หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 393 หาตัวมือสังหารออกมา
บทที่ 393 หาตัวมือสังหารออกมา
ในขณะที่หลานเยาเยากำลังจมอยู่ตัวตนของเย่แจ๋หยิ่ง เย่แจ๋หยิ่งก็ได้จากไปโดยที่นางไม่ทันได้รู้ตัว
ทว่า
หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งพดเกี่ยวกับตัวตนของตัวเองเสร็จยังพูดออกมาอีกประโยค เหมือนจะพูดว่า:“หลานเยาเยา ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่ควรค่าแก่การอาลัยอาวรณ์อยู่”
ใช่ เหมือนจะพูดเช่นนี้
แต่ถึงอย่างนั้นนางที่ได้รับรู้ถึงตัวตนที่น่าตะลึงของเขา นางก็นิ่งงันถึงตัวตนของเขาจึงไม่ทันได้ตอบกลับเขาใดๆ
ไม่ใช่ว่าเย่แจ๋หยิ่งจากไปพร้อมความโกรธหรอกนะ?
ว่าแต่……
สิ่งของที่ควรค่าแก่การอาลัยอาวรณ์ เย่แจ๋หยิ่งหมายถึงตัวเขานั้นหรือ?
……
ตำหนักเทพธิดา
หลานเยาเยาลงจากรถม้า คนขับรถม้าคนนั้นก็บินหนีไป องครักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมื่อเห็นคนบังคับม้าอยู่ๆก็บินหนีไป และได้เห็นอีกว่าบริเวณหน้าผากและมือของเทพธิดาเต็มไปด้วยบาดแผล จึงได้หันไปสบตากับอีกฝ่ายแล้วกล่าวถาม
“เทพธิดา ท่านเป็นอะไรหรือไม่?คนผู้นั้นคือใครกัน?”
“เหมือนเขาจะไม่ใช่คนขับรถม้า จะให้พวกเราตามไปหรือไม่?”
หลานเยาเยา สะบัดพร้อมกับพูดกับเรียบนิ่ง :“ไม่ต้องแล้ว”
ทันทีที่เดินเข้ายังลานด้านหน้า ก็มีร่างของชายหนุ่มสวมชุดสีม่วงเข็มแวบเข้ามาในสายตา เขายิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์แห่งความรู้สึกเจ้าเล่ห์และอันตราย แล้วข้างกายของเขายังมีชายหนุ่มที่เกือบจะเปลือยอกและชายวัยกลางคนที่ไว้เคราซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่มีอายุยืนอยู่ด้วย
พวกเขาทั้งสามยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่
หลานเยาเยาเดินก้าวไปด้านหน้า ด้วยสีหน้าที่คิ้วขมวดอย่างอดไม่ได้
พวกเขา!
หานแส ป่ายเม่ยเซิงแล้วก็ซาหมั่นเฉิง
ตั้งแต่หลังจากที่ไม่ได้ซาหมั่นเฉิงเข้าครัวทำอาหาร นางก็ไม่ได้เห็นเงาของเขาอีกเลย หรือแม้จะสั่งให้เขาออกไปทำธุระแทนนางก็ไม่เคยได้รับข้อมูลใดๆมาเลย
ส่วนป่ายเหม่ยเซิงนั้นยิ่งหนักกว่า คือบอกว่ามาเพื่อช่วยเหลือนาง แต่กลับทำตัวลึกลับ นานๆทีกว่าจะได้เห็นหน้าครั้งหนึ่ง
และส่วนหานแสนั้น ตั้งแต่หลังที่ฝ่ายของยิงจวนได้พบกับเขาเข้า เขาก็ไม่เคยมาให้นางได้พบหน้าอีกเลย
วันนี้เมื่อได้พบหน้ากันอีกครั้ง นอกจากแววตาที่ดูลึกล้ำขึ้นเล็กน้อย อย่างอื่นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากปกติ
หลังจากที่ทั้งสามหันมาเจอนาง ต่างก็พากันจ้องมองมายังตัวนาง
หานแสยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ ส่วนซาหมั่นเฉิงและป่ายเหม่ยเซิงนั้นทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นก็กุมมือคารวะต่อหานแสพร้อมกันก่อนที่จะบินออกไป
หืม?
หานแสเจ้าของเรือแห่งความสิ้นหวังคนนี้ ให้พวกเขาทำเรื่องไม่ดีอะไรอีกแล้ว?
หลานเยาเยาเดินตรงไปยังพวกเขา ด้วยสีหน้าปกติ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ทราบว่าลมอะไรพัดเจ้าของเรือมาที่นี่?”
“ไม่ได้เจอกันนาน?เยาเยา นี่เจ้ารอคอยการมาของข้าอยู่ตลอดเลยงั้นหรือ?”หานแสยกมุมปากขึ้น มองมายังนางด้วยความหมอง
ไม่รู้ว่าเหตุใด น้ำเสียงของหานแสนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากปกติ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันแปลกๆ
เพียงแต่ว่ามันแปลกตรงส่วนไหนนางก็อธิบายออกมาไม่ได้เท่านั้น
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แต่เพราะได้ตรวจพบเบาะแสสำคัญ ต้องแจ้งให้กับเจ้า”
“พูดสิ?”หานแสยักคิ้ว
“ช่วงนี้เพิ่งได้พบกับเบาะแสว่าราชครูเทียนเวิงนั้นไม่ได้เพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่เพียงแค่ในหมู่บ้านชนเผ่าหยินไห่เท่านั้น ยังมีอีกที่ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณวังหลวงแห่งนี้”
นี่เป็นสิ่งที่เย่แจ๋หยิ่งบอกกับนาง
แต่ว่าหานแสกับเย่แจ๋หยิ่งนั้นเป็นคู่แข่งกัน ถ้าหากให้เขารู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งเป็นคนบอกให้นาง คาดว่าเขาก็คงจะต้องพูดกระแนะกระแหนนางเป็นแน่
หานแสได้ยินอย่างนั้น ก็ทำสีหน้าปกติ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ
“อยู่แห่งใด?”
“สวนว่างฮัวอันมีชื่อเสียงที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวง ที่นั่นมีดอกไม้บานสะพรั่งตลอดทั้งปี ทั้งยังมีกลิ่นหอมตลบอบอวล แต่กลับมีสถานที่แห่งหนึ่งถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ไม่เพียงแต่ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเข้าไปแล้ว ยังมีการคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นหนาอีกด้วย ข้าคิดว่าดอกกระดูกขาวที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่จะถูกปลูกเอาไว้ในนั้น”
เพียงแต่ไม่รู้ว่า ใต้ดอกกระดูกขาวเหล่านั้นมีศพฝังอยู่มากเพียงใด······
ด้วยความเกลียดชังของหานแสที่มีต่อราชครูเทียนเวิง ในเวลานี้เมื่อรู้ว่าราชครูเทียนเวิงยังมีที่เพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่อยู่อีกแห่ง ไม่ช้าเขาจะต้องมีการลงมือแน่นอน
เป็นไปอย่างที่คาดไว้!หานแสประหลาดใจอย่างมากกับเรื่องนี้ มือกำหมัดขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่กำลังจะจากไป เขากลับเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก่อนหยุด แล้วใช้สายตาจ้องมองนางอย่างพินิจพิเคราะห์
“นี่เจ้าส่งคนไปตรวจหาหรือว่า……”
“เจ้ายังไม่เชื่อใจในความสามารถของข้างั้นหรือ?”
หลานเยาเยารู้ว่าเขากำลังจะพูดสิ่งใด ดังนั้นจึงรีบพูดตัดบทเสียก่อน
“เยาเยาแน่นอนว่าเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ก็คงไม่มีความสามารถถึงขนาดเพียงเวลาไม่ถึงสิบวันก็สามารถตรวจพบที่เพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่อีกที่หนึ่งของราชครูเทียนเวิงได้ ได้ข่าวว่าช่วงนี้เจ้ามีความใกล้ชิดกับอ๋องเย่อย่างมาก คงมิใช่ว่ากำลังรื้อฟื้นความรู้สึกเก่าๆหรอกนะ?
เยาเยา เจ้าอย่าได้ลืมเป็นอันขาดว่าเขาเคยใช้ดาบแทงเจ้าอย่างไร?และผลักเจ้าลงจากหน้าผาให้ตกไปสู่ทุ่งดอกกระดูกขาวอย่างไร?อ๋องเย่คนนี้มีความเจ้าเล่ห์เพทุบาย มีการวางแผนอยู่ตลอดเวลา เจ้าอย่าได้ยอมกลับไปเป็นหมากของเขาอีกเลย มิเช่นนั้นเมื่อถึงเวลานั้นข้ากลัวว่าเจ้าจะรับไม่ได้ที่ถูกทอดทิ้งเป็นครั้งที่สอง”
หลังจากที่ตระหนักถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา หานแสก็เกิดความทุกข์ใจขึ้นมาในหัวใจ
เขาจ้องมองดวงตาของนางอย่างจดจ่อ ราวกับว่ากำลังเค้นหาความในใจของนางออกมา แต่แล้วมันกลับไม่มีอะไรเลย
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลานเยาเยาที่เก็บความรู้สึกไว้ลึกเกินไปหรือว่าทุกสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็จะต้องขัดขวาง
หลานเยาเยาเป็นถึงหมากตัวหนึ่งของเขา เป็นทั้งสหายของเขา และยิ่งไปกว่านั้นอย่างสตรีที่เขายอมเข้าใกล้ด้วย
นางแตกต่าง
แตกต่างจากคนอื่นๆ!
ดังนั้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขากลับมาอยู่ด้วยกันเป็นแน่
“วางใจได้ ข้ามีขอบเขตของตัวเอง”ดวงตาของหลานเยาเยาจ้องมองไปยังหานแสอย่างไม่ละเช่นกันก่อนจะขยับริมฝีปากพูด
“ช่วงนี้ในตำหนักเทพธิดาเกิดปัญหาอยู่ไม่เว้น ไม่ทราบว่าเจ้าของเรือมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
ซาหมั่นเฉิงกับป่ายเหม่ยเซิงทั้งสองพักอาศัยอยู่ในตำหนักเทพธิดาของนาง พวกเขาไม่เพียงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะคอยจับตามองนางเสียมากกว่า ซึ่งดูจากปฏิกิริยาตอบสนองของหานแสตอนนี้แล้ว คาดว่าพวกเขาทั้งคงจะต้องถูกหานแสนำตัวกลับไปด้วยแน่นอน
“อ๋อ?ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วย ดูแล้วเยาเยาเจ้าจะต้องเพิ่มการป้องกันให้ตำหนักเทพธิดาเสียแล้ว”
“แน่นอน!”
หลังจากที่หานแสจากไป
สาวใช้ก็รีบเข้ามารายงาน ว่าคุณชายทั้งสองที่พักอยู่ห้องรับรองแขกได้จากไปแล้ว ทั้งยังได้กล่าวไว้อีกด้วยว่าจะไม่กลับมาพักที่นี่อีก
พวกนางล้วนเข้าใจว่าไปสร้างเรื่องไม่น่าพึงพอใจแก่คุณชายทั้งสอง จึงทำให้พวกนางรู้สึกกระวนกระวายใจ
หลานเยาเยารู้ว่าที่สาวใช้พูดถึงนั้นคือป่ายเหม่ยเซิงกับซาหมั่นเฉิง
นางจึงสะบัดมืออย่างไม่ได้สนใจ
“ไปก็ไปเถอะ!”
อย่างไรเสียพวกเขาก็มาอยู่ในตำหนักเทพธิดาได้หลายวัน วันนี้ไปแล้ว เพียงแค่เก็บกวาดให้เรียบร้อยคงเดิมก็เพียงพอแล้ว
“เทพธิดา เป็นเพราะพวกข้าปรนนิบัติได้ไม่ดีหรือไม่?”สาวใช้ถามอย่างระมัดระวัง
เหล่าสาวใช้ในตำหนักล้วนเป็นสตรีที่ถูกซื้อออกมาจากตลาดดำ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะออกมาจากตลาดดำทะเลแห่งความขมขื่นนั้นได้ และได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายในตำหนักเทพธิดา มาวันนี้ทั้งสองที่นับว่าเป็นแขกและคุณชายทั้งสองยังนับว่าเป็นคนของตำหนักเทพธิดาอยู่ๆก็จากไปอย่างกะทันหัน พวกนางที่เป็นสาวใช้ต่างก็เกิดความกังวลใจ ว่าเป็นเพราะพวกนางปรนนิบัติดูแลได้ไม่ดีหรือได้ละเลยพวกเขา หากเทพธิดาเกิดโกรธเคืองพวกนางขึ้นมา
……
นางแค่คิดก็รู้สึกกลัวเสียแล้ว
“ไม่ใช่หรอก พวกเขาเพียงแค่มีธุระอื่นที่ต้องไปจัดการ เลยไม่จำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่แล้วก็เท่านั้น”
เมื่อมองดูสาวใช้คนนั้น หลานเยาเยาก็นึกถึงช่าจื่อขึ้นมา
ทันทีที่คิดถึงการตายของนาง คิ้วของหลานเยาเยาก็ขมวดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
แท้จริงผู้ใดคือคนที่ฆ่าช่าจื่อกันแน่?
ฮ่องเต้?
ราชครูเทียนเวิง?
หรือผู้ที่ภักดีต่อองค์ชายสี่?
แต่อีกประการหนึ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็คือเย่แจ๋หยิ่ง เขาไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องทำเช่นนั้น เพื่อที่จะทำร้ายตัวเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาก็คงจะเป็นแยกนางออกจากเย่แจ๋หยิ่ง แล้วให้พวกเขาหันมาฆ่ากันเอง
ถึงอย่างนั้น!
คืนนี้นางจะต้องล่อคนออกมา เพื่อเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าฆาตกร