หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 416 ลูกสะใภ้ยังไม่มีข่าวคราวอยู่ดี
บทที่ 416 ลูกสะใภ้ยังไม่มีข่าวคราวอยู่ดี
เซียวจิ่นหยูก็รู้สึกได้เช่นกัน คนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเก่งมาก หลังจากที่พูดกับนางจบ ก็เดินไปอย่างสนใจแค่ตนเอง
หลานเยาเยายกมุมปากขึ้น ตามเขาจากไปทันที
ครู่ต่อมา หลังจากที่เป็นป้ายขนาดใหญ่ของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์แล้ว หลานเยาเยาอดรู้สึกอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยไม่ได้ แต่นางไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเดินตามเซียวจิ่นหยูเข้าไป
แต่ว่า!
หลังจากที่เดินเข้าจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์แล้ว คนที่สะกดรอยตามนางก็จากไปจริงๆ
“นี่คือสถานที่ปลอดภัยที่เซียวซื่อจื่อพูดถึง? ไม่ได้มีเจตนาอื่น?”
“ก็ต้องเป็นสถานที่ปลอดภัยอยู่แล้ว หากเทพธิดารู้สึกว่าข้ามีวางแผนมุ่งร้ายอย่างอื่น เทพธิดาก็สามารถจากไปเองได้เลย” เซียวจิ่นหยูก็ไม่ฝืนใจ
“แล้วไปเถอะแล้วไปเถอะ ดึกๆดื่นๆ ข้าก็ไม่มีที่ให้ไป”
ได้ยินดังนั้น!
เซียวจิ่นหยูยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเดินไปนำทางอยู่ข้างหน้า ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้พูดอะไร เดินเงียบๆข้างหน้าคนหนึ่งข้างหลังคนหนึ่ง
เดินไปถึงข้างลานแห่งหนึ่ง ข้างในยังมีแสงเทียนสลัวๆ ในห้องยังมีเสียงไอดังออกมาเป็นระยะๆ เสียงนั้นฟังดูทุ้มต่ำและแก่เฒ่าเล็กน้อย
หลานเยาเยาพบว่า
เมื่อเดินถึงเดินตรงนี้ เซียวจิ่นหยูก็จงใจลดฝีเท้าลง เหมือนว่ากลัวคนข้างในจะได้ยิน
เอ่อ……
คนที่อาศัยอยู่ข้างในเป็นใคร?
หลานเยาเยาสงสัยมาก มีใจอยากแกล้งเซียวจิ่นหยูเสียหน่อย
ดังนั้นจึงกล่าวอย่างจงใจ: “ละลาบละล้วงถามหน่อย คนที่อาศัยอยู่ข้างในคือ……”
เซียวจิ่นหยูไม่รู้ว่านางจะส่งเสียงเอ่ยถามในเวลานี้ และเสียงของนางยังจงใจพูดดังขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยมารยาทแล้วเขาไม่ตอบไม่ได้:
“นี่คือท่านพ่อของข้า เพราะสุขภาพไม่ค่อยดี ทุกคืนจะนอนไม่ค่อยหลับ”
สำหรับท่านพ่อคนนี้ เซียวจิ่นหยูให้ความเคารพ และเอ็นดูสงสาร ตั้งแต่ท่านพ่อสูญเสียความสามารถในการเดินไป ก็ไม่เคยเห็นเขายิ้มอย่างร่าเริงอีกเลย
และร่างกายของเขาก็ยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ แย่ลงไปทุกปี เซียวจิ่นหยูรู้สึกละอายใจมาก
ท่านพ่อของเซียวจิ่นหยู เช่นนั้นก็คือเจ้าพระยาสิ
ได้ยินมาว่าสมัยก่อนในสนามรบเจ้าพระยาท่านนี้เป็นถึงแม่ทัพเอกผู้โด่งดัง อยู่ในสนามรบมาตลอดหลายปี ไม่มีลูกมาตลอด
หลังจากถึงวัยกลางคนแล้ว ถึงได้ลูกชายมาคนหนึ่ง ตั้งชื่อว่าเซียวจิ่นหยู ถึงแม้ว่าเจ้าพระยาจะรักเซียวจิ่นหยูเป็นพิเศษ แต่ไม่เคยให้ท้ายเขาเลย
ในตอนที่เซียวจิ่นหยูยังเด็ก ก็พาเขาไปฝึกฝนหาประสบการณ์ในสนามรบแล้ว
ในการต่อสู้ที่โหดร้ายครั้งหนึ่ง เพื่อช่วยลูกชายเจ้าพระยา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ร่างกายส่วนล่างแทบจะขยับไม่ได้เลย ได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็น
แม้ว่าเซียวจิ่นหยูจะพยายามลดเสียงลงให้เบาที่สุดแล้ว ก็ยังไม่สามารถรอดพ้นหูของเจ้าพระยาเซียวที่อยู่ในห้องไปได้
“เซียวจิ่นหยู ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมเจ้ายังไม่นอน?”
น้ำเสียงฟังดูโกรธเล็กน้อย กล่าวจบ เจ้าพระยาเซียวก็ไอออกมายากลำบากอีกครั้ง
“ท่านพ่อ มีเพื่อนมาเยี่ยม ดังนั้นเลยกลับมาช้าไปหน่อย”
“เพื่อน? ฮึ เพื่อนที่เอาแต่กินและเที่ยวเล่นพวกนั้นอีกแล้วหรือ? เจ้าเอาแต่เที่ยวเล่นสนุกไปวันๆ ดื่มเหล้าคลายทุกข์ ทำไมไม่เรียนรู้จากอ๋องเย่บ้าง?”
ถูกเจ้าพระยาด่าเช่นนี้ เซียวจิ่นหยูรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย
แต่ได้ยินท่านพ่อของตนเอ่ยถึงอ๋องเย่ เซียวจิ่นหยูอดที่จะมองสีหน้าของหลานเยาเยาไม่ได้ พบว่านางไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจ จึงกล่าวตอบกลับไปว่า:
“ท่านพ่อ เป็นเพื่อนปกติธรรมดา”
เอ่อ?
เพื่อนยังมีแบ่งแบบปกติกับแบบไม่ปกติ?
หลานเยาเยาแอบกลอกตาใส่เขาครู่หนึ่ง
อยู่ข้างนอกเซียวจิ่นหยูขึ้นชื่อเรื่องสุภาพเรียบร้อยมีความรู้กว้างขวางและความสามารถมากมาย เป็นที่ชื่นชมและหมายปองของหญิงสาวมากมาย
นึกไม่ถึงว่าตอนอยู่บ้านจะกลัวเจ้าพระยาเซียว กลัวจนถึงขึ้นนี้ นี่ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ทว่าเจ้าพระยาเซียวที่อยู่ในห้องกลับไม่ไว้หน้า ยังนึกว่าเซียวจิ่นหยูจงใจพูดโกหกออกมา เพื่อหลบเลี่ยงเพื่อไม่ให้ถูกด่า
“เพื่อนปกติธรรมดา? ข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน เจ้าจะสามารถพาเพื่อนปกติธรรมดาอะไรกลับมาได้”
คำพูดนี้พูดเหมือนกับว่าเพื่อนที่เขาคบหาล้วนไม่ใช่คนดีอะไร
ตอนนี้เซียวจิ่นหยูก็ยิ่งเขินอายมากยิ่งขึ้น
เขามองดูหลานเยาเยาด้วยความลำบากใจเล็กน้อย หลานเยาเยาเพียงแต่ยิ้มออกมา เป็นการแสดงว่าไม่เป็นไร
“เอี๊ยด……”
ประตูในห้องเปิดออกอย่างรวดเร็ว เจ้าพระยาเซียวนั่งอยู่บนรถเข็น มีองครักษ์ประจำตัวเข็นออกมา ดูออกได้ไม่ยาก สีหน้าของเจ้าพระยาเซียวในตอนนี้แย่มาก
เดิมทีเขายังอยากจะด่าเซียวจิ่นหยูอีกสองสามคำ แต่เมื่อเห็นหลานเยาเยาที่อยู่ข้างๆ ในสายตาของเขามีประกายความตกตะลึงขึ้นมาแวบหนึ่ง
ในสายตาของเจ้าพระยาเซียว เซียวจิ่นหยูไม่มีความแตกต่างใดๆกับลูกผู้ดีมีเงินไม่ทำการทำงานพวกนั้นเลย เอาแต่กินดื่มเที่ยวเล่นกับลูกผู้ดีมีเงินไม่ทำการทำงานพวกนั้นไปวันๆ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดี นั่นก็คือไม่เคยไปสถานที่อย่างหอแดง(หอนางโลม)พวกนั้น
ถึงแม้ตรงส่วนนี้ถือว่าดี แต่ตรงจุดนี้ ก็เป็นจุดที่ทำให้เจ้าพระยาเซียวคิดหนัก ตนเองถือว่ามาได้ลูกชายตอนแก่ แต่กลับให้กำเนิดลูกชายที่ไม่เข้าใกล้เพศหญิงเลย
อ๋องเย่เขาไม่เข้าใกล้เพศหญิง ดีร้ายก็ยังแต่งพระชายาแล้ว เขากลับดี ไม่อยากแต่งเมียมีลูก ยังไม่ทำการทำงานไร้สาระไปวันๆ
ไม่เคยเห็นเขาใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
จู่ๆตอนนี้ก็เห็นเขาพาผู้หญิงกลับบ้านคนหนึ่ง
ความโกรธในใจถูกระงับไปโดยตรง บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่หาได้ยากผุดออกมาเล็กน้อย เจ้าพระยาไอขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ไอเพราะปัญหาสุขภาพ แต่เพราะรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ
“แม่นางผู้นี้คือ?”
“ท่านพ่อ ท่านนี้คือเทพธิดา เพราะเจอกับปัญหานิดหน่อย กลางคืนดึกดื่นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย ดังนั้นข้าเลยพานางมาหลบสักพัก”
หลังจากที่เซียวจิ่นหยูแนะนำจบ หลานเยาเยาก็ทำความเคารพไปทางเจ้าพระยาเซียว
“คำนับเจ้าพระยาเซียว!”
“เทพธิดาเกรงใจแล้ว” เห็นได้ชัดเจนมาก ในแววตาของเจ้าพระยาเซียวมีความผิดหวังขึ้นมาแวบหนึ่ง
อ่าย!
ลูกสะใภ้ก็ยังไม่มีข่าวคราวอยู่ดี……
เทพธิดาผู้โด่งดังเขาย่อมเคยได้ยินมาแล้ว รู้สึกแค่ว่าเทพธิดาเป็นคนที่เล่นกับแผนชิงอำนาจ(พลิกแพลงยุทธวิธีไปตามสถานการณ์)อย่างชำนาญคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าได้เจอวันนี้ กลับเป็นเพียงสาวน้อยอายุสิบเจ็ดสิบแปดเท่านั้น
ได้ยินมาว่าเทพธิดาคนนี้แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่า กับเขาแล้วเทพธิดาจะสุภาพมาก ตรงจุดนี้ทำให้เขาประหลาดใจ
แต่ กับคนที่ชอบเล่นกับแผนชิงอำนาจ(พลิกแพลงยุทธวิธีไปตามสถานการณ์) อย่างไรเสียเขาก็ไม่ค่อยชอบคบหาสมาคมด้วยเท่าไหร่
“เทพธิดาวางใจได้ จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ปลอดภัยมาก” พูดจบ ก็มองไปทางเซียวจิ่นหยู “จิ่นหยู ดึกมากแล้ว พาเทพธิดาไปพักผ่อนเถอะ! พรุ่งนี้จะต้องให้การดูแลต้อนรับอย่างดีด้วย”
เจ้าพระยาเซียวเห็นสีหน้าอึดอัดใจของเซียวจิ่นหยู ก็รู้เลยว่าตนเองทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าเทพธิดาแล้ว เขาเพียงแค่กระตุกมุมปากใส่เขา จากนั้นก็ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอรับ!”
หลังจากที่เซียวจิ่นหยูพาหลานเยาเยาจากไปแล้ว เจ้าพระยาเซียวมองดูพวกเขาจากไปไกล ถอนหายใจเฮือกใหญ่
หน้าประตูห้องรับแขก
เซียวจิ่นหยูสั่งให้คนรีบทำความสะอาดห้องรับแขก ก่อนที่เขาจะเดินจากไป หลานเยาเยากล่าวถามด้วยความสงสัย:
“ทำไมท่านพ่อท่านถึงคิดว่าท่านใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาทุกวันล่ะ”
เซียวจิ่นหยู นางไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ แต่นางรู้ ถึงแม้เขาจะเคยเป็นนักฆ่า
แต่นอกเหนือจากนี้ ก็เป็นซื่อจื่อที่สุภาพเรียบร้อย มีความรู้กว้างขวางและความสามารถมากมายคนหนึ่งจริงๆ และยังดีต่อชาวบ้านมาก ถึงแม้จะไม่ได้เดินไปในวิถีทางที่ก้าวหน้าไปเป็นขุนนาง แต่ก็คู่ควรให้ผู้คนเรียกว่าซื่อจื่อด้วยความยกย่องจริงๆ
เซียวจิ่นหยูหลับตาครู่หนึ่ง เอ่ยปากกล่าวเสียงเบา:
“ตั้งแต่ที่ท่านพ่อข้านั่งรถเข็นแล้ว นิสัยยิ่งอยู่ยิ่งฉุนเฉียวได้ง่าย เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและเป็นคนใจร้อน มีหลายสิ่งไม่อยากให้เขารู้ กลัวว่าเขาจะเป็นกังวล”
“ดังนั้นท่านเลยจงใจคบหากับลูกผู้ดีมีเงินไม่ทำการทำงานพวกนั้นหรือ?” หลานเยาเยาพยักหน้าอย่างรู้แจ้ง แต่กลับไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเขา