หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 673 บรรยายความศักดิ์สิทธิ์
รู้ว่าระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนางทำไมต้องเลื่อนขั้นทีละขั้นๆไหม?
รู้ว่าหลังจากที่เลื่อนขึ้นถึงขั้นสุดท้าย ระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรไหม?
หรือว่าเพียงทำให้ส้งเย่นกุยกลับมาจริงๆ? ทำให้เครื่องมือการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและสิ่งของทั้งหมดในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเปิด?
ไม่!
นี่เป็นแค่อย่างหนึ่ง
เพราะว่ายุคแรก ระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนางได้เลื่อนขึ้นสำเร็จนานแล้ว เครื่องมือการรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็เปิดนานแล้ว หลังจากนั้นนางได้ไปๆกลับๆแผ่นดินใหญ่ผืนนี้นับครั้งไม่ถ้วน สืบหาการกลับชาติของเย่แจ๋หยิ่ง แต่ไม่ได้เพียงแค่มุ่งจะสืบหาอย่างเดียวเท่านั้น
นางก็กลัวว่าคนจากนอกแผ่นดินจะมาโจมตีอีกครั้ง
และกลัวว่าแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ใกล้จะล่มสลาย เช่นนั้นนางก็จะไม่ได้พบเจอกับฮ่องเต้ที่ทำทุกอย่างเพื่อนางอีก ดังนั้นนางมีการเตรียมการล่วงหน้า
และนางเอาทุกอย่างที่ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดซ่อนไว้ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ก่อนที่นางจะเสียสละทุกอย่างเพื่อแลกกับการข้ามเวลามาครั้งสุดท้าย นางเอาช่องว่างที่ระบบรักษาแบ่งเป็นสองส่วน เอาชิ้นเล็กๆ เหลือไว้เพียงช่องว่างที่สามารถจุได้เพียงโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง จัดวางสิ่งของและเครื่องมือการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่คนได้ยินแล้วไม่น่ากลัวนัก และติดตั้งเบาะแสเกี่ยวกับการสืบหาฮ่องเต้รุ่นแรกไว้ชุดหนึ่ง
เพียงเพื่อป้องกันไว้ก่อน
หากว่าตัวเองลืมทุกอย่าง เช่นนั้นก็ให้เบาะแสเหล่านี้บอกความจริงกับนาง ช่วยนางสืบหาจนพบ
ฮ่องเต้ในใจของนาง
หลังจากเลื่อนขั้นเสร็จสิ้น ระบบปรากฏกุญแจดอกหนึ่งขึ้น นั่นคือการเปิดช่องว่างขนาดมหึมาที่ถูกแบ่งออกไว้ ด้านในคือสิ่งของทุกอย่างสำหรับการต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดิน
พวกมันเคยใช้มาก่อนในยุคแรก ต่อจากนั้นถูกนางเก็บไว้ในช่องว่างที่ระบบรักษา หลังกลับถึงยุคปัจจุบัน บวกกับการเลื่อนขั้น
เพียงพอที่จะใช้พลานุภาพหลายเท่านี้มารับมือกับคนจากนอกแผ่นดิน……
พร้อมกับการเดินลงจากเรือแห่งความสิ้นหวังมาอย่างช้าๆของหลานเยาเยา
นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ พริบตานั้นบนมือปรากฏภาชนะเป็นแก้วใส่ของใสๆขวดหนึ่ง ด้านในมียาน้ำสีม่วง เป็นขณะที่นางอยู่ในยุคแรก ก็ศึกษาปรุงยาน้ำที่รักษาบาดแผลอย่างรวดเร็วออกมา อีกทั้งจากการเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาของโลกก็ได้พัฒนาขึ้นทีละขั้นๆ
นางชำเลืองมองแวบหนึ่ง
จื่อเฟิงเหาะมาด้วยความรวดเร็ว ฉีกเสื้อผ้าบนแขนในทันที ชักดาบพกตรงเอวออกมา ก็แทงลงไปที่หัวไหล่ของตัวเอง จากนั้นกรีดเนื้อหนังลงมาทีละนิดๆ ความเจ็บปวดอย่างสุดขีด ทำให้จื่อเฟิงที่แม้จะมีกำลังความอดทนเก่งกาจเพียงใด ก็ทนไม่ได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เลือดสดมากมาย ไหลลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคนตกใจตื่นจากเมื่อครู่ที่หลานเยาเยาได้เอาของออกมาจากในอากาศ มองดูฉากนี้ด้วยความหวาดผวา
จากนั้น!
หลานเยาเยาเปิดขวดในมือ เอายาน้ำเทลงไปบนบาดแผลที่เลือดสดไหลนองของจื่อเฟิง ยาเห็นผลเร็วเป็นที่สุด
เลือดที่ไหลรินออกมา จากความรวดเร็วที่ตามองเห็นได้เปลี่ยนเป็นน้อยลง จนกระทั่งหยุด และบาดแผลก็ค่อยๆหดตัวเล็กลงจนรักษาหายทั้งหมดอย่างมหัศจรรย์เป็นที่สุดโดยแท้จริง
มีเพียงคราบเลือดที่เหลือไว้บนแขน รวมถึงเลือดสดเป็นแอ่งบนพื้นนั่นที่พิสูจน์ว่า เมื่อครู่ทั้งหมดล้วนเป็นความจริง
นี่สำหรับหลานเยาเยาที่แม้แต่ตัวยาที่ทำให้คนเป็นอมตะไม่แก่ชราเช่นยาฉางตานชนิดนั้นแล้ว ยาน้ำประเภทนี้ไม่มีค่าพอที่จะทำให้ประหลาดใจ
ไม่เช่นนั้น!
เหล่าผู้คนในยุคแรก แม้ว่าจะเก่งกาจเพียงใด พลังจิตวิญญาณจะแข็งแกร่งกว่าเหล่าผู้คนในปัจจุบันเพียงใด ในการต่อสู้กับคนนอกแผ่นดินที่น่ากลัวเป็นที่สุดก็ไม่สามารถที่จะชนะได้
แต่ทว่า แม้จะมียาน้ำของนางมาช่วย รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ของยุคปัจจุบันมาต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดิน ในสงครามใหญ่เหตุการณ์นั้น พวกเขาก็เพียงแค่ชนะอย่างน่าเวทนา
ทุกคนตะลึงงัน!
เหตุการณ์นี้เกินกว่าความรู้ความเข้าใจของพวกเขานานแล้ว
หลานเยาเยาดวงตาแวววาวใสสะอาด ค่อยๆเปล่งเสียงออกจากปากอย่างสงบนิ่งเป็นธรรมชาติ:
“นี่ไม่ใช่การเล่นกล ไม่ใช่ภาพลวงตา มันไม่สามารถทำให้แขนที่ถูกตัดทิ้งของเจ้าเกิดขึ้นใหม่ได้ ไม่สามารถทำให้คนที่ป่วยหนักไร้การรักษาฟื้นกลับมาแข็งแรงได้ ยิ่งไม่สามารถทำให้คนมีร่างกายเหมือนเพชรเสียหายไม่ได้
มันเป็นเพียงยาชนิดหนึ่ง ที่สามารถสมานแผลผิวหนังที่ถูกสับให้บาดเจ็บได้ สามารถทำให้เจ้าอยากเข้าร่วมสงครามการต่อสู้ มันไม่ได้มหัศจรรย์เกินไปนัก เพียงแค่ทำให้พวกเจ้ามีหลักประกันในการทำสงครามกับคนจากนอกแผ่นดินเพิ่มขึ้นอีกชั้น”
ยาฉางตานออกมาบนโลกทำให้คนสิ้นไร้มโนธรรม เข่นฆ่ากันเอง
เช่นนั้นสิ่งของที่นางต้องการจะหยิบออกมาแสดง สามารถพอที่จะทำให้ทุกคนบ้าคลั่งได้ ยิ่งทำให้ผู้ที่เคยอ่อนแอในอดีตก็สามารถรู้สึกได้ถึง เพียงแค่ได้มาก็สามารถครองโลกได้
นางรู้ แม้ว่าครั้งนี้จะตีให้คนจากนอกแผ่นดินล่าถอยไปได้
ความเศร้าสลดในตอนสุดท้ายของยุคแรกก็ยังคงจะเริ่มแสดงใหม่อีกครั้งในแบบที่ต่างแตกไป แต่ไม่มีทาง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาคับขัน
นางจำเป็นต้องเอาออกมา
จำเป็นต้องให้สอนพวกเขาใช้ให้เป็น แบบนี้จึงจะมีกำลังทำศึกกับคนจากนอกแผ่นดินได้
หลังจากเรื่องราวสิ้นสุดแล้ว นางได้เตรียมการพร้อมแล้ว มีวิธีการรับมือแล้ว
ตอนนี้เพียงต้องการทำให้พวกเขารวมกันเป็นปึก ทำให้พวกเขามีความมั่นใจที่จะต่อสู้ทำศึกกับคนจากนอกแผ่นดิน
เสียงค่อยๆสิ้นสุดลง
ราวกับว่าเวลาหยุดลงเช่นนั้น
ในนี้มีเพียงคนสี่คนที่รู้ความลับของหลานเยาเยา
ส้งเย่นกุยไม่ต้องพูดแล้ว เขารู้หมดตั้งแต่ต้นจนจบ เย่แจ๋หยิ่งยิ่งไม่ต้องพูด หลังจากมีความทรงจำของฮ่องเต้รุ่นแรกในครอบครองก็รู้ตั้งนานแล้ว เพียงแค่ไม่เคยพูดอย่างชัดเจน
และจื่อซีกับจื่อเฟิงก็เพิ่งรู้เมื่อสองสามวันนี้ว่าคุณหนูของตัวเองมีของที่มหัศจรรย์ระดับนี้ในครอบครอง
และตัวหลานเยาเยาเอง
หลังจากที่ระบบรักษาโรคภัยไข้เจ็บเลื่อนขั้นเสร็จสิ้นแล้ว ไม่เคยได้หยิบกุญแจไปเปิดช่องว่างขนาดใหญ่มหึมาชั้นนั้นมาก่อน เพราะนางลืมไปแล้ว
ยังเพราะหลังจากที่ร่วมแรงกันสังหารคนจากนอกแผ่นดินที่หมู่บ้านชาวประมงแล้ว
ระหว่างแล่นเรือกลับ ส้งเย่นกุยถามขึ้นขณะที่คุยกับนาง:
“ข้าคิดว่าตอนที่ต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดิน ท่านจะใช้อาวุธเหล่านั้น”
เวลานั้นหลานเยาเยาค่อนข้างงงงัน ราวกับว่าไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร
“ท่านไม่ได้เปิดช่องว่างชั้นนั้น?” ส้งเย่นกุยสงสัย?
หลังจากถูกส้งเย่นกุยเตือน นาจึงตระหนักได้ ที่แท้นางยังมีกุญแจของระบบอีกหนึ่งดอก……
เห็นทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้าง ดึงสติกลับมาไม่ได้สักที
หลานเยาเยากล่าวต่อ
นางชี้ศพที่ใหญ่โตสองศพนั่นแล้วกล่าว:
“นี่คือคนจากนอกแผ่นดินทั้งสอง พวกเขาได้รับบัญชาให้สำรวจแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ของพวกเรา ไม่พกพาอาวุธ ไม่มีเกราะ อีกทั้งเป็นเพียงแค่หน่วยสอดแนมที่ไม่ได้มีความสามารถในการรบเท่าไหร่ พวกเราต่อสู้กับเขาก็ค่อนข้างเปลืองแรงมากแล้ว หากว่ากองกำลังทหารพร้อมอาวุธของคนจากนอกแผ่นดินกลุ่มใหญ่ขึ้นฝั่ง มีดของพวกมันมีมากมายหลายชนิด แต่ล้วนแหลมคมแข็งแกร่ง
คนจากนอกแผ่นดินหลังจากที่มีมีดและเกราะ พลังในการต่อสู้ไม่ธรรมดา”
ในช่องว่างมีหมวกเหล็กและเสื้อเกราะของคนจากนอกแผ่นดิน
มาถึงจุดนี้แล้ว แน่นอนว่าหลานเยาเยาไม่สามารถพูดปากเปล่าได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้หยิบอาวุธที่นางยึดมาจากข้าศึกได้ออกมาจากในช่องว่าง
หมวกเหล็กและเสื้อเกราะของคนจากนอกแผ่นดินชุดหนึ่ง
เมื่อนำออกมา สีหน้าของทุกคนที่มองดูหลานเยาเยา ก็ไม่ใช่คนผู้หนึ่งแล้ว แต่เป็นเซียนผู้หนึ่ง เซียนผู้หนึ่งที่สามารถช่วยแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ให้รอดพ้นได้
ต่อจากนั้น!
หลานเยาเยายังหยิบรถถังโบราณที่ไว้ต่อกรกับคนจากนอกแผ่นดินออกมาอีก และพวกอาวุธขนาดหนักที่ล้วนเป็นของโบราณที่ได้ผ่านการดัดแปลงแล้วเล็กน้อย
เดิมทีนางคิดให้ส้งเย่นกุยยิงปืนใหญ่ไปทางพื้นผิวแม่น้ำนัดหนึ่ง
จากนั้น
เมื่อสิ้นสุดเสียง รถถังโบราณก็ยิงปืนใหญ่ “ปัง” เสียงหนึ่ง พื้นผิวสั่นสะเทือน พื้นผิวแม่น้ำระเบิดออกเป็นหลุมขนาดใหญ่ ละอองน้ำที่ระเบิดขึ้นมาเหมือนดั่งเมฆดอกเห็ดกระจายไปทุกสารทิศ พลานุภาพมหึมา น่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด
ยืนปืนใหญ่คือเย่แจ๋หยิ่ง!
เหล่านี้เขาก็ล้วนทำเป็น
ขณะที่หลานเยาเยามองไปทางเขา เขาเคลื่อนออกไปจากรถถังโบราณแล้ว กลับไปที่ตำแหน่งเมื่อครู่อย่างเงียบๆ
เวลานี้!
หลานเยาเยาเห็นน้ำแข็งที่ขาวสะอาดใต้เท้าของเย่แจ๋หยิ่งชั้นหนึ่ง และลมปราณรอบตัวของเขาก็เหมือนดั่งฮ่องเต้รุ่นแรก เขาสามารถทำให้อากาศแข็งตัวเป็นน้ำแข็งได้ แช่แข็งสรรพสิ่ง
อดีต เคยได้ยินเขาพูดว่า ในตอนแรกที่เขาเห็นเงาลวงตาของฮ่องเต้รุ่นแรก เขาก็เริ่มปรากฏความสามารถของฮ่องเต้รุ่นแรกให้เห็นแล้ว
ตอนนี้ความสามารถมีเพียงมากขึ้นไม่น้อยลง
นี่คือเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง!
หลานเยาเยายิ้มต่อเขาบางๆ คนหลังก็ตอบรับนางด้วยรอยยิ้มที่รักและเอ็นดู
แล้วในเวลานี้
ฮ่องเต้ที่ค่อยๆดึงสติกลับมาได้ ในนั้นฮ่องเต้ประเทศผึงไหลค่อยๆยืนขึ้นจากเก้าอี้ จากนั้นผึบคุกเข่าที่พื้น ทำมือเคารพไปทางหลานเยาเยาอย่างมีน้ำหนัก
“ข้ายินยอมที่จะร่วมมือกับเทพธิดาต่อต้านศัตรู!”
องค์ชายเก้าแห่งประเทศผึงไหลที่อยู่ด้านหลังของฮ่องเต้แห่งประเทศผึงไหลน้ำตาอาบแก้มตั้งนานแล้ว เวลานี้เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความอึ้ง:
“ยินยอมร่วมมือกับเทพธิดาต่อต้านศัตรูขอรับ!”
เขารักใคร่ชื่นชมเทพธิดา
เคยตามตอแยเทพธิดา ต่อจากนั้นได้ยินว่านางตายแล้ว
ไม่กี่เดือนก่อน ในฐานะของทูตไปประเทศก่วงส้าประสบกับการลอบสังหาร เขาได้พบกับซ่างกวนหนานซู่ ก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากกับเขา แต่ทำไมถึงได้คุ้นเคยก็พูดไม่ถูก
วันนี้ถึงได้รู้ นางคือเทพธิดาที่ฟื้นมาจากกองไฟอันร้อนแรง
ดีจริงๆ!
นางยังไม่ตาย
ในไม่ช้า ทุกคนที่ได้รับเชิญมาล้วนคุกเข่าลงแล้ว พวกเขาคุกเข่าไหว้เทพธิดาเหมือนดั่งเทพเจ้าเช่นนั้น ยินยอมต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดินพร้อมกับนาง