หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 676 ข้าจะใช้ชีวิตปกป้องท่านจนกระทั่งตัวตาย
การบุกโจมตีในเวลานี้ ยังเป็นเพียงแค่หน่วยกองกำลังล่วงหน้าของคนจากนอกแผ่นดิน พวกเขามีการฝึกฝนอย่างดี สภาพร่างกายใหญ่มหึมา ชุดเกราะยังคงเป็นสีบรอนซ์แดง
การแต่งตัวของคนจากนอกแผ่นดินพิถีพิถันมาก
ก็เหมือนดั่งพลทหารของแต่ละประเทศเช่นนั้น
พลทหารมีเครื่องแบบของพลทหาร ขุนพลมีเครื่องแบบของขุนพล แม่ทัพมีเครื่องแบบของแม่ทัพ และสีบรอนซ์แดงเป็นเพียงทหารธรรมดาในหมู่คนจากนอกแผ่นดิน
สงครามปะทุขึ้นในทุกพื้นที่ของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้
และพวกหลานเยาเยาคนที่ทำศึกกับคนจากนอกแผ่นดินชนะเหล่านี้ถูกบีบบังคับให้แยกออกจากกัน ไปแต่ละสถานที่ที่คนจากนอกแผ่นดินยกพลขึ้นบก บัญชาการการรบ หรืออธิบายว่าจะต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดินอย่างไร
ผ่านการสู้รบที่ยาวนานถึงสี่ห้าเดือน
ทุกประเทศตลบอบอวลไปด้วยเขม่าควันดินปืน เสียหายเจ็บตายสาหัสทั้งสองฝ่าย กองซากศพมากมายพอที่จะพูดได้ว่าน่าตกตะลึงต่อภาพที่เห็น ศพของคนจากนอกแผ่นดินกระจัดกระจายเป็นเศษซาก สามารถเห็นได้ทุกหัวระแหง
สงครามนี้ ชนะแล้ว
แต่กลับมีน้อยคนนักที่จะดีใจ
แม่ทัพของผึงไหลมองดูทหารม้าที่ตัวเองเป็นผู้นำด้วยอาการหอบหนัก ศพตายเป็นชิ้นๆ อดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วถาม:
“ทำไมไม่ให้อาวุธเหล่านั้น?”
อาวุธเหล่านั้นทั้งๆที่สามารถโจมตีคนจากนอกแผ่นดินให้ล่าถอยไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เบื้องบนก็คือไม่ให้ใช้ แม่ทัพผู้นั้นไม่เข้าใจเป็นที่สุด
จื่อซีรับผิดชอบช่วยเหลือทหารและแม่ทัพของผึงไหลที่นี่ ฝืนยิ้มแล้วเปิดปากพึมพำ:
“ปริมาณของอาวุธโบราณน้อยเกินไป สามารถจัดสรรปันแบ่งให้ทุกสนามรบได้ไม่มาก ตอนนี้เป็นการช่วยเหลือของประชาชนแต่ละประเทศเกือบจะทั้งหมด และไม่ใช่ความเร็วในการสร้างอาวุธช้าเกินไป แต่เพราะคนจากนอกแผ่นดินมาเร็วเกินไป
สาเหตุที่ไม่ใช้อาวุธโบราณ สาเหตุอยู่ที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้
ท่านคิดดู ตอนนี้เหล่านี้เป็นเพียงแค่หน่วยกองทัพล่วงหน้า ถ้าหากว่าใช้ตอนนี้แล้ว รอจนทหารชั้นดีที่แข็งแกร่งของคนจากนอกแผ่นดินมาแล้วควรจะทำอย่างไร? รอความตายหรือ?”
พูดจบ!
แววตาแม่ทัพของผึงไหลผู้นั้นเศร้าหมองลงมาก หมัดหนึ่งทุบบนพื้น ระบายความโกรธในใจออกมา
แต่เสียงบนหัว ยังคงดังมาอย่างช้าๆ: “ท่านดูทางนั้น”
แม่ทัพของผึงไหลมองไปตามทิศทางที่จื่อซีชี้ เป็นผู้หญิงผู้หนึ่ง สวมชุดเกราะ ในมือถือมีดหนัก บนใบหน้า บนร่างกายบาดแผลที่รุนแรงกำลังสมานช้าๆ
“เดิมทีนางเป็นผู้สูงศักดิ์ เป็นองค์หญิงผู้ที่อยู่อย่างสูงส่ง มือไร้เรี่ยวแรง ชื่อว่าพระราชธิดาจาวหยาง
ตอนนี้กลับมาที่สนามรบแล้ว หยิบมีดดาบขึ้นมา โบกไปทางคนจากนอกแผ่นดิน นางเคยบ่นด้วยความแค้นเคืองสักประโยคหรือไม่ ปรารถนาเพียงแค่สังหารผู้ที่เข้ามารุกรานให้หมดสิ้น คืนความสงบสุขให้กับแผ่นดินใหญ่ผืนนี้”
แม่ทัพของผึงไหลตกตะลึง!
สายตาจับจ้องอยู่บนร่างของพระราชธิดาจาวหยางนิ่งๆ
นั่นคือน้องสาวที่ฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งประเทศก่วงส้ารักและเอ็นดูเป็นที่สุด ทำใจให้นางแต่งงานไม่ได้ และทำใจไม่ได้ที่จะยกนางให้ผู้ใด เพื่อที่จะรวบรวมอำนาจของกษัตริย์ หวังเพียงสามารถพอที่จะมีชีวิตอิสระตามที่ตัวเองต้องการได้
ความอิสระของพระราชธิดาจาวหยาง ได้รับความอิจฉาจากพวกองค์หญิงจุ้นจู่จากทุกประเทศทุกราชวงศ์
ยังเรียกนางว่าเป็นองค์หญิงที่โชคดีที่สุดอีกด้วย
เดิมทีนางสามารถอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดได้ มีชีวิตอยู่จนถึงสุดท้าย แต่นางกลับมาที่สนามรบ……
“นางไม่ควรมา นางสามารถเป็นเหมือนกับฮ่องเต้และองค์หญิงคนอื่นๆเช่นนั้น หลบอยู่ในพระราชวัง”
เดิมทีนางก็อ่อนแอ
สนามรบเป็นเรื่องของผู้ชาย
“เสด็จพี่ฮ่องเต้ของนางล้วนมาแล้ว นางจะไม่มาได้อย่างไร?”
แม่ทัพของผึงไหลตกตะลึงอีกครั้ง!
อดที่จะเปิดปากช้าๆไม่ได้: “ฮ่องเต้แห่งก่วงส้าก็มาแล้วหรือ?”
จื่อซีพยักหน้า
กล่าวอย่างสงบนิ่งเป็นพิเศษ: “หลังจากที่คนจากนอกแผ่นดินในเขตแดนประเทศก่วงส้าถูกโจมตีถอยไปแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ควบม้านำทหารม้ามาช่วยเหลือที่นี่อย่างเร่งรีบโดยไม่ได้หยุดพักแล้ว”
“ฮ่องเต้องค์ใหม่มาด้วยพระองค์เอง แม้ว่าจะไม่ออกทำศึก ก็สามารถเพิ่มขวัญกำลังใจให้พลทหารได้เป็นอย่างดี” แววตาแม่ทัพของผึงไหลเศร้าหมองลงอีกครั้ง
ฝ่าบาทของพวกเขาล่ะ?
แล้วเวลานี้ เงาคนผู้หนึ่งขี่ม้าที่แข็งแกร่ง นำบรรดาทหารม้า ควบม้ามา ขณะที่ผ่านข้างกายของแม่ทัพของผึงไหล อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลง
“แม่ทัพหู? เป็นอย่างไร ได้รับบาดเจ็บหนักหรือไม่?”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น แม่ทัพของผึงไหลแหงนหน้ามองในทันที เข้าในตาคือองค์ชายเก้าที่ฮ่องเต้แห่งประเทศผึงไหลของพวกเขารักและโปรดปรานเป็นที่สุด องค์ชายเก้าโดยปกติกระฉับกระเฉง สง่าราศีสูงส่ง ตอนนี้ศีรษะเป็นฝุ่นหน้าเปื้อนดิน ชุดเกราะบนร่างกายขาดยับเยิน น่าจะเผชิญกับสงครามใหญ่แล้ว
“องค์ชายเก้า? !”
“ขออภัย ระหว่างทางมาสนับสนุนได้พบกับคนจากนอกแผ่นดินที่ขึ้นมาจากทะเล พลทหารม้าเสียหายไปไม่น้อย จึงได้มาช้าไป” ในน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด
เพราะว่าแม่ทัพหูตรงนี้ประสบกับคนจากนอกแผ่นดินมากที่สุด ครึ่งเดือนก่อน พวกเขาก็ได้รับการขอแรงสนับสนุนแล้ว จนปัญญาบนทางไปสนับสนุนประสบกับการซุ่มโจมตีของคนจากนอกแผ่นดิน หากว่าไม่ใช่เพราะประเทศก่วงส้ามาถึงก่อนก้าวหนึ่ง เกรงว่าพลทหารของที่นี่คงถูกกวาดล้างหมดสิ้น…….
บนร่างกายขององค์ชายเก้ารอยแตกเป็นเศษๆเป็นรอยๆนั่น เห็นได้ชัดว่าคนจากนอกแผ่นดินทิ้งไว้ มุมปากของเขายังมีรอยเลือดอีก
คิดว่า ได้รับบาดเจ็บหนักมาก่อนหน้านี้ เพราะยาน้ำเพื่อการรักษาเป็นเหตุ บาดแผลหายแล้ว ทิ้งไว้เพียงคราบเลือด
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ มีกำลังสนับสนุนก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ในตาของแม่ทัพผึงไหลแม่ทัพหูมีประกายแล้ว กระทั่งยังร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจในวินาทีถัดมา
องค์ชายเก้าแห่งประเทศผึงไหลร้อนใจในทันทีแล้ว
ลงจากม้าอย่างรวดเร็วสอบถามว่าเกิดเรื่องอะไร
จื่อซีเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ไม่ได้ทอดถอนใจมากนัก แต่หมุนตัวเหลือบมองไปทางพระราชธิดาจาวหยางหาที่ได้นั่งลงง่ายๆแล้ว จากนั้นเดินไปทางริมฝั่ง หลังจากได้เอาผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิงผืนหนึ่งออกมาชุบน้ำบิดให้แห้งแล้ว จึงได้เดินไปทางพระราชธิดาจาวหยาง
“องค์หญิง เช็ดหน้าเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
ข้างกายพระราชธิดาจาวหยาง เดิมทีมีทหารผู้หนึ่งอยากเข้ามาเรียกให้นางช่วยเหลือจัดการศพ หลังจากได้ยินองครักษลับท่านซีที่อยู่ข้างกายของอ๋องเย่เรียกนางว่าองค์หญิง แทบจะอ้าปากค้างแล้ว อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความชื่นชม จึงกลับไปหาคนอื่นด้วยความเหลือเชื่อ
พระราชธิดาจาวหยางจ้องมองดูมือที่สั่นไม่หยุดของตัวเอง
ราวกับว่าความเจ็บปวดตอนใกล้ตายเมื่อครู่เป็นเพียงเหตุการณ์ในอดีตเหตุการณ์หนึ่ง แต่มือที่สั่นไม่หยุด เตือนนางอยู่ตลอดเวลา นี่คือความจริง สองวันนี้นางเคยได้ต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดินที่แข็งแกร่งน่ากลัวเป็นที่สุด ความเจ็บปวดที่ค่อยๆหายไปและมือที่สั่นเทาไม่หยุดก็คือการพิสูจน์ที่ดีที่สุด
ได้ยินเสียงที่รอคอยมานาน
พระราชธิดาจาวหยางเงยหน้าขึ้นช้าๆ ยิ้มบางๆให้จื่อซี
“ไม่ต้องบอกเสด็จพี่ฮ่องเต้ และไม่ต้องบอกท่านพี่เซียว ยิ่งไม่ต้องบอกเสด็จอาอ๋องเย่ ว่าข้าแอบติดตามกองกำลังมา”
“ท่านไม่ควรมาพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง” จื่อซีพูดเหมือนกับที่บอกกับแม่ทัพของผึงไหล
“ไม่ จื่อซี ข้าไตร่ตรองเข้าใจแล้ว คนมีชีวิตอยู่ไม่เพียงเพื่อความอิสรเสรี แต่เพื่อคนที่อยู่ในใจผู้นั้น สามารถทุ่มเทชีวิตประเภทนั้น” สายตาของพระราชธิดาจาวหยางจับจ้องผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า พลังความกล้าหาญกดดันคน มองโลกในแง่ดีโดยตลอด ปฏิบัติต่อนางอย่างพิถีพิถันละเอียดลออตลอดมา
จื่อซีพยักหน้า
สีหน้าปรากฏความเศร้าเจ็บปวด จากนั้นฝืนยิ้มต่อนาง
“เซียวซื่อจื่อสุภาพอ่อนโยน ปฏิบัติต่อคนอย่างเป็นมิตร ท่านเคยชอบเขาเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาก็ปฏิบัติต่อท่านดีเป็นที่สุด ปกป้องท่านมาตลอด เขาควรค่าจริงๆพ่ะย่ะค่ะ”
พระราชธิดาจาวหยางชอบเซียวซื่อจื่อ ชอบมาโดยตลอด จื่อซีก็รู้มาโดยตลอด เขาชอบพระราชธิดาจาวหยาง แอบชอบก็ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้นางรู้ ไม่ว่านางจะทำการตัดสินใจอย่างไร เขาล้วนสนับสนุน
มองดูผ้าเช็ดหน้าในมือที่ไม่ได้ถูกพระราชธิดาจาวหยางรับไป จื่อซีบังอาจยื่นมือไปช่วยนางเช็ดแก้ม เบาๆ ละเอียดอ่อนมาก
พระราชธิดาจาวหยางมองดูเขา ยิ้มอย่างลึกลับ
“จื่อซี เจ้าว่าข้าควรจะสารภาพรักกับคนที่ข้าชอบหรือไม่ ทำให้เขารู้?”
มือของจื่อซีที่ช่วยพระราชธิดาจาวหยางเช็ดแก้มชะงัก ในใจมีความเจ็บปวดที่พูดออกมาไม่ได้ แต่กลับยังพยักหน้ากับนางอย่างหนักแน่น เป็นกำลังใจให้นาง
“พูดเถอะพ่ะย่ะค่ะ อย่างทิ้งความเสียใจไว้”
เพียงแค่การเข้ารุกรานของคนจากนอกแผ่นดินกลุ่มเล็กๆ ก็บาดเจ็บล้มตายขนาดนี้ ต่อจากนี้ล่ะ? การมาโจมตีของคนจากนอกแผ่นดินกลุ่มใหญ่ๆ จะมีคนมากมายเท่าไหร่ที่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้?
แต่ว่า!
ชีวิตนี้ของเขาลิขิตให้ต้องทิ้งความเสียใจไว้แล้ว
“ดี ข้าจะรีบบอกกับเขาทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
จื่อซีพยักหน้าอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ เขาพยักหน้าเพียงเบาๆ จากนั้นชักมือกลับ เอาผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิงกำแน่นในมือไปด้วย หมุนตัวก็ต้องการไปช่วยจัดการศพ
แต่กลับคิดไม่ถึง……
แขนถูกมือข้างหนึ่งคว้าไว้แล้ว ทันทีจากนั้นเสียงอ่อนๆก็ค่อยๆดังมา
“จื่อซี ข้าชอบเจ้า!”
ร่างกายของจื่อซีชะงักทันที หันกลับไปอย่างฉับพลัน ก็เห็นพระราชธิดาจาวหยางมองดูเขาด้วยความจริงอย่างไร้ที่เปรียบ ริมฝีปากสีแดงทั้งสองเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด เสียงดังออกมาจากปากอีกครั้ง “ก่อนหน้านั้นนานมากๆก็ชอบแล้ว”
“องค์หญิง……”
จื่อซีดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่นาน
เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ ก็เห็นพระราชธิดาจาวหยางลุกขึ้นพุ่งเข้าในอ้อมกอดเขาทันที กอดเขาแน่น ความรู้สึกลวงตาชนิดนั้น เพิ่งจะค่อยๆเป็นความจริงขึ้นมา
ข้างหูยังคงเป็นเสียงที่อ่อนนุ่มน่าฟังของพระราชธิดาจาวหยางดังมา
“อย่าพูดว่าเจ้าไม่ชอบข้า ผ้าเช็ดหน้าในมือของเจ้าเป็นของข้า เจ้าเก็บไว้มาตลอด เย็นหงพูดถูก เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายคนหนึ่งจะเก็บรักษาสิ่งของของผู้หญิงหลายปีโดยไร้เหตุผล นอกจากว่าเขาจะมีความรู้สึกเลยเถิดกับนาง
ก็เหมือนใบหน้าที่เย็นชา ไม่ถนัดพูดจาอย่างจื่อเฟิง ทั้งๆที่สามารถส่งคนไปทำเรื่องได้ แต่ไปถึงที่เย็นหงนั้น เขาก็ออกแรงเองทำเองแล้ว
กระทั่งไม่เสียดายที่จะต้องอ้อมทางไกลมากๆ ก็ต้องการไปเยี่ยมนางที่ที่อยู่ของโจร อันที่จริงก็เหมือนกับที่เจ้าเก็บรักษาผ้าเช็ดหน้าเช่นนั้น ล้วนเป็นความรู้สึกเลยเถิด เพียงแค่ไม่มีการแสดงออกมาเท่านั้น”
“องค์หญิง…….”
จื่อซีรู้สึกว่าในสมองว่างเปล่าทั้งหมด ยังไม่ได้ดึงสติกลับมาจากความตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ก็เคอะเขินเป็นอย่างมากที่ถูกคนเปิดโปงแบบนี้ แต่ในความเคอะเขิน ในใจของเขาคือความปีติดีใจ
เพราะพระราชธิดาจาวหยางบอกว่าชอบเขา ชอบมาตลอด
ไม่ว่าจริงหรือเท็จ เขาก็เลือกที่จะเชื่อ
ด้วยเหตุนี้!
อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปกอดพระราชธิดาจาวหยางไว้อย่างแนบแน่น
“ข้าจะใช้ชีวิตปกป้องท่าน จนกระทั่งตัวตาย!”