หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 32 คุกมืดใต้ดิน
บทที่32 คุกมืดใต้ดิน
เมื่อเห็นใบหน้าด้านหน้าของคนผู้นั้น ดวงตาของหลานเยาเยาก็เข้มขึ้นมา
คนผู้นี้หากไม่ใช่หลานเฉินมู๋แล้วยังจะเป็นใครได้อีก?
เฮอะ!
ย่ำรองเท้าจนเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลา เดิมนางคิดอยู่ว่าคงต้องเสียเวลาไปหา คิดไม่ถึงเลยว่ากลับมาเจอเข้าที่นี่
มองดูใบหน้าของเขาที่มืดสนิทและลึกล้ำ ไม่ได้ดูน่าเกลียดเช่นปกติ ซ้ำยังแฝงด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด บวกกับร่างกายของเขาที่มีรอยเลือดหยดอยู่ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเอ่ยได้ว่า หลานเฉินมู๋ถูกสิ่งนั้นหรือคนที่อยู่ด้านล่างทำให้อารมณ์เสียเข้าแล้ว
เขาเช็ดเลือดที่อยู่บนมืออย่างไม่หยุด ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและความเกลียดชัง
หลังจากเดินเข้าไปในทุ่งหญ้า เขาเหลือบมองไปที่ทางเข้า และส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะเหยียบลงบนร่องตรงขอบทางเข้า
ทันใดนั้น!
“ครืด… ”
รอยแตกที่ปากทางเข้าเริ่มหดตัวเข้าหากัน ทุ่งหญ้าค่อยๆลาดเอียงขึ้นมาอย่างช้าๆ จนในที่สุดก็กลับคืนสู่รูปร่างหน้าตาเดิมราวกับว่าเดิมทีมันไม่เคยมีทางเข้าอยู่
รอจนกระทั่ง หลานเฉินมู๋เดินจากไปไกลแล้ว หลานเยาเยาจึงค่อยออกมาจากด้านหลังต้นไม้โบราณ และรีบเข้าไปดูตรงทางเข้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจึงเหยียบลงไปในที่ที่ หลานเฉินมู๋ย่ำลงไปก่อนหน้า!
“ครืด… ”
ทันใดนั้นทุ่งหญ้าอันราบเรียบก็ถูกแยกออกเป็นช่องว่าง และปรากฏเป็นบันไดเพื่อก้าวลงไปสู่พื้นดินด้านล่าง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงดังก้องจึงหยุดลง เมื่อมองไปที่ทางเข้าที่ทั้งลึกและมืดดู ในใจของหลานเยาเยาก็ไม่ได้ตื่นเต้นอีกต่อไป แต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยความเย็นเยือก
เมื่อครู่นางที่เห็นคราบเลือดบนตัวหลานเฉินมู๋ นางก็รู้แล้วว่าไม่มีสมบัติอยู่ แต่มันกลับมีคนถูกหลานเฉินมู๋ขังเอาไว้ที่นี่อีกด้วย ทั้งยังถูกกักเอาไว้เป็นมาเวลาหลายปีอีกด้วย
มิฉะนั้นคงจะไม่มีตำนานที่น่ากลัวเช่นนั้นหลุดออกมา…
นางค่อนข้างแน่ใจว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวไว้ข้างในนั้นจะต้องสำคัญมากสำหรับ หลานเฉินมู๋ และมันอาจเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา!
เท้าที่ยกขึ้นของหลานเยาเยา ลังเลที่จะเดินเข้าไป จนในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา
นางพ่ายแพ้ให้กับความอยากรู้อยากเห็นภายในใจของตนเอง!
–
หลังจากเข้าประตูไป เสียงดังก้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นทางเข้าก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ ในที่สุดหลานเยาเยาก็ตกอยู่ภายใต้ความมืดมิด ที่นี่ทั้งเย็นและชื้น กลิ่นของโคลนอันคละคลุ้งตีเข้ามาในจมูกของนางอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเพียงแค่สามวินาที
“ฟิ้ว……”
ตะเกียงน้ำมันสองดวงตรงกำแพงหินด้านหน้าส่องสว่างขึ้น จากนั้นจึงตามด้วยตะเกียงน้ำมันบนกำแพงหินดวงอื่นๆที่ค่อยๆส่องสว่างขึ้นมา หลังจากผ่านเส้นทางคดเคี้ยวมาหลายสิบเมตร ตะเกียงน้ำมันก็ขยายออกไปจนถึงจุดสิ้นสุด
ตะเกียงน้ำมันเดิมทีก็ไม่ได้สว่างมากนักอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีตะเกียงน้ำมันจำนวนมาก แต่ทางเดินก็ยังคงมืดสลัวอยู่เช่นเดิม อีกทั้งทำให้คนรู้สึกอึดอัดเศร้าหมองอีกด้วย
หลานเยาเยาเดินมาจนกระทั่งถึงมุมมุมหนึ่ง นางมองเห็นเส้นทางอีกเส้นที่มืดสลัวไม่ต่างจากก่อนหน้า นัยน์ตาจึงหรี่แคบลง
เส้นทางเดิมด้านหน้าของนางนี้ยาวอย่างยิ่ง บนพื้นมีรอยดินชื้นอยู่บ้าง และส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา ดูเหมือนว่ามันจะเป็นกลิ่นอับของกิ่งไม้ใบไม้ที่เน่าเปื่อยมานาน ผสมกับกลิ่นของสนิม
เฮ้อ……
หลานเยาเยาคิดไม่ถึงว่านี่กลับเป็นม่านหมอกพิษอีกแล้ว รวมถึงยังมีกับดักกลไกอยู่ด้วย ในที่สุด
อุตส่าห์เดินมาจนกระทั่งถึงตรงนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ามันกลับเป็นเส้นทางลับอันเน่าเฟะแทบจะระเบิดเส้นหนึ่ง
นี่มันออกจะดูเล่นใหญ่มากเกินความจำเป็นไปหรือเปล่า!
ทีแรกนางคิดว่าเส้นทางเดินอันทอดยาวไกลแสนไกลเส้นนี้คงจะมีกลไกลับอะไรซ่อนอยู่ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า เดินมาจนกระทั่งสุดทางแล้วเช่นนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาไม่ได้
แถมในตอนนี้สิ่งที่เห็นในสายตาของนางก็คือประตูหินสีขาวทึบหนาราวกับเหล็กกล้า หลังจากที่นางทำค้นหารอบด้านประตูเป็นเวลาชั่วขณะ ก็ยังคงหากลไกของมันไม่พบ
สุดท้าย เมื่อมองเห็นตะเกียงน้ำมันที่กะพริบหรี่ไปมาอย่างไม่มั่นคง ในใจนางจึงรู้สึกสงสัยขึ้นมา ก่อนจะเป็นว่าด้านข้างมีรอยบากจางๆอยู่ ทันนั้นในใจก็กระจ่างขึ้นมา
ว่าแล้วเชียว!
นางค่อยๆเขย่งปลายเท้าขึ้นเบาๆ และดึงเสาเหล็กที่รองรับตะเกียงน้ำมันให้เลื่อนออกไปด้านข้าง ทันใดนั้นประตูหินก็ถูกเปิดออก
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านางก็คือคุกใต้ดินอันมืดมิดดู อากาศภายในนั้นดูหนาแน่นราวกับว่ากำลังจะสามารถควบแน่นลงมาเป็นหยดน้ำได้ ท่ามกลางความมืดสนิทไร้ขอบเขตนั้นมีกลิ่นเหม็นเน่าของซากศพอย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีกลิ่นของเลือดลอยผสมมาเป็นครั้งคราว!
บุคคลที่ถูกหลานเฉินมู๋กักขังเอาไว้อยู่ที่นี่แล้ว…
หลานเยาเยาก้าวเท้าเข้าไป ยิ่งนางเดินเข้าไปก็ยิ่งรู้สึกถึงความแปลกประหลาด อีกทั้งยังทำให้คนขนลุกมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่ามันจะเป็นคุกใต้ดิน แต่ภายในคุกใต้ดินแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายห้องและทุกห้องล้วนมีกระดูกอยู่ภายในนั้น
ทันใดนั้น!
“แค่กแค่กแค่ก… ”
เสียงไออันอ่อนแรงดังมาจากห้องขังที่อยู่ด้านในสุด น้ำเสียงนั้นค่อนข้างมีอายุอยู่บ้างอีกทั้งยังอยู่ห่างออกไป
เมื่อได้ยินเสียงเข้า หลานเยาเยาก็รีบเร่งฝีเท้าขึ้น จนในไม่ช้าก็มาถึงห้องขังด้านในสุด
ห้องขังห้องนี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดอีกทั้งยังสะอาดที่สุดอีกด้วย
ชายชราที่มีผมขาวผู้หนึ่งถูกโซ่เหล็กที่ทั้งหนาและใหญ่สองเส้นผูกติดเอาไว้กับที่ข้อมือ เท้าเปลือยเปล่าทั้งสองยืนอยู่บนพื้นที่ปกคลุมด้วยหญ้าฟาง เสื้อผ้าของเขามีรอยเปื้อนเลือดที่ทั้งเก่าและใหม่ไม่เท่ากัน
เพียงแต่ ตอนนี้มีเลือดสดๆกำลังเจิ่งนองขึ้นมาเป็นวงขนาดใหญ่ ในเวลานี้เขาไอต่ำๆอย่างอ่อนแรง ราวกับว่ากำลังเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ชายชราผมก็เงยหน้าขึ้นอย่างอ่อนแรง…
“เจ้าคือใคร?”
ดวงตาของชายชราปรากฏแววตาประหลาดใจขึ้นมาวาบหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นลึกเข้มขึ้นมา
“ท่านต่างหากที่เป็นใคร? เหตุใดจึงถูกขังเอาไว้ที่นี่?” หลานเยาเยาเบะปาก ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อก็เดินมายังที่ด้านหน้าประตูห้องขัง ก่อนจะหยิบยาน้ำถุงหนึ่งออกมาและเทมันลงไปที่แม่กุญแจเหล็ก
“ซ่าซ่าซ่า … ”
มองเห็นเป็นแม่กุญแจเหล็กถูกละลายลงทีละนิดด้วยตาเปล่า
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลานเยาเยาจึงค่อยๆดึงมันออก และผลักประตูคุกให้เปิดออก
นางหยิบปลายอีกด้านหนึ่งของแม่กุญแจเหล็กที่ยังไม่ละลายและใช้มือถือมันเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายชราผมขาวทีละก้าวๆและพูดอย่างโอ้อวด:
“เห็นหรือไม่ เป็นข้าที่ช่วยท่าน หรือท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว?”
พูดไปนางก็จับลงบนชีพจรบนข้อมือของชายชราผมขาวไปด้วย ดวงตาปรากฏประกายของความประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนที่คิ้วของนางจะขมวดเข้าหากัน
“ร่างกายของท่าน…”
“เจ้าต้องการอะไร?”
นางยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่อ่อนแรงของชายชราผมขาว
ดวงตาของหลานเยาเยาสว่างไสวขึ้นมาทันที!
ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง!
อารมณ์นางดียิ่ง หลานเฉินมู๋เป็นถึงแม่ทัพ การที่เขาถึงกับต้องเก็บชายชราผมขาวไว้ในที่ลึกลับเช่นนี้ ตัวตนของชายชราผมขาวผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ในเมื่อไม่ธรรมดา เช่นนี้ก็จะต้องมีพื้นเพอยู่บ้าง
คิดถึงตรงนี้นางก็หัวเราะคิกคักและเอ่ย
“ข้าเป็นคนพูดง่ายสบายๆอย่างยิ่ง ให้เงินข้าก็พอแล้ว รับรองว่าข้าจะช่วยพาท่านออกไป หลังจากนั้นท่านจ่ายค่ารักษาให้ค่าเพิ่มอีกสักนิด ข้ารับรองว่าข้าจะรักษาท่านให้หายได้แน่นอน”
“แม่นางน้อย ผู้เฒ่าอย่างข้าถูกขังมาอยู่นานหลายปี สิ้นเนื้อประดาตัวไปตั้งนานแล้ว”ดวงตาของชายผมขาวหรี่ลงเล็กน้อยและจ้องมองดูหลานเยาเยา ในใจเต็มไปด้วยข้อสงสัย
แม่นางน้อยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้อายุไม่เกิน 16 ปี ท่าทางไม่ได้เพียบพร้อมอะไร แต่กลับเป็นทั้งเรื่องยาพิษและการรักษา
แต่ว่า เขาในตอนนี้ดูเหมือนคนรวยงั้นหรือ?
“ข้ารู้ว่าท่านไม่มีเงินติดตัว” ถูกขังไว้นานหลายปีเช่นนี้ สิ่งของทุกอย่างบนร่างของเขาคงถูกค้นไปหมดแล้ว
แต่ว่า!
บนตัวไม่มี ไม่ได้แปลว่าที่บ้านจะไม่มีนี่?
“บ้านของท่านก็ต้องมีอยู่บ้างแหละหน่า?”
“ถูกยึดไปตั้งแต่สิบปีที่แล้ว!”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ดวงตาของชายชราผมขาวก็ปรากฏประกายความเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยวขึ้นมาวาบหนึ่ง
เอ่อ ……
เห็นทีจะถูกริบไปหมดแล้วจริงๆ
นางยังคงไม่ละความพยายาม หลังจากคิดไปมาแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“แล้วมีพวกเงินที่แอบฝังเอาไว้ลับๆบ้างไหม?”
เมื่อเห็นเขาส่ายศีรษะ หลานเยาเยาก็รู้สึกผิดหวังอย่างสมบูรณ์
“เฮ้อ เอาตะกร้าไม้ไผ่มาตักน้ำอีกแล้ว! สูญเปล่า”
พูดไป นางก็หยิบยาละลายเหล็กขึ้นมาและเทมันลงไปที่ห่วงโซ่เหล็กที่ผูกติดกับชายชราผมขาวเอาไว้..