หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 49 องครักษ์จวนแม่ทัพ
บทที่ 49 องครักษ์จวนแม่ทัพ
“ทำไม ข้าไม่ตาย เจ้าไม่ดีใจ? อีกยัง หยุดเรียกข้าคุณหนูหกเสียที”
นางไม่ใช่คนของจวนแม่ทัพอีกต่อไป และตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับหลานเฉินมู๋ ยังเรียกนางคุณหนูหกมันรู้สึกแสบหูแปลกๆ
คนคนนี้ ทำงานรวดเร็วฉับไวดี แค่คำพูดคำจาไม่น่าฟังไปหน่อย
“ได้เลย งั้นก็ไม่เรียกคุณหนูหกแล้ว เรียกว่าแม่นางหลานละกัน แบบนี้ทั้งไม่เป็นการล้ำเส้น และไม่ห่างเหินจนเกินไป”
“แล้วแต่เลย”
ก็แค่คำเรียกเฉยๆ นางยังไงก็ได้
แต่ว่า ถิงเมี่ยนกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานเยาเยาในจวนแม่ทัพ
แต่ว่าจากแหล่งข่าวลือทราบมาว่า อ๋องเย่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังพานางออกจากจวนแม่ทัพ ทั้งยังพากลับไปที่จวนอ๋องเย่
ต่อมายังลืออีกว่า แม่ทัพหลานได้รับบาดเจ็บสาหัส และขุนนางที่ติดตามแม่ทัพหลานที่กลับจวนด้วยกันมาตายบ้างบาดเจ็บบาด เพราะสาเหตุอะไรนั้นก็มิอาจทราบได้
ทว่าตามที่เขาคาดหมาย น่าจะเป็นเพราะว่าหลานเยาเยาล่วงเกินอ๋องเย่
คิดไม่ถึงว่าหลานเยาเยาจะมีความสัมพันธ์กับอ๋องเย่ได้ ทั้งยังลือกันในตลาดว่าอ๋องเย่จะสู่ขอให้นางเป็นพระชายา
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือเท็จ?
ไม่ว่ายังไง? สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนางไว้ ไม่น่าเสียหายอะไร
“แม่นางหลาน ข้าพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง ที่นี่เสียงดังวุ่นวายเกินไป ไม่เหมาะกับสถานะของท่านนัก”
“ดีเลย”
เพราะนางก็ไม่ชอบบรรยากาศที่นี่
หลังจากผ่านไปไม่นาน
ถิงเมี่ยนพานางมาถึงสถานที่หนึ่งที่สงบมาก ถึงแม้ยังไม่ได้ออกจากตลาดมืด แต่ว่าข้างในนี้สะอาดเรียบร้อยไม่มีกลิ่นเหม็น โดยรวมคือดี
หลานเยาเยาบอกเขาเรื่องที่นางจะซื้อบ้าน และให้สัญญาว่าถ้าหาบ้านเจอ จะตบรางวัลอย่างงาม
ถิงเมี่ยนรับปากทันที
“แม่นางหลาน ท่านวางใจได้เลย เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ราคายุติธรรมแน่นอน”
“งั้นตกลงตามนี้ หลังจากที่ทำสำเร็จข้าจะเลี้ยงข้าวท่าน” จากนั้นหยิบถุงเล็กๆในมือออกมา โยนไปให้เขา “เมล็ดทานตะวันนี้กรอบดีนะ ทั้งยังมีกลิ่นหอมห้ากลิ่น เจ้าน่าจะชอบ ข้าไปก่อนล่ะ ”
“ชอบแน่นอน ขอบคุณแม่นางหลานมาก” มองดูถุงเมล็ดทานตะวันแวบหนึ่ง ตามด้วยกวักมือยิ้มกริ่ม เรียกคนติดตามมา “ไปส่งแม่นางหลาน”
“ขอรับ ท่านถิง”
มองดูหลานเยาเยาที่เดินห่างออกไป ถิงเมี่ยนเปิดถุงออก ยื่นมือเข้าไปหยิบเมล็ดทานตะวันออกมากิน
“ใช้ได้ มีห้ากลิ่นจริงด้วย”
ขณะที่พูดก็หันกลับเข้าไปข้างใน “เสียงของดาบ” ที่คมกริบฉายแสงเย็นวาบ ครู่เดียวก็วางทาบอยู่ที่คอของเขา
ถุงเล็กในมือตกลงไปที่พื้นทันที เมล็ดทานตะวันกระจัดกระจายเต็มพื้น
สีหน้าถิงเมี่ยนเปลี่ยนทันที พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“เจ้าจะทำอะไร”
ชายที่ถือดาบทาบที่คอเขา สวมใส่ชุดจีนทะมัดทะแมง ใบหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยือกจ้องไปที่เขา และไม่ได้ตอบคำถามเขา
ขณะที่ถิงเมี่ยนกำลังจะเปิดปากพูด ก็มีร่างคนหนึ่งคนปรากฏต่อหน้าเขาอย่างกะทันหัน
ถิงเมี่ยนถึงกับเบิกตากว้าง นัยน์ตาหวาดกลัว ร่างกายกลัวจนสั่นเทาเบาๆ
นัยน์ตาเขาสะท้อนชายรูปงามที่มีหน้าตาดั่งเทพยดาจุติมาเกิด นัยน์ตาลึกล้ำดุจน้ำวน แค่เขามองดูก็เย็นวูบเป็นระลอกๆ
ชายหนุ่มเดินมาหาเขาอย่างช้าๆ ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายของความเป็นอ๋องที่มีมาแต่กำเนิดกดดันเขาจนหายใจไม่ออก
“อ๋องเย่…เย่”
——
หลานเยาเยากลับมาถึงถนนใหญ่ ก็ซื้อของมากมาย ส่วนใหญ่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน
ขณะที่นางกำลังจะจ่ายเหรียญเงินที่ด้านหน้าร้านแผงขายถังไม้ร้านหนึ่ง มือข้างหนึ่งที่มีรอยเหี่ยวย่นหน่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างกายนางอย่างกะทันหัน และได้วางเหรียญเงินหนึ่งชิ้นไว้ตรงหน้าเจ้าของแผงขายของ
“เถ้าแก่ นี่เงินเหรียญเงินที่คุณหนูหกต้องจ่าย ไม่ต้องถอนแล้วนะ” นี่เป็นเสียงที่คุ้นเคยและแปลก
“ขอบคุณคุณหนูหก คุณหนูหกจิตใจช่างดีงามเหลือเกิน ”
เจ้าของแผงขายของรับเหรียญเงินชิ้นนั้นไป ได้แต่ขอบคุณฟ้าดิน ดีใจจนหุบยิ้มไม่ลง
หลานเยาเยาเอาของที่อยู่ในมือใส่ลงในถังไม้ จากนั้นหันกลับไปดู
องครักษ์ที่ดูหน้าตาคุ้นๆคนหนึ่ง
เฮ้ย
นี่มันคนของจวนแม่ทัพไม่ใช่หรือ?
นึกไม่ถึงว่าจะเรียกนางว่าคุณหนูหกต่อหน้า หมายความว่าไง?
หลานเยาเยาไม่ได้สนใจเขา แต่ว่าลากถังไม้แล้วไปเลย
“โครมครามๆ”เสียงดังมาก แต่ว่าลากบนถนนใหญ่ และบนถนนใหญ่เสียงดังโกลาหลอยู่แล้ว ดังนั้นเสียงลากถังไม้ ไม่ได้แสบหูมากนัก
“คุณหนูหก คุณหนูหก รอข้าน้อยด้วย ข้าน้อยมีเรื่องจะพูดกับท่าน”
อาจจะมีคำสั่งมา องครักษ์นั้นเหมือนจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าไม่อยากรู้ และข้าไม่ใช่คุณหนูหกของพวกเจ้าแล้ว”
มีอะไรต้องพูดอีกล่ะ?
ก็เรื่องที่หลานชิวหยุนชื่อเสียงป่นปี้ จะขึ้นเป็นพระชายาขององค์ชายราชทายาทน่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
และนางถูกอ๋องเย่พาตัวออกมาท่ามกลางคนมากมาย และพากลับไปที่จวนอ๋องเย่ หลานชิวหยุนพึ่งไม่ได้แล้ว ก็เลยหวังจะพึ่งนางน่ะสิ
ตอนนี้แค่นางนึกถึงหลานเฉินมู๋นางก็รู้สึกขยะแขยง หากต้องเจอเขาจริง นางจะต้องอ้วกออกมาแน่ๆ
ดังนั้น
นางทำตาขวางใส่องครักษ์ และตักเตือนว่า
“จวนแม่ทัพตระกูลหลาน ไม่มีหลานเยาเยาอีกต่อไป หากเจ้ายังกล้าตามข้าอีก อย่าหาว่าข้าเสียมารยาท”
แม้ว่าคำพูดนี้จะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ดูจากสายตานางรู้ได้เลยว่านางไม่ได้ล้อเล่น
องครักษ์สะดุ้งตกใจ ไม่กล้าเดินตามอีก ได้แต่มองนางเดินหายเข้าไปในหมู่คน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
หลานเยาเยาที่ลากของตั้งมากมายกลับมาถึงในบ้านร้างที่ผุพัง
ตอนที่นางออกมา ตั๋วเงินที่วางอยู่บนโต๊ะหายไปแล้ว
กลิ่นเนื้อย่างหอมลอยโชยมาแตะที่จมูกของนาง
ให้ตายเถอะ
เขาไม่อยู่บ้าน ไอ้แก่เย่นใช้ชีวิตได้ไม่เลวนะ
“ไอ้แก่
เย่น เจ้าอยู่ไหนน่ะ? มีของกินอร่อยๆไม่รู้จักแบ่งปันกันนะ? หลานสาวคนนี้ไม่เคยอยู่ในสายตาเลย
นี่
ซ่อนตัวได้ดีนะ
บ้านร้างนี่ก็เล็กนิดเดียว นางหาจนทั่วทุกมุมแล้ว ไหงยังหาคนไม่เจอ
หาคนไม่เจอก็ช่างมันเถอะ แม้แต่เนื้อย่างก็หาไม่เจอ
“แปลก?ไอ้แก่เย่น เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่? ไม่ใช่ว่าหลบเข้าไปอยู่ในโอ่งนะ”
ขณะที่นางกำลังจะเปิดฝา ดูว่าในโอ่งมีคนซ่อนอยู่หรือไม่
เสียง“ตง”
“โอ๊ย”
ของที่มีที่มาไม่ชัดเจนตีโดนที่หัวนาง หลานเยาเยามองของที่ตกในพื้น ที่แท้ก็เป็นกระดูกไก่ นางเงยหัวมองขึ้นไปบนหลังคาทันที
มองผ่านแผ่นกระเบื้องหลังคาที่ผุพัง มองเห็นไอ้แก่เย่นนั่งอยู่บนหลังคา กำลังกินน่องไก่อย่างเอร็ดอร่อย ท่าทางอิ่มเอม คำพูดของนางไม่ได้ผ่านเข้าหูเลย
“เว่ย เจ้าลงมาเร็วเข้า ข้าซื้อของมามากมาย ช่วยย้ายหน่อย”
“นังเด็กบ้า ไม่เห็นหรือไงข้ากำลังยุ่งอยู่”
อะไรนะ
นั่งแคะน่องไก่อยู่ตรงนั้นแล้วยังไม่แบ่งนางด้วย นี่เรียกว่ายุ่งหรือ?
หลานเยาเยาไม่พูดจาให้มากความเดินออกไปข้างนอก หาก้อนหินจากข้างนอกสองสามก้อน โยนตรงไปที่ไอ้แก่เย่นที่กำลังแคะกระดูกไก่อย่างเมามั่น
“โอ๊ย หัวข้า”
“นังเด็กบ้า ข้าน่ะปู่ของเจ้านะ เจ้าก้มกราบคำนับแล้วนะ คิดจะฆ่าปู่งั้นหรือ?”