หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 433 ช่วยคุณหนูเรื่องเล็กๆเรื่องนึง
บทที่ 433 ช่วยคุณหนูเรื่องเล็กๆเรื่องนึง
มีเย่หลีเฉินร่วมทางไปสวนว่างฮัว หากเกิดเรื่องอะไร เขาจะต้องช่วยได้แน่
เพราะนางได้เตรียมรถม้าพิเศษไว้ใช้เองแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่คิดที่จะขึ้นรถม้าของเย่หลีเฉิน แต่นางก็รู้สึกได้ว่า ในรถม้าของเย่หลีเฉินเหมือนจะมีอีกคนนึง
ภายใต้การเพ่งมองของนาง ฝ่ามือใหญ่เรียวยาวจับผ้าม่านรถม้า จากนั้นก็ค่อยๆเปิด เครื่องหน้าทั้งหมดหากแยกกันดูนั้นดูงดงามเตะตา แต่เมื่อรวมกันแล้ว ใบหน้าที่เรียบๆก็ปรากฏขึ้นในสายตาของหลานเยาเยา
เออ?
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
นางจำได้ว่า สามปีก่อนตอนที่เห็นหานแสครั้งแรก เป็นเพราะเย่หลีเฉินต้องการแก้แค้นเสด็จแม่ของตนเอง ดังนั้นจึงพาให้มาพบกันโดยบังเอิญ แต่หานแสโดนพิษกู่จิ้น
แต่ทว่า……
สิ่งที่เย่หลีเฉินไม่รู้ก็คือ
การที่เขาได้มาพบกับหานแสนั้น ทั้งหมดเป็นแผนของหานแส
ตอนนี้ หานแสไม่ได้เข้าสวนว่างฮัวในสถานะเจ้าของเรือ ของเรือแห่งความสิ้นหวัง แต่ใช้สถานะสหายสนิทขององค์ชายรัชทายาท อีกอย่างยังง่ายดาย แม้วันหลังจะมีคนต้องการสืบ ก็จะสืบเจ้าของเรือแห่งความสิ้นหวังไม่พบ
ทำงานรอบคอบจริงๆ!
เย่หลีเฉินเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็รีบขึ้นมาแนะนำ: “ผู้นี้เป็นเป็นเพื่อนข้าหานแสท่านชายหาน แม้จะเป็นแค่สามัญชน แต่ก็เข้าใจอะไรทุกอย่าง เก่งมากๆ”
เก่ง!
เก่งแน่นอน!
เป็นทั้งยมราชเจ้าสำนักยิงจวน และก็เป็นท่านชายหยิ่ง เจ้าของเรือแห่งความสิ้นหวัง จะไม่เก่งได้อย่างไร?
พอแนะนำให้หลานเยาเยาเสร็จ เขาก็รีบพูดกับหานแส: “นี่คือเทพธิดาผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง”
มองเย่หลีเฉินที่ตอนนี้ยิ้มออกมาจริงๆ นางก็ถอนหายใจอย่างบอกไม่ถูก
เย่หลีเฉินมองหานแสเป็นเพื่อนจริงๆ······
น่าเสียดาย!
คนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อน กลับกำลังใช้เขา ส่วนตนเองก็เหมือนกัน ที่มีเจตนาจะใช้เขา
หานแสมองหลานเยาเยาและยกยิ้มขึ้น คำนับและพูดเบาๆ: “ได้ยินชื่อเสียงเทพธิดาผู้โด่งดังมานานแล้ว วันนี้ได้พบ นับว่าเป็นบุญวาสนา”
หลานเยาเยาพยักหน้าน้อยๆบ่งบอกถึงการคารวะตอบ ยังคงเย็นชาไม่พูดเยอะเหมือนเคย และขึ้นรถม้าไป
สวนว่างฮัว
เป็นพื้นที่ปลูกดอกไม้โดยเฉพาะ พื้นที่นั่งกว้างใหญ่ รอบๆล้อมด้วยกำแพงสูงเมตรกว่า มีเพียงประตูทางออกประตูเดียว
แน่นอน!
สำหรับคนที่มีวิชาตัวเบา การข้ามกำแพงสูงเมตรกว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ในพื้นที่นั้นปลูกดอกไม้ล้ำค่า สวยงามหลากหลายชนิด มีหลากหลายสายพันธุ์นับไม่ถ้วน นอกจากนั้นยังออกดอกตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงเริ่มได้ชื่อตั้งแต่ราชวงศ์เก่าว่าสวนว่างฮัว
ด้านในสวยสงบ มีนกร้อง ดอกไม้บาน อากาศทำให้คนสบาย
เป็นสถานที่ชมดอกไม้ที่ยอดที่สุดของเหล่าผู้มีความสามารถ
แต่นี่เป็นพื้นที่ ที่ฮ่องเต้มอบให้แก่ถังเฉิงเสี้ยง และถังเฉิงเสี้ยงก็เอาที่ดินผืนนี้มอบให้แก่ถังมู่หวั่นแก้วตาดวงใจของเขา
ถังมู่หวั่นอ่อนโยนใจกว้าง มนุษยสัมพันธ์ดี บ่อยครั้งมักจะเชิญเหล่าคนมีความสามารถ หรือท่านชายคุณหนูครอบครัวตระกูลขุนนางมาชมดอกไม้
แต่ไหนแต่ไร คนที่จะสามารถเข้ามาชมดอกไม้ได้ เหล่าสามัญชนก็จะมองอย่างสูงส่งขึ้น
วันนี้ถังมู่หวั่นจัดงานชมดอกไม้ นับว่าเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบสามปี
เพราะไม่เพียงแต่ท่านชาย คุณหนูของแต่ละตำหนักมา ยังมีตำแหน่งที่หกของคุณชายทั้งเจ็ดแห่งเมืองหลวงที่จะมาด้วย แม้แต่เทพธิดาผู้ที่ชอบภาวนาให้ประชาชน ฮ่องเต้ยังเคารพยำเกรงก็มา
ดังนั้นคนจำนวนมากต่อให้หัวแตกก็จะต้องการมาสวนว่างฮัวเพื่อดู
น่าเสียดาย……
พวกเขาไม่มีแม้แต่จดหมายเชิญ
รถม้าของพวกหลานเยาเยา เข้ามาใกล้ถึงสวนว่างฮัวแล้ว ก็ได้กลิ่นดอกไม้ระเบิดความหอมออกมา หากมองจากที่ไกลๆ กำแพงยาวคดวนเวียนล้อมรอบผืนดอกไม้หลากหลายสีไว้ ดูงดงามมาก
เนื่องจากตอนนี้รถม้าของพวกเขานั้นอยู่สูงจากพื้น ดังนั้นจึงเห็นทิวทัศน์รอบๆพื้นที่
นั่งอยู่ในรถม้า
หลานเยาเยามองจากหน้าต่างเล็กๆ นอกจากจะเห็นทุ่งดอกไม้ผืนใหญ่แล้ว ส่วนที่เหลือก็เห็นเพียงแต่ศาลาพลับพลาและหินต้นไม้ มองไม่ออกเลยว่าตรงไหนที่เป็นสถานที่ห้ามเข้าของสวนว่างฮัว
ดังนั้นหลานเยาเยาจึงปล่อยม่านหน้าต่างเล็กลง
ในสวนว่างฮัว
พอเข้าไปอยู่ตรงลานด้านหน้าสวนว่างฮัว ก็มีศาลาสองชั้นขนาดใหญ่ ที่นั่นเป็นสถานที่พูดคุย พักผ่อนจากการชมดอกไม้จนเหนื่อยของเหล่าท่านชายคุณหนูโดยเฉพาะ
ตอนนี้ยังไม่เริ่มชมดอกไม้ คนที่มาร่วมงานชมดอกไม้วันนี้กำลังดื่มชาพูดคุยอยู่บนศาลา และถือโอกาสแสดงพรสวรรค์ของตนเอง บรรยากาศสนิทสนมกลมกลืน สามัคคีกัน
แต่ทว่าในห้องแถวท้ายสุดของทุ่งดอกไม้สวนว่างฮัว หนึ่งในห้องนั้น
“เพี๊ยะ……”
“เพี๊ยะ……”
“เพี๊ยะ……”
“……”
เสียงโบยด้วยแส้ดังขึ้นมาทีละครั้ง ผสมกับเสียงร้องที่โศกเศร้าเจ็บปวด
ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องมือทางการเกษตร วางไว้อย่างเรียบร้อยเป็นกองใหญ่ๆอยู่ตรงนั้น ล้วนเอาไว้ใช้สำหรับใส่ปุ๋ยตัดแต่งดอกไม้ และอื่นๆโดยเฉพาะ
ในด้านเครื่องมือเกษตร
หญิงวัยกลางคนที่ดูเหมือนเป็นคนสวน คุกเข่าสองข้างลงไปกับพื้น มือเท้าถูกมัดด้วยเชือกป่านไว้แน่นจนเห็นรอยแดง เนื้อตัวถูกเฆี่ยนจนเลือดออก
แววตาของนางหวาดกลัวจนร่ำไห้ พลางกับส่ายหัวอย่างสุดแรง
ทางด้านหน้ามีเก้าอี้อยู่ตัวหนึ่ง บนเก้าอี้มีหญิงสาวที่แต่งตัวเป็นสาวใช้นั่งอยู่ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นชา แส้ในมือที่กำไว้แน่น มีเลือดเนื้อบางๆติดอยู่
จากนั้นก็ไม่พูดอะไร ฟาดลงไปที่หญิงชาวสวนอีกสองที ทันใดนั้นบนร่างกายของหญิงชาวสวนก็มีรอยแส้ชุ่มเลือดเพิ่มขึ้นมาอีกมากกว่าสองเส้น
“เจ้า! สมุนรับใช้แสนต่ำต้อย พูดให้ดูดีก็คือคนสวน พูดให้ดูแย่ก็คือ ยายแก่ต่ำต้อยตายยาก คิดว่าอยู่ในสวนว่างฮัวมาสองสามปี ก็จะคิดว่านี่เป็นบ้านตัวเองงั้นหรอ?
ของในสวนว่างฮัวก็กล้าขโมยงั้นรึ? รนหาที่ตายเสียจริง ได้ยินว่าเจ้ามีลูกชายที่เต็มไปด้วยความรู้ เดิมทีคุณหนูเองก็ชื่นชมเขา น่าเสียดายที่เขามีแม่ที่มือเท้าสกปรกเช่นเจ้า อนาคตจึงพังเช่นนี้”
สิ้นเสียง
หญิงชาวสวนเจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา และอ้อนวอนอย่างทุกข์ทรมาน
“แม่นางเสี่ยวเหลียนไว้ชีวิตด้วยเถอะ! ข้าน้อยไม่ได้ขโมยของ ข้าน้อยหยิบเมล็ดพันธุ์ดอกไม้พวกนั้นเป็นสิ่งที่หลังจากผู้ดูแลได้โยนทิ้งไปแล้ว ข้าน้อยจึงเก็บขึ้นมา ข้าน้อยไม่ได้ขโมยของจริงๆ โปรดแม่นางตรวจสอบอย่างชัดเจน อนาคตของชิงเหยนจะพังไม่ได้เด็ดขาด!”
ถูกต้อง!
สาวใช้ที่ถือแส้คมอยู่ ก็คือเสี่ยวเหลียน สาวใช้ข้างกายของถังมู่หวั่น นางมองที่แส้คม และโยนทิ้งไปด้านข้างอย่างรังเกียจ หลังจากยืนขึ้น ก็เดินไปนั่งยองๆตรงหน้าหญิงชาวสวน
“ผู้ดูแลบอกว่าเจ้าขโมย ยังคิดเถียงอีกหรือ?”
หญิงชาวสวนผู้นั้นเป็นคนสวนในสวนว่างฮัว เพราะแอบหยิบเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ต้องการไปขาย เพื่อให้หลี่ชิงเหยนลูกชายของนางเอาไปสอบเป็นขุนนาง
เดิมทีก็ไม่มีอะไร
เอาก็เอาไป ยังไงก็ไม่ต้องการแล้ว น่าเสียดายที่จังหวะไม่ดี เกิดขึ้นวันนี้พอดี คุณหนูกำลังกลุ้มใจว่าจะจัดการเทพธิดาอย่างไร! หญิงต่ำต้อยคนนี้ยินดีขึ้นมารับผิดชอบเอง
“ข้าน้อยไม่ได้ขโมยของจริงๆ เมล็ดพันพันธุ์พวกนั้นไม่ต้องการแล้วจริงๆ แม่นางเสี่ยวเหลียน ได้โปรดเมตตาชิงเหยนด้วยเถิด อย่าตัดเส้นทางอนาคตการสอบขุนนางของเขาเลย”
ของไม่ได้ขโมย ตีให้ตายนางก็ไม่อยากยอมรับ ถ้ายอมรับแล้ว ลูกชายนางจะยังมีหน้าไปสอบขุนนางเหรอ?
หญิงชาวสวนที่ถูกมัดไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ก้มหัวลงไปคำนับที่พื้นแรงๆ เสียงดังปักปัก
“เอาหล่ะ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ลงโทษเจ้าก็ลงโทษไปแล้ว การขโมยของนั้นส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อลูกชายเจ้า เอาอย่างงี้แล้วกัน! เจ้าช่วยคุณหนูเรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง คาดว่าคุณหนูจะไม่ซักถามเรื่องนี้อีก ราวกับว่าเจ้าไม่เคยขโมยของมาก่อน ไม่แน่วันหลัง ลูกชายของเจ้าจะไม่ต้องกังวลอะไรอีก!”