หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 350 คว้านท้อง
บทที่ 350 คว้านท้อง
“ไม่ยุ่งยาก ไม่ยุ่งยาก แค่พยายามก็พอแล้ว ข้าน้อยขอตัว”
ก่อนที่ส้าวชิงจากศาลต้าหลี่จะออกไป ได้ให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งคอยเข้าไปชมศาลต้าหลี่กับนางด้วย
ไม่ทันคาดคิดว่าทันทีที่เดินเข้าไป สายตาของหลานเยาเยาก็มองตรงไปยังจุดหนึ่ง มีเงาคนหนึ่งคนยืนอยู่ด้านข้างของภูเขาจำลอง
เมื่อมองไปครั้งแรกเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว ผนวกกับลมหายใจอันเยือกเย็นที่มีอยู่ทั่วร่างของเขา ทำให้คนไม่กล้าที่จะมองไป
หลานเยาเยายิ้ม และถามเจ้าหน้าที่นำทาง
“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่”
“อ๋องเย่เห็นใจศาลต้าหลี่ เขาเพิ่งจะมานั่งได้ไม่กี่ชั่วโมงมานี้ อีกทั้งยังสามารถไขคดีความเก่าๆ ได้ถึงสองคดี เมื่อกี้นี้ใต้เท้าส้าวชิงจึงได้เตรียมไปจับกุม”
ส่วนเพราะเหตุใดถึงเปลี่ยนคนในการจับกุม
จะอย่างไรก็ไม่กล้าถาม!
“เอ๊ะ ทำไมเก่งขนาดนี้”
ไขคดีเก่าได้สองคดีเชียวหรือ
ก็เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง
เป็นไปไหมหรือ
กลับกันหลานเยาเยาไม่ได้เชื่อ ดังนั้นนางจึงเดินไปหาเย่แจ๋หยิ่ง ตัดสินใจที่จะสอบถาม
และในขณะนั้น เย่แจ๋หยิ่งก็มองมาเช่นกัน
เมื่อมองไปสบตาสายตาที่ทองลึกเข้าไปของ เย่แจ๋หยิ่งก็อ่อนลงทันที ราวกับว่าธารน้ำแข็งได้ละลายในทันที
“อ๋องเย่ช่างเก่งเยี่ยมจริง ๆ! มาเพลิดเพลินกับภูเขาจำลองในศาลต้าหลี่ด้วย”
เย่แจ๋หยิ่งมองไปนางที่มีท่าทีเหมือนกำลังคอยยกกรอบแห่งเทพธิดา เห็นได้ชัดว่าเยือกเย็นและสูงส่ง แต่กลับทำให้เขาอยากจะหัวเราะ”
“ไม่ ข้ามาที่นี่แค่รอคน”
“รอคนนะหรือ รอใครกัน ใครจะมีหน้ามีตาถึงขนาดนั้น ที่ทำให้อ๋องเย่ต้องรอ และยังทำให้อ๋องเย่ไขคดีสองคดีนี้อีก”
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการทักทายอย่างสบาย ๆ
แต่ หลานเยาเยาก็ยังอยากจะรู้มากจริง ๆ ว่าคนที่เย่แจ๋หยิ่งรออยู่คือใคร
ริมฝีปากของเย่แจ๋หยิ่งงอขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน
“ไกลสุดขอบฟ้า ใกล้อยู่ตรงหน้า”
เอ่อ……
เย่แจ๋หยิ่งกำลังรอนางอยู่หรือ
รอนางเพื่ออะไร
อีกอย่างรู้ได้อย่างไรว่านางจะมาที่ศาลต้าหลี่
แต่!
หลังจากที่ได้รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งกำลังรอนาง แม้ว่าสีหน้ายังคงสงบ แต่หัวใจของนางยังคงผันผวนเล็กน้อย
หลานเยาเยาเดินเข้าไปด้านข้างเขา และถามเขาว่าไขคดีเก่าทั้งสองคดีนั้นได้อย่างไร เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้าเล็กน้อย และเริ่มเล่าถึงเรื่องราวทั้งหมด
ขณะที่ทั้งสอนคนพูดคุยกัน ก็พลางเดินไปยังสถานที่เก็บศพของฉินหลิงเจียวที่เก็บรักษาไว้ในศาลต้าหลี่
หากไม่มีคนคอยคุยอยู่ข้างๆ หากไม่มีใครอยู่ข้างหลัง ก็คงจะเขินอายไม่น้อย
ค่อยๆเป็นไปทีละน้อย ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เย่แจ๋หยิ่งอยู่ห่างจากเทพธิดาเพียงเล็กน้อย จนแขนเกือบจะแนบชิดกัน
เจ้าหน้าที่นำทางและยู่หลิวซูที่เดินตามอยู่ด้านหลังพวกเขา ต่างประหลาดใจและพูดไม่ออก
เป็นไปได้ว่าวันนี้อาจจะพบกับอ๋องเย่หรือเปล่า
ใครบอกไว้กันว่าอ๋องเย่เป็นพวกกระหายเลือด และโหดเหี้ยม
ทำไมกับเทพธิดานั้น ดวงตาของอ๋องเย่นุ่มนวลจนทำให้คนตกใจได้
ใครกันที่บอกอีกว่าไม่ควรเข้าใกล้อ๋องเย่ในสามก้าว
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่ออ๋องเย่กับเทพธิดาได้อยู่ใกล้กัน
ตอนนี้ !
องครักษ์ลาดตระเวนคนหนึ่ง ไม่รู้ด้วยเรื่องอะไรจึงรีบขึ้นมารายงานอ๋องเย่
อ๋องเย่โบกมือออกไปโดยตรง องครักษ์ก็ถูกพลังจากฝ่ามือทำให้กระเด็นออกไปอย่างเงียบๆ และได้ลอยผ่านระหว่างกลางของยู่หลิวซูและเจ้าหน้าที่นำทางไป
ยู่หลิวซูและเจ้าหน้าที่นำทางอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย และหยุดฝีเท้าลงโดยปริยาย
ยิ่งอยู่ห่างได้เท่าไรยิ่งปลอดภัย!
คดีการเสียชีวิตของฉินหลิงเจียว เป็นเพราะยังมีจุดต้องสงสัยอีกเล็กน้อย คดีจึงยังไม่ถูกปิด
เพราะเหตุนี้!
ศพของฉินหลิงเจียวจึงยังคงอยู่ในห้องเก็บศพของศาลต้าหลี่
เพื่อป้องกันไม่ให้ศพนั้นเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็น ห้องเก็บศพจึงถูกสร้างขึ้นในที่เย็น ด้านในมีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่จำนวนมากมายเพื่อเก็บรักษาศพ
พวกหลานเยาเยาได้มาถึงห้องเก็บศพ แต่ไม่เห็นองครักษ์เฝ้าประตูเลย
เมื่อผลักประตูออกจึงจะพบ
องครักษ์ทั้งสองคนที่เฝ้าประตูอาจจะร้อนเกินไป จึงได้ไปนอนเอนกายอยู่ข้างก้อนน้ำแข็งที่วางศพ ตัวตรงนิ่ง ไม่ขยับ ดูวินาทีแรก พวกเขาดูเหมือนกับศพสองศพ
ได้ยินเสียงประตูเปิดออก
องครักษ์ทั้งสองเด้งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาได้เห็นเทพธิดา ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวไปหมด
เมื่อได้เห็นอ๋องเย่ที่อยู่ข้างกายของเทพธิดา ทั้งสองคนก็สั่นโดยไม่รู้ตัวเหมือนกับลูกเต๋า
เห็นได้ชัดว่าอยู่ในห้องเก็บศพที่หนาวเย็น แต่กลับมีเหงื่อไหลออกมาท่วมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย……
เย่แจ๋หยิ่งเหลือบมองพวกเขา
พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไป!”
ทั้งสองคนคลานออกไปเหมือนกับจะขอนิรโทษกรรม
ไม่นานหลังจากที่องครักษ์ทั้งสองออกไป ยู่หลิวซูและเจ้าหน้าที่นำทางก็ลังเลว่าจะเข้าไปในห้องเก็บศพหรือไม่
ดังนั้น ก้าวหนึ่งก้าวจึงเหมือนหลายสิบก้าว ค่อยๆเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
เพียงแค่เดินถึงประตู
อ๋องเย่ก็หรี่ตาลง
เมื่อรีบเข้าไปแล้วก็ทำตาขวาง จากนั้นก็ทำตาขวางอีก
ไม่รู้หรือว่าข้าแค่ต้องการจะอยู่กับเยาเยาตามลำพัง
ดังนั้น
ดวงตาที่เย็นชากวาดสายตาไป สายตานั้นดูเยือกเย็นมาก
ทั้งสองคนหดคออย่างพร้อมเพรียง จะว่าเข้าไปก็ไม่ใช่ ถอยออกมาก็ไม่เชิง ทำได้เพียงแค่ทำท่าทางจะเข้าก็ไม่เข้าอยู่อย่างนั้นอย่างเก้อเขิน
เหมือนเห็นแบบนั้น!
หลานเยาเยาก็ลูบหน้าผากอย่างเงียบๆ
เย่แจ๋หยิ่งอยู่ด้วยแบบนี้ ก็มีแต่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
ดังนั้น!
นางเหลือบมองไปที่เย่แจ๋หยิ่ง และพูดกับพวกเขาว่า
“เข้ามาเถอะ!”
แม้ว่าเทพธิดาจะเอ่ยแล้ว แต่พวกของยู่หลิวซูก็ยังไม่กล้าเท่าไร และยังหันไปมองอ๋องเย่ที่ทำสีหน้าเคร่งขรึม
“หึ!”
เย่แจ๋หยิ่งส่งเสียงอันเย็นชา สะบัดแขนเสื้อ และเดินไปยังด้านหลังของหลานเยาเยา
ในไม่ช้า พวกเขาทั้งสี่ก็รวมกันล้อมรอบศพของฉินหลิงเจียว
หลานเยาเยาเปิดผ้าคลุมศพของฉินหลิงเจียวโดยไม่พูดอะไรสักคำ และยังถอดเสื้อผ้าของนางออกด้วย
แม้ว่ารูปร่างของฉินหลิงเจียวจะดีมาก
แต่ทั่วทั้งตัวของนางถูกมีดบาดไปหมด ไม่มีเนื้อส่วนที่ดีอยู่เลย ดูเหมือนตอนนี้ จะได้แต่นำความสยองขวัญมาอธิบาย
ดังนั้น ไม่มีใครชื่นชมเรือนร่างของนางเลย
หลานเยาเยาหยิบมีดผ่าตัดที่เตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นมา และกำลังจะเฉือนลงไปตรงช่องท้องของฉินหลิงเจียว
เจ้าหน้าที่นำทางตกใจมาก จึงรีบพูดขึ้น
“เทพธิดา เทพธิดา เทพธิดา เจ้า เจ้า เจ้ากำลังจะทำอะไร”
“คว้านท้อง!”
ชัดเจนแบบนี้ดูไม่ออกหรือ
“ทำไมจะต้องคว้านท้องด้วยล่ะ”
เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้ทำการตรวจแล้วหลายครั้ง อีกทั้งการเสียชีวิตของฉินหลิงเจียวเป็นเพราะมีเลือดออก ปาก จมูก และหูของนางไม่มีอาการของการถูกพิษ
ตอนนี้เทพธิดากลับกำลังจะผ่ากระเพาะอาหาร……
นี่……
สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือจะต้องคว้านท้อง และก็ควรจะให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรเป็นผู้ทำ ให้เทพธิดาลงมีดด้วยตนเอง เขาจึงตื่นตระหนก!
“วางใจได้ ข้าฟื้นคืนได้”
ความหมายก็คือ ตอนนี้อยู่ในสภาพใด อีกสักครู่หลังจากคว้านท้องแล้ว นางก็สามารถทำให้ฟื้นคืนกลับไปอยู่ในสภาพเดิมได้
“……”
เจ้าหน้าที่นำทางจึงไม่มีอะไรจะพูดอีก
เมื่อสักครู่เขาแค่กลัวว่าหากสิงปู้ช่างชูรู้เข้า ท้ายที่สุดศพนี้ก็เป็นลูกสาวของเขา
และสถานะของเทพธิดาก็เทียบเท่าพระราชธิดา แต่ก็กลับสูงกว่าพระราชธิดาสิงปู้ช่างชูไม่กล้าสร้างความเดือดร้อนให้กับเทพธิดา แต่กลับกันก็ไม่เป็นการดีหากพวกเขามาสร้างความเดือดร้อนให้กับส้าวชิงจากศาลต้าหลี่
ตอนนี้เทพธิดากล่าวเช่นนี้แล้ว
เขาก็ไม่มีความกังวลอีกต่อไป เดิมทีเขาอยากจะให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรเป็นคนทำ แต่เมื่อมองแววตาของเทพธิดา กลับกลืนน้ำลายเอาคำพูดกลับไปอีกครั้ง
เริ่มการคว้านท้องแล้ว
หลานเยาเยาในเวลานี้ มีความจริงจัง สายตาดุดัน มีดนั้นได้วางอยู่บนท้องของฉินหลิงเจียว
เป็นเพราะเลือดของฉินหลิงเจียวได้ไหลออกจนแห้งไปมากแล้ว
ดังนั้น การผ่ามีดแรกลงไปครั้งนี้จึงไม่มีอะไร แต่เมื่อกดมีดที่สองลงไป……
“อ้วก……”
เจ้าหน้าที่นำทางจ้องเขม็ง ตรงไป ปิดปากทันที แล้ววิ่งออกไปอาเจียน