หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 463 ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าวางไว้ที่ไหน
บทที่ 463 ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าวางไว้ที่ไหน
โหลวเย่วดีอกดีใจขึ้นมาในทันใด แต่ดีใจยังไม่ถึงสองสามวินาที ทั้งใบหน้าก็ละห้อยลงมาในพริบตา
“แต่ข้าได้ยินว่า เขาพาผู้หญิงผู้หนึ่งกลับไปที่จวนตอนกลางดึก ยังจะให้ผู้หญิงผู้นั้นอยู่ที่จวนคืนหนึ่ง หากไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาชอบ จะพาคนอื่นเขาเข้าบ้านได้อย่างไรล่ะ?”
โหลวเย่วมักจะใส่ใจกับความเคลื่อนไหวของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์เสมอ ดังนั้นนางก็รู้จักคนใช้ของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์หนึ่งสองคน เรื่องเซียวซื่อจื่อพาผู้หญิงกลับมาอาศัยที่จวนคืนหนึ่ง นางก็รู้มาจากปากของคนใช้ นางกลัดกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้มาระยะหนึ่ง
ยังคิดว่าเป็นเซียวซื่อจื่อมีผู้หญิงที่ใจหมายปองแล้ว
ดังนั้นนางรู้สึกว่าตัวเองควรสละสิทธิ์
ได้ยินดังนั้น
หลานเยาเยาก็หรี่ตาลงในพริบตา
เรื่องเช่นนี้สามารถแพร่ออกมาได้ จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ก็ชั่งเก็บความลับไว้ไม่อยู่ไปแล้ว?
ช่างเถอะ คิดเล็กคิดน้อยมากขนาดนั้นทำไม?
ยังไงซะ เรื่องของเซียวจิ่นหยูก็ไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นใหญ่อะไร คนอื่นก็คงไม่ไปสืบอะไร?
ถึงเวลาโหลวเย่ว……
“ทำไมเจ้าต้องสนใจความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขาขนาดนี้?”
คำพูดได้เอ่ยถึงขั้นนี้แล้ว หลานเยาเยาเหมือนกับว่าจะเข้าใจความรู้สึกของโหลวเย่วแล้ว ด้วยเหตุนี้รีบมองสีหน้าของโหลวเย่วทันที พบว่าบนแก้มของนางเริ่มย้อมเป็นสีแดงระเรื่อ จึงได้มั่นใจยิ่งขึ้นว่าโหลวเย่วชอบเซียวจิ่นหยู
ถามด้วยความตะลึงว่า : “เจ้าชอบเขามาก ต้องเป็นเขาเท่านั้นหรือ?”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป!
ใบหน้าของโหลวเย่วก็แดงก่ำขึ้นมาทันที แม้แต่หูก็เป็นสีแดงระเรื่อ
“ไม่มี ใครบอก ท่านอย่าพูดมั่วซั่ว ข้าชอบเขา อยากเห็นเขาทุกเวลา เช่นนี้ก็รู้สึกว่ามีความสุขมาก”
เมื่อนึกถึงท่าทางของเซียวซื่อจื่อที่กิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน แววตาของนางก็อ่อนโยนขึ้นมา บนใบหน้าก็ปริยิ้มขึ้น
มองดูโหลวเย่วที่ท่าทีตื่นเต้น
หลานเยาเยาเชอะเสียงหนึ่ง : “ยังไม่มี ข้าเห็นเจ้าเริ่มมีความรัก ชอบคนอื่นเขาแล้ว และยังคิดมาเป็นเวลานาน จนแทบจะเป็นโรคไข้ใจแล้ว”
ภายใต้คำพูดที่แน่วแน่ของนาง
โหลวเย่วก็ไม่ปฏิเสธแล้ว นางเพียงแค่ก้มศีรษะลงเงียบๆ ในใจงุนงงเล็กน้อย เงียบอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวน้ำเสียงบางๆเหมือนยุง :
“เหมือนองค์หญิงเช่นนี้อย่างข้า ไร้อำนาจไร้อิทธิพล มีชื่อเสียงแค่ในนาม เขาคงไม่ชอบ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยสนใจข้า แม้ว่าจะมีเวลาที่อยู่ต่อหน้า เขาก็เพียงแค่ทำความเคารพข้าอย่างนอบน้อมเท่านั้น ไม่เคยมีเงาของตัวเองในสายตาตั้งแต่เริ่มจบ”
แต่คนที่เป็นเช่นนี้ กลับทำให้ใจเอนไป เฝ้ารอด้วยความคิดถึง
ทั้งที่รู้ว่าในตาเขาไม่มีนาง นางก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“โหลวเย่ว พูดความจริงกับเจ้าประโยคหนึ่ง เจ้าอย่าคิดมาก ความจริงข้ารู้สึกว่าเจ้ากับเซียวจิ่นหยูไม่เหมาะสมกัน
แน่นอน นี่เป็นเพียงข้าเองที่รู้สึก คนควรจะหาผู้ที่ชอบตัวเองและคนที่ตัวเองชอบอยู่ด้วยกัน ถ้าฝืนแล้ว บางทีอยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่แน่ว่าจะมีความสุข”
แต่ความรักมีอะไรอีกล่ะ?
มีกี่คนบนโลกนี้ที่จะพอเข้าใจได้?
ในสมัยโบราณนี้ ผู้ชายผู้หญิงให้ความสำคัญกับฐานะทางบ้านที่เหมาะสม และต้องมีคำสั่งของบิดามารดาในการตกลงแต่งงาน ก่อนหน้าที่คนส่วนใหญ่จะแต่งงาน แม้แต่หน้าตาของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้เห็น จะชอบกันได้อย่างไร?
“เฮ้อ……”
“ทำไมแม้ท่านก็พูดเช่นนี้?”
โหลวเย่วถอนหายใจ แววตาเศร้าหมอง
วันนี้ หลังจากที่เสด็จอารู้ว่านางกำลังสืบถามข่าวคราวของเซียวซื่อจื่อ พูดเรื่องที่นางชอบเซียวซื่อจื่อออกมาอย่างไร้เยื่อใย
จากนั้นก็พูดกับนางอย่างเย็นชาว่า นางไม่เหมาะสมกับเซียวซื่อจื่อ ยังบอกว่าความรู้สึกที่นางมีต่อเซียวซื่อจื่อเป็นแค่ความสนิทสนม เป็นความสนิทสนมเหมือนพี่เหมือนบิดาเช่นนั้น และให้นางตัดใจ
นางรู้สึกว่าเสด็จอาชั่งบ้าอำนาจ ชั่งไม่เข้าใจนาง
ดังนั้นนางจึงได้วิ่งออกมาที่นี่กินอาหารมื้อใหญ่ กลับคิดไม่ถึงว่าพบกับเทพธิดา
คิดไม่ถึงว่านางแค่ถาม เทพธิดาก็เดาความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออก และคิดไม่ถึงว่านางจะพูดเหมือนกับเสด็จอา
นางกับเซียวซื่อจื่อไม่เหมาะสมกันจริงหรือ?
บางทีพวกเขาอาจพูดถูก
แต่ว่า คนที่เลื่อมใสศรัทธามาตั้งนานขนาดนั้น ให้ตัวเองปล่อยวางทันที นางยังทำใจไม่ได้จริงๆ
ทันใดนั้นตรงถนนสายหลักก็มีเสียงตะโกนดังเอะอะขึ้น เหล่าขุนนางทหารเริ่มตะโกนเสียงดังสืบหาคนโดนมนต์ดำทั่วทุกที่บนถนน
พวกเขาเป็นองครักษ์วังหลวงที่ซื่อสัตย์ต่อฮ่องเต้ เวลานี้ปรากฏตัวที่นี่ ไม่มีคนรู้สึกว่าแปลกประหลาด
ถึงอย่างไร!
ตั้งแต่วันที่คนโดนมนต์ดำปรากฏตัวขึ้นที่สวนว่างฮัวเป็นต้นมา หลังจากนั้นทุกวัน องครักษ์วังหลวงเหล่านี้ก็ออกลาดตระเวนตรวจตามตรอกซอยถนนน้อยใหญ่ว่ามีคนโดนมนต์ดำออกมาหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกัน
แน่นอน!
องครักษ์วังหลวงเหล่านี้ ยังมักจะแอบอ้างการสืบหาคนโดนมนต์ดำในการเข้ายึดทรัพย์สินของประชาชนเสมอ เพียงแต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำเกินไป เพียงแค่เห็นประโยชน์ก็รับไว้
เห็นความเคลื่อนไหวทางนั้น องครักษ์วังหลวงกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะตรวจสอบทางนั้นเสร็จ ก็เดินมาทางถนนของกินเล่นทางนี้แล้ว
ในใจของโหลวเย่วก็กังวลทันที
หากว่าให้พวกเขาเห็นว่าเทพธิดาอยู่กับนาง คาดว่าเสด็จพ่อจะต้องเรียกนางเข้าวังไปสอบถามอีกรอบเป็นแน่
นางมีความทรงจำไม่ดีกับพระราชวัง นางไม่อยากไปพระราชวัง
กำลังคิดว่า จะหลบหนีอย่างไร เมื่อหันกลับไปมองเทพธิดา กลับพบว่าข้างกายของนางว่างเปล่าไร้ผู้คน แม้แต่ขาหมูบนโต๊ะอยู่ดีๆก็หายไปด้วย
“คนล่ะ?”
หลังจากที่ยามค่ำคืนเคลื่อนคล้อยมา ก่อนที่ประตูใหญ่ของพระราชวังจะปิด เงาร่างเล็กกะทัดรัด ยืมความมืดยามค่ำคืนช่วยปิดบัง ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือแปลกๆข้ามกำแพง ข้ามเข้าไปในกำแพงพระราชวังที่สูงตระหง่านตระการตา
พระราชวังยังเป็นพระราชวังนั้น ทัศนียภาพยังเป็นทัศนียภาพเดิม
แต่บรรยากาศข้างในกลับต่างไปอย่างมาก ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แต่ก่อนพระราชวังมีการคุ้มกันแน่นหนา แสงไฟสว่างไสว ทหารลาดตระเวนแต่ละคนท่าทางเคร่งขรึม
แต่ตอนนี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างเหมือนสถานการณ์ที่ตึงเครียดพร้อมสู้รบ แม้องครักษ์วังหลวงที่ลาดตระเวนก็เพิ่มขึ้นมามากกว่าหนึ่งเท่า สิบก้าวเป็นหนึ่งป้อมยามอย่างแท้จริง ห้าก้าวคุ้มกัน พกดาบแหลมคมที่เอว เท้าสวมรองเท้าบูตหนังกวางยาว ราวกับว่าในพระราชวังล้วนเต็มไปด้วยทหารป้องกันเข้มงวด
ดีที่วิชาตัวเบาของหลานเยาเยาไม่เลว
บวกกับเคยมาแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นนับว่านางยังมีความคุ้นเคยต่อพระราชวัง
เพราะครั้งแรกที่กระโดดเข้าพระราชวัง นางก็ได้ทำความเข้าใจกับพระราชวังอย่างละเอียดแล้ว ดังนั้นเข้ามาครั้งนี้ ยังถือว่าค่อนข้างราบรื่น
ก่อนหน้านี้ เมื่อตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าเพิ่งจะตกอยู่ในมือ ฮ่องเต้รับสั่งให้คนเฝ้าดูแลโดยเฉพาะ
ด้วยเหตุนี้นางเพิ่มความรวดเร็ว เหาะไปทางสถานที่เก็บวางตราราชลัญจกรหยก เงาร่างหนึ่งพาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน หายไปในที่มืด
มาถึงสถานที่เก็บวางตราราชลัญจกรหยกโดยเฉพาะอย่างรวดเร็ว ที่นี่ก็มีองครักษ์วังหลวงเฝ้ารักษา
คนยังมากมายกว่าปกติ
ตราราชลัญจกรหยกของฮ่องเต้มีหลายชิ้น ที่สำคัญที่สุดคือตราราชลัญจกรหยกตราราชลัญจกรหยก
สารที่ได้รับก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้ยังคงให้ขันทีที่ดูแลนักโทษดูแลสถานที่แห่งนี้
นางใช้ควันที่ทำให้คนสลบทำให้องครักษ์วังหลวงที่เฝ้าหน้าประตูสองกลุ่มสลบไป เข้าไปหาดูรอบหนึ่ง หาตราราชลัญจกรหยกเจอมากมาย
แต่ล้วนไม่ใช่ตราราชลัญจกรหยกตราราชลัญจกรหยก ดังนั้นนางไม่มีเวลาว่างจะแตะต้อง
เพราะนางรู้ สถานที่วางตราราชลัญจกรหยกทุกชิ้นล้วนติดตั้งอาวุธลับแห่งกลไก มีเพียงคนที่สัมผัสตราราชลัญจกรหยกโดยเฉพาะเท่านั้นจึงจะสามารถพอรู้ได้ว่ากลไกอยู่ที่ไหน
แทบจะพลิกแผ่นดินที่นี่ขึ้นฟ้า ก็ยังหาเบาะแสของตราราชลัญจกรหยกไม่พบ
น่าแปลก?
ทั้งๆที่มีทหารเฝ้ารักษาหนาแน่น อีกทั้งสายรายงานก็บอกว่าตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าวางอยู่ที่นี่
หรือว่าเหล่านี้ล้วนเป็นภาพลวงตา?
ฮ่องเต้กลัวว่าจะเกิดเรื่อง ตั้งใจสร้างสถานที่วางตราราชลัญจกรหยกลวงตาแห่งนี้ขึ้น แต่ความจริงกลับแอบเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างลับๆ
เมื่อคิดดังนี้
หลานเยาเยาหรี่ตาลง ตาแก่ชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ดั่งคาด
แต่ทว่า นางยังมีวิธีที่จะหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าออกมาให้ได้
คอยดูเถอะ!
หลังจากออกมาแล้ว เมื่อซ่อนตัวในที่ลับ หลานเยาเยารีบวางยาถอนพิษควันที่ทำให้คนสลบทันที ไม่นาน องครักษ์วังหลวงทั้งหมดที่สลบไปก็ฟื้นขึ้นมา