หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 346 รูปลักษณ์ที่งดงามของนักแสดงชาย
บทที่ 346 รูปลักษณ์ที่งดงามของนักแสดงชาย
“ในตัวคดีเอง หลินเฟยหรันไม่เป็นวรยุทธ์ อย่างนั้นทำไมนางถึงเข้าไปยังห้องปีกข้างที่ฉินหลิงเจียวอยู่ในตอนนั้นได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ทำให้สาวใช้ตกตะลึง ภายใต้การตรวจค้นอย่างเข้มงวดขององครักษ์วังหลวงและองครักษ์เมืองหลวงเจ้าคิดว่านางทำสำเร็จได้อย่างไร”
เว้นแต่นางจะมีผู้ช่วย หรือบุคคลนั้นไม่ใช่นางเลยตั้งแต่ต้น
ไม่อย่างนั้นละก็ เป็นไปไม่ได้ที่หลินเฟยหรันจะทำอย่างนั้นได้
เย่หลีเฉินขมวดคิ้วแน่น “อย่างนั้นทำไมนางถึงนำโทษทั้งหมดมารวมกัน”
“อย่างนั้นคงจะต้องถามนางแล้วล่ะ” หลานเยาเยางอริมฝีปาก ดวงตาก็เปล่งประกายที่มีความหมายลึกซึ้ง
……
ในคุกกรมอาญา
ทั้งสี่ด้านล้วนเป็นกำแพงสูง ผนังกำแพงได้เปียกฝนเป็นเวลานาหลายปี และทำให้ไม่น่ามอง มีบางแห่งเกิดตะไคร่น้ำขึ้น
ที่ประตูเรือนจำ มีผู้คุมจำนวนแปดคนยืนเฝ้าประตูเรือนจำอยู่ แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนเล็กๆ ล้วนแต่เป็นคนที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี
และคนที่ลาดตระเวนอยู่บริเวณใกล้เคียง กลุ่มละสิบหกคน แต่ละคนล้วนมีอุปกรณ์ครบครัน
มีการลาดตระเวนไปมาไม่ต่ำกว่าสิบกลุ่ม และการลาดตระเวนก็มีความถี่มาก
เย่หลีเฉินเป็นผู้สูงศักดิ์ อยู่ในชุดทางการของรัชทายาท เดินไปเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เพราะเป็นองค์ชายรัชทายาท อีกทั้งยังเป็นคนที่สอบสวนคดีของฉินหลิงเจียวโดยเฉพาะ ดังนั้น หลังจากได้เห็นว่าเขามา จึงรีบคุกเข่าต้อนรับทันที
“ถวายบังคมองค์ชายรัชทายาท!”
“ลุกขึ้นเถอะ!”
เย่หลีเฉินหยุดลงชั่วครู่ ก็รีบเข้าไปในคุกอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าคุกของกรมอาญาจะไม่เหมือนกับคุกทั่วไปที่มืดและอับชื้น แต่อากาศกลับขุ่นมัวไม่ต่างกัน
ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นสนิมหรือกลิ่นเลือด เมื่อเข้าไปก็โชยเข้าเต็มจมูก
เย่หลีเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก้าวอย่างรวดเร็วตรงไปยังห้องขังที่หลินเฟยหรันถูกคุมขังเอวไว้ ก่อนที่เย่หลีเฉินจะเข้ามา ก็เห็นได้ว่าในห้องขังโล่ง
ขณะนี้คิ้วยิ่งขมวดแน่น ไม่พูดอะไรสักคำก็เดินตรงไปยังห้องสอบปากคำที่อยู่ด้านในสุด
ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้นกว่าเดิม
“เพียะ……”
“เพียะ……”
“เพียะ……”
“……”
มีเสียงเฆี่ยนดังอย่างรุนแรง ดังออกมาจากห้องสอบปากคำ พร้อมกับกลิ่นเลือดที่รุนแรง
มีเสียงดัง “ปึง”
ประตูห้องสอบปากคำถูกผลักออกอย่างแรง
หลินเฟยหรันที่อยู่ในชุดนักโทษถูกมัดตรึงเอาไว้ ศีรษะมีผมที่ดกและรกรุงรังลงมาปิดเอาไว้ ทำให้มองเห็บใบหน้าไม่ชัด
ชุดนักโทษสีขาวเปื้อนไปด้วยสีแดง บนร่างนางแทบจะไม่มีส่วนที่ดีอยู่เลย และก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าเป็นหรือตาย
จวนสิงปู้ช่างชูที่เหี้ยมโหด ถือแส้ที่เปื้อนเลือดไว้ กำลังฟาดลงอีกครั้ง
หลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู ก็ได้หยุดลง
เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือเย่หลีเฉิน เขาก็รีบคุกเข่าดังตุบทันที
“ถวายบังคมองค์ชายรัชทายาท!”
“ช่างชูฉิน(ช่างชูเป็นตำแหน่ง) นักโทษได้มีการลงชื่อประทับ และได้ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังลงโทษโดยพลการอีก” เย่หลีเฉินทำเสียงเย็นชา ขมวดคิ้วแน่น
“องค์ชาย องค์ชายรัชทายาท หลิงเจียวเป็นลูกสาวของข้า เปรียบเสมือนไข่มุก ในชีวิตนางกลัวความเจ็บปวดเป็นที่สุด แค่มีรอยฉีกเล็กๆ บนมือ นางก็ร้องไปหลายวันแล้ว
แต่กลับไม่คิดว่า หลิงเจียวไปงานวัดอยู่ดีๆ กลับกลับต้องมาถูกตีจนทรมานเจียนตาย ทั่วทั้งร่างมีบาดแผลหลายสิบหลายร้อยแห่ง ตรงไหนก็ลึกจนทำให้คนตกใจ หลิงเจียวจะต้องเจ็บปวดแทบตายไปทั้งชีวิต
องค์ชายรัชทายาท ฮือฮือฮือ ข้าน้อยมิอาจทนได้แล้ว! หวังว่าความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่หลิงเจียวได้รับจะต้องย้อนกลับไปหาฆาตกรคนนี้เป็นสองเท่า”
ช่างชูฉิน น้ำตาไหล สีหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อนึกถึงศพของฉินหลิงเจียวที่มีบาดแผลถูกแทงถี่ยิบ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามีดนี้จะสามารถจบเรื่องของหลินเฟยหรันได้
“บ้านเมืองและครอบครัวต่างก็มีกฎระเบียบวินัยให้ยึดถือปฏิบัติ ช่างชูฉินก็คือสิงปู้ช่างชู ควรจะต้องเข้าใจกว่าใครๆ ในเรื่องนี้”
เย่หลีเฉินมองไปที่ร่างกายของช่างชูฉินที่มีคราบเลือดบนใบหน้า ดวงตาหรี่ลงอย่างอดไม่ได้
สิ่งนี้ทำให้ช่างชูฉินควรค่าแก่การเข้าใจว่าฉินหลิงเจียวเกลียดการตายอย่างอนาถของหลินเฟยหรัน แต่ด้วยโทษประหารชีวิตที่ได้ตัดสินไปแล้ว จึงได้ใช้การลงโทษมาแก้แค้นโดยพลการเช่นนี้ มันก็มากเกินไปแล้ว
“มานี่หน่อย มาพาตัวฉินหลิงเจียวไป”
เขาได้พาหลินเฟยหรันไปคุมขังที่อื่น ไม่ใช่เข้าข้างหลินเฟยหรัน
แต่รู้ดีว่า เพียงแค่เขาจากไป ช่างชูฉินก็จะต้องทำการทรมานต่อไป
ถึงตอนนั้น เกรงว่ายังไม่ทันจะถึงวันประหาร คนก็คงจะตายเสียก่อนแล้ว
หลังจากเย่หลีเฉินจากไป
ช่างชูฉินกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ “มานี่หน่อย เตรียมเกี้ยว ข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
……
ตึกฟังงิ้ว
ตึกฟังงิ้วเป็นเวทีการแสดงที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง มีด้วยกันทั้งหมดสี่ชั้น ชั้นบนสุดคือหอกลอง ชั้นที่สามเป็นเวทีการแสดงที่ล้อมรอบ ชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สองเป็นเวทีการแสดงแบบเปิด
มันเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการแสดงอุปรากรที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศก่วงส้า ชนชั้นบนตั้งแต่เจ้าชายและเสนาบดี จนถึงกลุ่มคนชั้นล่างอย่างสามัญชน แค่สามารถมีเงินจ่าย ก็สามารถเข้าปังการแสดงได้
แม้แต่ฮ่องเต้ในยามว่าง ก็มักจะไปฟังการแสดงอยู่เป็นประจำ
หลานเยาเยาในชุดสีแดง ที่ให้ความรู้สึกเหมือนนางฟ้ายืนอยู่หน้าตึกฟังงิ้ว ค่อย ๆเงยหน้าขึ้นมองไปทั่วทั้งตึกฟังงิ้ว ยกมุมปากขึ้นยิ้ม
สถานที่ที่มีชื่อเสียงแบบนี้ นางไม่คิดเลยว่าจะไม่เคยมา น่าเสียดายมาก
วันนี้จะต้องมาเปิดประสบการณ์ดีๆ สักหน่อย
หลานเยาเยาก้าวเท้าเข้าไป
แต่บริเวณหน้าต่างที่ชั้นบนสุดของตึกฟังงิ้ว เงาสีขาวขยับเล็กน้อย มือเรียวยาวและขาวผ่องนั้นได้ปิดหน้าต่างลง
ในห้องโถงกว้าง พร้อมกับการปรากฏตัวของหลานเยาเยา ทำให้ทุกคนต่างพากันหายใจเข้าดังเฮือก ดวงตาก็ดูประหลาดใจ
“ชุดสีแดง……”
“ลายดอกไม้……”
“หน้าตางดงาม……”
“เทพธิดามาแล้ว……”
ทุกคนต่างคุกเข่าลงกับพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน “คารวะเทพธิดา”
หลานเยาเยา “……”
มีชื่อเสียงมากก็เป็นแบบนี้ สามารถรู้สึกได้ถึงความเลื่อมใสศรัทธาของทุกคน และยังทำให้ตนเองไม่สะดวกเช่นกัน
แต่รอเป็นเวลานานแล้ว ก็ยังไม่ได้ยินเทพธิดาบอกให้พวกเขาลุกขึ้น และก็ยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ ของเทพธิดาเลย
มีคนที่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่กลับไม่พบร่องรอยของเทพธิดาแล้ว
ทุกคนรู้สึกเหมือนว่า เรื่องที่พบเห็นเมื่อครู่นี้คล้ายจะตาลายไป……
หลานเยาเยาได้หลบกายขึ้นไปที่ชั้นสอง มองไปยังเถ้าแก่ที่กำลังนำทางอยู่ด้านหน้า พยักหน้าอย่างเงียบๆ
หรือว่าเถ้าแก่จะขึ้นมาเนี่ย!
เมื่อเห็นว่าได้หลบกายขึ้นไปบนชั้นสอง ก็เข้าใจได้ทันที และตามขึ้นมาในทันใด อีกทั้งยังแนะนำห้องพักส่วนตัวที่ดีที่สุดให้
หลังจากเข้าไปในห้องพักส่วนตัว
หลานเยาเยาก็สำรวจไปรอบๆ และพยักหน้าอย่างพอใจ
“สบายและงดงาม มีทุกอย่างพร้อมสรรพ ห้องนี้ไม่เลว” หลังจากที่นั่งลง หลานเยาเยาก็สัมผัสกับโต๊ะเตี้ยที่ทำมาจากไม้แดง จากนั้นก็พูดว่า “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้คนไปรับที่ตำหนักเทพธิดา”
แม้ว่าในช่องว่างที่ระบบรักษาจะมีเงินทองและเครื่องประดับสมบัติมากมายอยู่กองเป็นภูเขา แต่หากให้นางนำเงินออกมา และมองดูเงินถูกใส่ไปในกระเป๋าของคนอื่น นางก็ยังคงปวดใจ
ดังนั้น!
หากต้องการเงินก็ไปรับที่ตำหนักเทพธิดาเถอะ หากไม่เห็นก็ไม่ปวดใจแล้ว
ใครจะรู้……
เถ้าแก่ประสานมือแสดงความเคารพด้วยท่าทีอ่อนโยน
“เจ้าของได้สั่งไว้ เทพธิดามาเยือนเป็นครั้งแรก ไม่เสียค่าใช้จ่าย”
“โอ้” หลานเยาเยาประหลาดใจเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองเถ้าแก่ และยิ้มเบาๆ
“ดูเหมือนว่าเจ้าของของตึกฟังงิ้ว ไม่เพียงแต่เป็นคนมีน้ำใจ แต่ยังร่ำรวยมาก!
อย่างนี้ ข้าก็ขอรับไว้แล้วกัน มาเป็นครั้งแรก ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ฟังเพลงที่มีชื่อเสียงของตึกฟังงิ้ว”
ตามที่เย่หลีเฉินได้พูดทั้งหมด
นักแสดงชายที่หลินเฟยหรันชื่นชอบ ก็คือนักแสดงหลักของตึกฟังงิ้ว ซึ่งมีหน้าตาหล่อเหลา อุปรากรที่ชอบร้องมากที่สุดก็เป็นบทร้องที่มีชื่อเสียงของตึกฟังงิ้ว
นางต้องการเห็นว่ารูปลักษณ์ของนักแสดงชายคนนี้งดงามอย่างไร ถึงสามารถทำให้หลินเฟยหรันยอมทุ่มเทอย่างเต็มที่ และยังทำให้ฉินหลิงเจียวเห็นแล้วจึงอยากสานสัมพันธ์ด้วย