หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 504 ส้งเย่นกุยเป็นใครกันแน่
บทที่ 504 ส้งเย่นกุยเป็นใครกันแน่?
ด้วยเหตุนี้กำลังภายในจึงได้ไม่ตีลงไปบนตัวของพวกมันอย่างจริงจัง แต่ยังคงโดนสั่นสะเทือนออกไปแล้ว ใช้กำลังภายในไปกี่ขั้นในใจของนางรู้ดี
แต่งูทองทะเลทรายเพียงแค่สั่นสะเทือนบาดเจ็บ จากนั้นการเคลื่อนไหวก็เชื่องช้าลงเท่านั้น แต่พวกมันก็ไม่ได้ลดละ ยังคงพรั่งพรูมาทางพวกเขา
บ้าเอ้ย!
งูทองทะเลทรายนี่กลายเป็นปีศาจแล้วจริงๆหรือ?
ในสถานการณ์ปกติ ถูกกำลังภายในของนางโจมตี งูทองทะเลทรายก็ตายไปนานแล้ว ตอนนี้ดูแล้ว ไม่เพียงไม่ตาย ยังเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
ความสามารถทนทานการโจมตีแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?
และยังมีความสามารถที่แข็งแกร่งมาในการใช้วิจารณญาณในการสู้รบกับพวกพ้อง มีความทรหดเหมือนกับกองทัพมดทะเลทราย
หลานเยาเยาอุส่าจัดการงูสามสี่ตัวทิ้งอย่างยากลำบาก แต่จำนวนของงูทองทะเลทรายไม่ลดกลับเพิ่มขึ้น ผุดออกมาจากทรายสีเหลืองไม่หยุด
ดูท่าทางเหมือนเป็นการใช้ยุทธวิธีผลัดเปลี่ยนกันทำการรบ กลุ่มหนึ่งกลุ่มหนึ่งโจมตีพวกเขาตามลำดับก่อนหลัง ด้านหน้าล้มลงด้านหลังก็ต่อ คือคิดอยากให้พวกเขาเปลืองแรงตายทั้งเป็น
ผ่านไปครู่หนึ่ง
รอบๆของพวกเขางูทองทะเลทรายตายสะเปะสะปะแล้วจำนวนมาก แต่จำนวนของงูทองทะเลทรายยังคงมากขึ้นเรื่อยๆ องครักษ์ทางนั้นค่อนข้างจะรับมือไม่ไหวแล้ว อีกทั้งวิทยายุทธกำลังภายในของเขาไม่ได้สูงมาก บวกกับ บนขายังมีบาดแผล ดังนั้นเขาไม่สามารถเหาะได้ ทำได้เพียงค้ำยันอยู่ที่พื้นอย่างเข้มแข็งโดยตลอด
งูทองทะเลทรายเหล่านั้นเหมือนจะรู้ถึงจุดนี้แล้ว สำหรับการโจมตีของหลานเยาเยาลดลงไปมาก พวกมันส่วนใหญ่ล้วนหันไปทักทายบนร่างขององครักษ์
หลานเยาเยาก็ไม่ได้อยู่เฉย งูทองทะเลทรายโจมตีนางน้อยมากนางก็ใช้กำลังภายในช่วยองครักษ์จัดการความตึงเครียดด้านหลัง
ดังนั้น ตลอดเวลางูทองทะเลทรายก็ไม่ได้บรรลุเป้าหมาย
“เทพธิดา ท่านรีบไปขอรับ”
ประโยคนี้องครักษ์ไม่กล่าวเพียงครั้งเดียวแล้ว เขารู้อย่างกระจ่าง งูทองทะเลทรายเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ยังจะกัดเขาไม่ปล่อย เขาอยากหนีก็หนีไปพ้นแล้ว
หากว่าพ่วงเทพธิดาเพิ่มอีกคน เช่นนั้นเขาในฐานะองครักษ์ผู้หนึ่งจะมีคุณค่าอะไร?
“หุบปาก!”
สู้รบก็สู้รบ ทำไมถึงได้เอะอะขนาดนี้ล่ะ?
ไม่เห็นว่านางกำลังคิดหาวิธีหรือไง?
ด้วยเหตุนี้ จึงได้ฆ่าฟันงูทองทะเลทรายที่เข้าโจมตีทางด้านหลังขององครักษ์อยู่ตลอด เหลือบมององครักษ์แวบหนึ่ง ขาที่บาดเจ็บของเขากำลังสั่น ดูท่าแล้ว ขาของเขาค้ำยันได้อีกไม่นานแล้ว
นางรีบใช้จิตสำนึกร้องเรียกระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บอย่างเร่งด่วน กลับไม่มีการตอบรับใดๆแว่วมา
ท่านระบบที่สมควรตาย มักจะใช้ไม่ได้ในเวลาที่คับขันเสมอ
งูทองทะเลทรายตัวหนึ่งการดีดกระโดดดีเยี่ยม ดีดกระโดดขึ้นมาในทันที ตรงประชิดใบหน้าของนาง หลานเยาเยายกมือขึ้นก็คือฝ่ามือหนึ่งผ่านไป งูทองทะเลทรายตัวนั้นก็แยกเป็นสี่ห้าส่วนทันที
ฉับพลันนั้น!
“อ้า……”
เสียงร้องที่น่าเวทนาขององครักษ์ดังมาจากด้านหลัง เพียงเพราะขาข้างนั้นได้รับบาดเจ็บทนไม่ไหว อ่อนลงในทันที ท่าทีตอบสนองที่ช้าลงในพริบตานั้น ขาก็ถูกงูทองทะเลทรายกัดไปทันที
ความเจ็บปวดที่แทงเข้าถึงกระดูกฝังเข้าไปในใจ แผ่กระจายจากเท้าสู่ส่วนลึกของหัวใจทันที โจมตีองครักษ์พ่ายแล้ว งูทองทะเลทรายหลายตัวมุดเข้าไปจากข้อเท้าของเขา กัดก็กัด มุดเข้าเสื้อผ้าก็มุดเข้าเสื้อผ้า
จากนั้นก็ขึ้นไปด้านบนตลอดทาง ดูโอกาสที่เหมาะสมที่องครักษ์ร้องด้วยความเจ็บปวดมุดเข้าไปในปาก ด้วยความรวดเร็ว เพียงแค่พริบตา
ขณะที่หลานเยาเยาหันกลับมา องครักษ์ได้ล้มลงที่พื้นชักกระตุกไม่หยุดแล้ว
มองดูงูทองทะเลทรายที่เข้าไปได้ครึ่งร่างแล้ว หลานเยาเยารู้ องครักษ์ไม่รอดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งูของชนิดนี้ หลังจากที่มุดเข้าไปในโพลงแล้ว อยากดึงก็ดึงไม่ออก
งูทองทะเลทรายเจ็ดแปดตัวได้พันร่างกายขององครักษ์แล้ว องครักษ์ที่ไม่มีปัญญาร้องออกเสียง ทำได้เพียงใช้ดวงตาเพ่งมองนางอย่างจดจ่อ
นางอ่านแววตาเขาเข้าใจ : ขอแต่เพียงให้ตายอย่างง่ายๆ!
เพื่อลดความเจ็บปวดขององครักษ์ หลานเยาเยาหนึ่งฝ่ามือโจมตีไปทางใบหน้าของเขาโดยตรง จากนั้นพลิกมือผ่างูทองทะเลทรายที่โจมตีมาบนร่างของนางออกไปอีก
อาจเพราะรสชาติแห่งชัยชนะ งูทองทะเลทรายรีบโจมตีเป็นกลุ่มทันที ดีดกระโดดมาจากรอบด้าน ต้องการจะจัดการนางในคราเดียว
แววตาของหลานเยาเยาเคร่งขรึม ปลายเท้าจรดเท้าเบาๆอีกครั้ง เหาะออกจากพื้นอย่างรวดเร็ว แต่งูทองทะเลทรายที่ดีดกระโดดขึ้นมาได้รัดขาสองข้างของนางเอาไว้
งูที่เหลือก็พันเข้าด้วยกันทีละตัวทีละตัว เฉกเช่นเชือกป่าน จากพื้นเชื่อมต่อไปถึงบนเท้าของหลานเยาเยาที่เหาะขึ้นไป
ก็ราวกับกุญแจเหล็กสองเส้นที่พันธนาการขาทั้งสองข้างของนางอย่างแน่นหนา
มือที่ขับเคลื่อนกำลังภายในของนาง ผ่าลงไปที่งูทองทะเลทรายที่พันเท้าของนางไว้โดยตรง งูทองทะเลทรายก็เหมือนพังทลายลงมาถล่มลงดังสะเทือน ร่วงตกลงพื้น
กลับไม่รู้ ด้านหลังของนางมีงูทองทะเลทรายสองตัวโจมตีมา รู้ว่าอันตรายเข้าใกล้
นางเอียงตัวก็คว้าหัวงูของงูทองทะเลทรายหนึ่งในนั้นไว้ตัวหนึ่ง อีกมือหนึ่งเพิ่งจะผ่างูทองทะเลทรายอีกตัว งูในมือตัวนั้น “ฟู่ว” เสียงหนึ่ง พ่นเมือกที่เป็นพิษใสออกมา นางหลบหน้าออก
งูอีกตัวหนึ่งก็ได้มาถึงบริเวณคอของนางแล้ว เปิดปากกว้างที่กระหายเลือด……
ในช่วงเวลาที่คับขัน
ทันใดนั้นแสงเย็นยะเยือกสว่างวาบ อาวุธลับชิ้นหนึ่งก็พุ่งทะลุหมอกทรายสลัวมากลางอากาศ ยิงตรงเป้าบนงูทองทะเลทรายที่เกือบจะกัดที่คอของนางโดยตรง จากทิศทางของอาวุธลับ งูทองทะเลทรายตัวนั้นถูกอาวุธลับพาไปแล้ว
หลานเยาเยาโล่งใจทันที
จากนั้นก็ใช้แรง บีบงูทองทะเลทรายในมือตาย
แม้ว่าหลานเยาเยาจะหลบเลี่ยงเมือกที่เป็นพิษส่วนใหญ่ แต่เมือกที่เป็นพิษบางส่วนยังตกลงบนเสื้อผ้าของนาง
“จือจือจือ” เสียงเล็กๆแผ่วเบา หลานเยาเยารู้สึกได้ถึงเมือกที่เป็นพิษกำลังกัดกร่อนผ้า ไม่มีเวลาพอให้คิด นางออกแรงฉีกผ้าที่มียาพิษเหลือบนไหล่ทิ้งไปชิ้นหนึ่ง แล้วโยนทิ้งไป
ทันทีหลังจากนั้นเหยียบบนอากาศไม่กี่ก้าว หลานเยาเยาได้เหาะออกจากวงล้อมของงูทองทะเลทรายแล้ว หยุดลงบนเนินทรายข้างๆ
แต่งูทองทะเลทรายเหล่านั้นจะสามารถให้เหยื่อหนีรอดไปได้อย่างไร?
กำลังรู้สึกได้ถึงงูทองทะเลทรายกลุ่มนั้นพุ่งมาทางนางนี้ ทันใดนั้นรู้สึกว่าด้านหลังมีสิ่งของอะไรกำลังเคลื่อนไหว หันหลังไปดู มือที่ขับเคลื่อนกำลังภายในก็ต้องการตีออกไป……
มองเห็นเป็นเงาร่างคน จึงได้เก็บมือกลับทันที
รอจนเดินเข้าใกล้ ลักษณะเป็นเหมือนปัญญาชน กลับเป็นผู้ที่ไม่ได้เปรอะเปื้อนไปด้วยทรายสีเหลืองแม้สักนิด เขามองดูนางเงียบๆ มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ
หลานเยาเยาตะลึงงันทันที
เพราะว่าเวลานี้ที่ปรากฏตัวต่อหน้านาง คือส้งเย่นกุยผู้ที่ไม่ได้เปื้อนทรายสีเหลืองแม้แต่น้อย
บนร่างของเขาไม่เลอะฝุ่นทรายไม่ว่า แม้แต่ทรงผมและชุดบนร่างกาย ล้วนเหมือนขณะที่อยู่หมู่บ้านฝันฮั๋วเช่นนั้น ไม่ยุ่งเหยิงสักนิด อีกทั้งสีหน้าของเขาสงบนิ่ง ราวกับว่าไม่กลัวอันตรายแม้แต่น้อย
พบเทพธิดาไม่มีการเคลื่อนไหว จ้องตรงมองมาที่ตัวเอง
ส้งเย่นกุยลำบากใจไม่กล้าเผชิญหน้า กะพริบเล็กน้อย ยื่นมือออกมาคว้าแขนนางโดยตรง ก็พานางเหาะตามทางไปยังอีกทางหนึ่ง
หลานเยาเยาวิ่งตามส้งเย่นกุยไปพลาง จับตาดูเขาอย่างเงียบๆไปพลาง
การล้อมวงโจมตีของงูทองทะเลทราย กับระยะห่างที่เหมาะสมของเนินทรายที่หยุดลงเมื่อครู่ ตอนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยทรายสีเหลือง หมอกทรายยังไม่จางไป ส้งเย่นกุยจากทิศทางที่เขาปรากฏตัวไม่สามารถที่จะเห็นเงาร่างของนางได้ และไม่สามารถรู้ตำแหน่งที่แม่นยำไม่มีผิดของงูทองทะเลทรายได้
แต่เขากลับไม่ได้เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ใช้อาวุธลับก็โจมตีถูกงูทองทะเลทรายที่ต้องการกัดเข้าที่คอของนางโดยตรง
ความสงสัยในใจยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ รอยย่นระหว่างคิ้วยิ่งรวมเข้ากันเรื่อยๆ
เขาเป็นใครกันแน่?
พบว่างูทองทะเลทรายตามพวกเขาด้วยความรวดเร็วตลอด ส้งเย่นกุยก็ไม่รู้ว่าหยิบอะไรออกมาจากหน้าอก โรยลงไปบนพื้นโดยตรง
ผงยาตกลงที่พื้น แผ่กระจายกลิ่นออกมาพรั่งพรูเข้าจมูก
นางดมได้แล้ว
กลิ่นแสบจมูก
นั้นเป็นชนิดที่สามารถทำให้รบกวนประสาทสัมผัสในการได้กลิ่นของสัตว์ได้ ดังนั้นจึงสูญเสียการวินิจฉัยกลิ่น สามารถพูดได้ว่าใช้มาต่อกรกับสัตว์ที่มีความสามารถแข็งแกร่งในการโจมตีและไล่ล่าเฉพาะทางได้ โดยเฉพาะจำพวกงูที่ใช้ประสาทสัมผัสในการได้กลิ่นเพื่อความแม่นยำ