หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 677 ค่อนข้างผิดปกติ
——
ไม่รู้ว่าไม่ได้หลับพักผ่อนมานานเท่าไหร่แล้ว หลานเยาเยาที่ใบหน้าค่อนข้างอ่อนล้า แต่มือที่ปรุงยาเพื่อการรักษายังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด
ตอนเช้านางเพิ่งรีบมาที่ปรุงยาเพื่อการรักษาทางนี้จากสถานที่สร้างอาวุธโบราณ อีกเดี๋ยวหลังจากที่ทำชุดที่อยู่ในมือเสร็จสิ้นแล้ว นางยังต้องไปอีกที่หนึ่งตรวจดูยาน้ำที่ให้คนอื่นปรุง
ยาน้ำเหล่านั้นมียาพิษร้ายแรงมาก ทั้งหมดล้วนใช้เพื่อต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดิน
แต่ดีที่สถานที่นี้ห่างกับอีกสถานที่หนึ่งไม่ไกลมาก นางไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล
“คุณหนู ท่านไม่ได้หลับพักผ่อนหลายวันแล้ว พักผ่อนก่อนสักครู่เถอะเจ้าค่ะ! หากว่าเหนื่อยจนไม่ไหวแล้วจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
คนที่พูดจาคือเย็นหง สีหน้าของนางมีความกังวลจางๆ เพราะไม่กี่เดือนมานี้ นางติดตามข้างกายของหลานเยาเยามาโดยตลอด รู้ว่านางลำบากและไม่ได้พักผ่อนนอนหลับ
วันนี้เห็นดวงตาทั้งคู่ของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยเส้นเลือด
นางล้วนอดกลั้นไม่ได้ตาแดงขึ้นมาเล็กน้อย
หลานเยาเยายิ้มบางๆ:
“ไม่เป็นไร คืนนี้ข้าจะพักผ่อนอย่างดี”
แม้ว่าตอนนี้จะนับได้ว่านางเป็นคนบ้างาน แต่ก็รู้ขีดจำกัดของตัวเอง
จะไม่ทำให้ตัวเองเหนื่อยจนตายอยู่ในนี้
ระหว่างที่พูด การเคลื่อนไหวในมือทำเสร็จแล้ว หลังจากที่นางส่งมอบให้คนข้างๆแล้ว จึงได้ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ในที่สุดก็นับว่าทำกองนี้เสร็จดีแล้ว
แม่เหนื่อยจนเกือบจะตายแล้ว
แม้ว่าจะมีการรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ของหมอเร่ร่อน หมอ หมอที่เดินทางตามป่าและหมู่บ้าน รวมทั้งหมอหลวงของแต่ละราชสำนัก แต่ความแตกต่างเป็นอย่างมากของวัฒนธรรมโบราณและปัจจุบันของจีนและต่างประเทศ ความรู้ทางด้านการแพทย์สมัยใหม่มากมายพวกเขาล้วนไม่เข้าใจ นางทำได้เพียงสอนพวกเขาผ่านรูปแบบของสมัยโบราณ
ไม่ง่ายที่จะสอนคนกลุ่มหนึ่งให้เป็นแล้ว
พวกเขาก็ถูกส่งไปที่อื่นดำเนินการปรุงสร้างยาน้ำเพื่อการรักษา เกิดปัญหาแล้ว นางก็จำเป็นต้องรีบเข้าไปจัดการแก้ไข
ตอนนี้นางยังนับว่าสบายขึ้นมากแล้ว
ตอนแรกเริ่มสอนคนโดยนางและส้งเย่นกุย ตอนนี้คนที่พวกเขาสอนให้ทำเป็นเริ่มสอนคนอื่นๆ ก็สอนลงไปเป็นชั้นๆเช่นนี้
พวกเขาไม่เพียงสามารถที่จะไม่ต้องใช้เครื่องจักรที่หมุนทั้งวันทั้งคืน ยังสามารถพัฒนาการผลิตยาน้ำและอาวุธโบราณออกมาได้อีก
ดังนั้น
ตอนนี้ในยาน้ำเพื่อการรักษานางและส้งเย่นกุยถึงได้มีเวลา ปรุงและสร้างอาวุธโบราณและยาน้ำชนิดอื่นสลับไปๆมาๆ
ทุกคนล้วนงานยุ่งเป็นอย่างมาก!
เพราะว่าทุกคนล้วนอยากมีชีวิตรอด
ดังนั้นจึงได้พยายามเร่งทำงานทั้งวันคืนอย่างสุดกำลัง
ออกจากห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาแต่ละชนิด หลานเยาเยาบิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสาย ก็ต้องการรีบไปอีกสถานที่หนึ่ง
แต่กลับเห็นม้าที่คุ้นเคยตัวหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ นั่นคือม้าตัวโปรดที่เป็นของเย่แจ๋หยิ่งโดยเฉพาะ และบนม้าตัวสูงใหญ่ คือเย่แจ๋หยิ่งที่สวมชุดสีดำทรงอำนาจ เขากำลังเอียงหน้าพูดจากับคนข้างๆ
เหมือนรู้ว่านางออกมาแล้ว
หันหน้ามาในพริบตา สบสายตากับนางทันที แววตาอบอุ่นเป็นอย่างมาก
เวลาครึ่งปีกว่านี้ พวกเขาเจอกันน้อยแยกจากกันเยอะ พบหน้ากันครั้งหนึ่งยากมาก และเวลานั้นมีจดหมายส่งมาเป็นระยะๆ และเพียงแค่เขียนสั้นๆไม่กี่คำ:
สบายดีทุกอย่าง ปรารถนาเพียงยอดรักจะคิดถึงสามีสามครั้งในทุกๆวัน
ไม่ต้องเอ่ยเลยจดหมายที่ส่งล้วนเป็น: สบายดีทุกอย่าง โปรดอย่าลืมคิดถึงกัน
เย่แจ๋หยิ่งกลับดี ต้องการให้นางคิดถึงเขาวันละหลายรอบถึงจะวางใจ
จดหมายที่ส่งมาทุกฉบับของเขา นางล้วนเก็บซ่อนไว้อย่างระวัง
เดิมทีคิดว่าพบกันครั้งหน้ายังเป็นอีกหนึ่งสองเดือน จะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้พบเขาอย่างกะทันหันแล้ว
ในใจอดกลั้นความปีติยินดีไม่อยู่
เมื่อดีใจ หลานเยาเยาก็สติเลอะเลือนได้ง่าย ด้านหน้ามีบันไดนางก็ล้วนลืมไปแล้ว ใต้เท้าเหยียบความว่างเปล่า ทั้งคนก็พุ่งลงไปบนพื้น เตรียมตัวสัมผัสกับแผ่นดินอย่างใกล้ชิด
ใครจะรู้……
นางตกใจไปเองฉากหนึ่ง และไม่ได้ใช้ท่าทางที่ประหลาดและน่าเกลียดล้มลง เพียงแค่ล้มลงไปตรงๆเท่านั้น และไม่ได้มีผลกระทบมากมายนักต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ธรรมดาดั่งเทพเซียนของนาง
อีกทั้ง!
เย่แจ๋หยิ่งก็ได้เหาะมาจากบนม้าในชั่วพริบตา อุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ขณะที่ลุกขึ้น ฉากที่เคอะเขินเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นแล้ว
บนตัวหลานเยาเยา “ตุบตุบตุบตุบ” สิ่งของตกเต็มพื้น เย่แจ๋หยิ่งเอียงตัวมองเล็กน้อย
“…….”
น่องไก่ที่ห่อไว้อย่างดี…….
ยังมีเมล็ดธัญพืชห้าชนิดที่ไม่ได้เห็นนานแล้วอีก…….
กระทั่งยังมีอาหารเลิศรสที่มีแค่ในสำนักหงอีอีก…….
กลิ่นหอมชนิดนี้ โดยทั่วๆไปมีเพียงพ่อครัวศักดิ์สิทธิ์ถูยู่ซาหมั่นเฉิงจึงจะสามารถทำรสชาติเช่นนี้ออกมาได้
ดูท่าแล้ว คนของสำนักหงอีก็ล้วนมาที่นี่แล้ว
ตอนกำลังคิด ตอนนี้ยู่หลิวซูเจ้าสำนักของสำนักหงอีได้นำซาหมั่นเฉิง และผู้อาวุโสสองท่านในนั้น เดินออกมาพร้อมกันจากห้องอีกห้องหนึ่งทางด้านข้างแล้ว
สีหน้าท่าทางของพวกเขาเหนื่อยอ่อน ใบหน้าอ่อนล้า คาดว่าก็เพราะรีบทำงานทั้งวันทั้งคืน
เห็นแววตาของหลานเยาเยาเปล่งประกายในพริบตา แต่หลังจากเมื่อเห็นของตกเต็มพื้น แต่ละคนแสร้งเอามือกุมหน้าทำเป็นมองไม่เห็น หันหน้ากลับไปในห้อง
หลานเยาเยาเผยความเคอะเขินเล็กน้อย หัวเราะอย่างเก้ๆกังๆสองสามที
นางก็ลืมไปแล้ว ที่แท้บนตัวยังมีสิ่งของมากมายที่ยัดเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าจะลืมกินไปแล้ว
“เยาเยา ข้าเขย่าอีกสองครั้ง บนตัวของเจ้าก็ยังมีของที่สามารถตกลงมาได้มากกว่านี้ใช่หรือไม่?”
“แฮ่ม ไม่มีแล้วไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วจริงๆ”
บนตัวน่าจะไม่มีแล้ว ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็ไม่แน่แล้ว
เย่แจ๋หยิ่งส่งสายหนึ่งเข้าไป องครักษ์ลับรีบเข้ามาช่วยเก็บสิ่งของที่ตกขึ้นทันที รอจนขณะที่เงยหน้า เจ้านายของตัวเองก็ไม่อยู่ที่เดิมแล้ว แต่อุ้มหลานเยาเยาจรดปลายเท้าเบาๆ เหาะขึ้นม้าไปอย่างรวดเร็ว กระชับบังเหียนแน่
“ย๊ะ…….”
ม้าหนึ่งคนสอง สีดำหนึ่งสีอ่อนหนึ่งไปทางสถานที่ไกลๆ
มองดูเงาร่างของเจ้านายพวกเขาที่ไกลออกไป แล้วมองดูอาหารแต่ละชนิดที่เก็บขึ้นมาเมื่อครู่ องครักษ์ลับดวงตาเปล่งประกาย ในใจอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างสวยงาม: อาหารของกินเหล่านี้ตกทอดเป็นของพวกเขาแล้วใช่หรือไม่?
เขาได้ยินมาตลอดว่าบนตัวของนายผู้หญิงมักจะซ่อนอาหารรสเลิศทุกชนิดไว้เสมอ ทำให้คนอิจฉามานาน เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้ได้เห็น ดวงของเขาก็มองอึ้งไปแล้ว
หลานเยาเยาทางนี้
บนหลังม้า หลานเยาเยาถูกเย่แจ๋หยิ่งกอดอยู่ในอ้อมกอด
แม้ว่ากำลังควบม้า แต่สำหรับพวกเขาสองสามีภรรยาที่เพิ่งจะได้พบกันหลังแยกกันไปนานแล้ว นี่ก็พอใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีหลานเยาเยายังสามารถอดทนได้ถึงคืนนี้จึงจะนอนหลับอย่างสบายใจ แต่เห็นเย่แจ๋หยิ่งมาแล้ว นางก็ผ่อนคลายลงในพริบตา หลับสนิทไปในอ้อมกอดของเย่แจ๋หยิ่งโดยไม่รู้ตัว
รอจนถึงสถานที่เป้าหมายแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งทำใจที่จะปลุกคนที่นอนหลับหวานอยู่ในอ้อมกอดให้ตื่นขึ้นมาไม่ได้ มองดูใบหน้าที่หลับสนิทของนาง รวมถึงเสียงหายใจที่มั่นคง ในสายตาที่รักและเอ็นดูไม่มีทางปิดบังความสงสารที่แฝงไว้ได้
ดูท่าแล้วคือเหนื่อยจนแย่แล้วจริงๆ
อุ้มหลานเยาเยาลงจากม้า เขาหาศาลาหลังหนึ่งนั่งลง แล้วให้นางพิงในอ้อมอก หาตำแหน่งที่สบายๆนอนหลับ
เกรงว่านางจะได้รับลมหนาว เย่แจ๋หยิ่งเอาเสื้อคลุมของตัวเองคลุมให้นาง ตัวเองกลับก้มหัวเล็กน้อยมองดูใบหน้าของนางอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นสักพัก!
หลานเยาเยาลืมตาทั้งคู่ที่สะลึมสะลือ สลัวๆ เมื่อเห็นเย่แจ๋หยิ่งที่สง่างามดั่งเทพเซียน มุมปากของนางก็อดที่จะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มไม่ได้
บำรุงสายตานี่!
มองดูทั้งชีวิตก็มองไม่พอ
“เมื่อตื่นมา ก็เห็นท่านเป็นอย่างแรก ดีจริงๆ!”
“ต้องการนอนต่ออีกสักครู่หรือไม่?” เย่แจ๋หยิ่งเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้อง!”
ดวงตาที่ขมุกขมัวค่อยๆเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้น จากนั้นนางมองดีสีของท้องฟ้า ขอบฟ้าสีส้มแดงทั้งผืน ยิ่งเข้าใกล้ยอดเขาทิศตะวันตก สีแดงยิ่งเข้มขึ้น
ใกล้ค่ำแล้ว…….
เวลาที่นางนอนหลับไปครั้งนี้ไม่สั้น
“เย่แจ๋หยิ่ง สถานการณ์ของสงครามเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
เย่แจ๋หยิ่งสามารถปรากฏตัวที่นี่ได้ อธิบายได้ว่าคนจากนอกแผ่นดินที่เข้ารุกรานกลุ่มแรกถูกโจมตีล่าถอยไปได้สำเร็จแล้ว และนางในเวลาอันสั้น วุ่นวายหัวหมุนอยู่ตลอด แม้แต่นอนก็ไม่มีเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาว่างเลย
ดังนั้นก็ไม่ได้เข้าใจต่อสถานการณ์สงครามของแต่ละที่
นางไม่สามารถไม่จะไม่รับรู้เหตุการณ์ภายนอกได้ ไม่ยุ่งเรื่องบ้านเมืองมีแต่ใจอ่านหนังสืออย่างเดียวได้ ต้องการเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง สำหรับนางแล้วสำคัญมากเป็นที่สุด
“แต่ละที่บาดเจ็บล้มตายสาหัส เพื่อทำให้ทหารชั้นเยี่ยมของคนจากนอกแผ่นดินดูถูกพวกเรา ทำให้พวกเขาคิดว่าอาวุธของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้เสื่อมลงไปนานแล้ว เพราะทุกที่ต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดินใช้เพียงยาน้ำเพื่อการรักษาเท่านั้น ไม่ได้มีการใช้อย่างอื่นเลย”
ได้ยินดังนั้น!
หลานเยาเยานิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ค่อยๆพยักหน้า
เย่แจ๋หยิ่งบอกว่าบาดเจ็บล้มตายสาหัส เช่นนั้นก็จะต้องบาดเจ็บล้มตายสาหัสเป็นแน่ สาหัสถึงเลือดไหลนองเป็นแม่น้ำทุกที่ ศพกองดั่งภูเขาระดับนั้น……..
หากว่าเหมือนดั่งที่เขาคาดคิด คนจากนอกแผ่นดินดูถูกแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ คิดว่าพวกเราไม่มีอาวุธโบราณเหล่านั้นของยุคแรกแล้ว แล้วกลับเลือกเข้าโจมตีเป็นระลอกสุดท้าย เช่นนั้นก็ยังมีโอกาสชนะ
นี่คือเหตุการณ์การเดิมพันที่ยิ่งใหญ่!
และวิธีอย่างเดียวที่พอจะมีโอกาสชนะ
“แก้ไขปัญหาคับขันตรงหน้า ที่สามารถให้พวกเราเลือกได้ก็มีเพียงสิ่งนี้แล้ว”
“แพ้ชนะอยู่ที่การเข้าโจมตีของคนจากนอกแผ่นดินกลุ่มต่อไป”
เย่แจ๋หยิ่งโอบนางไว้แน่นขึ้น ยังกระชับเสื้อคลุมให้แน่นอีก เอานางปกป้องไว้ เลี่ยงการถูกโจมตีของลมหนาว
“เยาเยา ข้ามักจะรู้สึกว่าการโจมตีของคนจากนอกแผ่นดินครั้งนี้ผิดปกติอยู่เสมอ” เย่แจ๋หยิ่งพูดความคิดในใจออกมา