าออกมาเร็วเข้า……”
ขณะที่นางขึ้นมาบนผิวน้ำอีกครั้ง คนทั้งคนก็ดูเป็นกังวลไปหมด
คนตัวใหญ่ทั้งคน จะหายไปได้อย่างไรกัน?
“เย่แจ๋หยิ่ง ไอ้คนเลวคนนี้นี่ ถึงจะตายไปแล้ว ก็ต้องส่งเสียงให้ข้ารับรู้ ได้ยินไหมห้ะ?”
ทันใดนั้น!
“ซ่า……”
เหมือนว่าจะมีคนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ และเสียงก็อยู่แค่ด้านหลังนางนี้เอง
ดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงรีบหันหลังไป พริบตาเดียวก็เห็นเป็นเย่แจ๋หยิ่ง
ผมเผ้าที่เปียกปอน ใบหน้าที่ซีดเซียว และอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในดวงตาของเขา………
“เจ้าไปที่แห่งใดมา?” นางถามเขา
อย่างไรก็ตาม ในใจก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพียงแต่ว่า……
เหตุใดนางหาเขาอยู่ตั้งนานสองนานถึงไม่เจอ?
เหตุใดเพลานี้ถึงได้มาโผล่อยู่ข้างหลังนาง? ที่ที่เขาอยู่ในขณะนี้ นางก็จำได้ว่านางเคยลงไปหาแล้ว
แต่ ข้อสงสัยของนางก็ไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้
เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้ตอบคำถามนาง แต่พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้า มองตาของนางอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ถือวิสาสะกุมใบหน้าของนาง แล้วจุมพิตลงบนริมฝีปากแดงที่ชุ่มฉ่ำของนางอย่างไม่บอกกล่าว
อื้ม……
จุมพิตที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้นางมึนงงไปในทันใด
ราวกับสติที่ล่องลอยหายไป ทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ไม่เคยวาดฝัน
เย่แจ๋หยิ่งที่เหมือนจะกลัวการปฏิเสธของนาง จึงเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลังศีรษะของนาง ส่วนมืออีกข้างก็เลื่อนลงไปบนเอวบาง เพื่อโอบนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น
ริมฝีปากที่เย็นช่ำ………
สัมผัสที่เหมือนดั่งไฟฟ้าสถิต……
ความทรงจำมากมายที่ท่วมท้น ทิ่มแทงหัวใจของนางอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า……
หลานเยาเยาที่เริ่มได้สติขึ้นมา ก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ
เย่แจ๋หยิ่งที่เหมือนจะคาดการณ์ไว้แล้ว จึงพาร่างทั้งสองดำดิ่งลงใต้น้ำไปด้วยกัน