หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป - บทที่ 680 เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ความได้เปรียบของเย่แจ๋หยิ่งทางนี่คือ จำนวนคนมาก หากว่าไม่ได้มือเท้าขาด หรือว่าเสียชีวิตในการโจมตีครั้งหนึ่ง บาดเจ็บภายในและบาดเจ็บภายนอกล้วนสามารถสมานได้ในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งคล่องแคล่วเปลี่ยนแปลงได้มาก ต่อจากการปกคลุมของหมอกควัน ค่ายกลหลากหลายชนิด
จุดด้อยคือ เทียบกับคนจากนอกแผ่นดินที่ร่างกายใหญ่โตแข็งแรง มนุษย์ก็เห็นได้ชัดว่าอ่อนแอเปราะบาง คนจากนอกแผ่นดินผู้หนึ่งก็สามารถตรึงไว้ได้หลายคน
และความได้เปรียบของคนจากนอกแผ่นดินก็คือร่างกายที่ใหญ่โตแข็งแกร่งของพวกเขา ยังมีหนังหยาบเนื้อหนา สามารถใช้หนึ่งคนต่อกรกับสิบคนได้ ชอบพุ่งชนตามแนวขวาง ตบมนุษย์เหมือนดั่งตบแมลงวันเช่นนั้น
จุดด้อยของพวกเขาก็เห็นได้ชัดเป็นอย่างมาก
ร่างกายใหญ่โต จะแสดงให้เห็นความเทอะทะ การตอบสนองเชื่องช้า ไม่ได้คล่องแคล่วเปลี่ยนแปลงได้มากมายแบบมนุษย์ อีกทั้งดูจากปริมาณในตอนนี้ คนจากนอกแผ่นดินน้อยกว่ามนุษย์เป็นอย่างมากจริงๆ
สงครามฉากหนึ่งสู้กันยืดเยื้อครึ่งเดือนกว่า ยังห่างไกลไม่มีเค้าลางที่ต้องการจะจบสิ้น
คนจากนอกแผ่นดินจากบริเวณรอบๆชายฝั่งเข้าโจมตีกำแพงเมืองละแวกใกล้ๆ
หากบอกว่าการต่อสู้บริเวณรอบๆชายฝั่งคือยุทธวิธีการบใช้อาวุธและมันสมองของแม่ทัพนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาของทั้งสองฝั่ง เช่นนั้นการสู้บนกำแพงเมืองชั้นหนาๆคือการได้เปรียบของภูมิศาสตร์ และค่ายกลแต่ละชนิด
ข้างๆบริเวณรอบๆชายฝั่ง เย่แจ๋หยิ่งได้กดขวัญกำลังทหารของคนจากนอกแผ่นดินอย่างหนักหน่วง
เช่นนั้นบนกำแพงเมือง เย่แจ๋หยิ่งที่ได้เตรียมพร้อมล่วงหน้าแล้ว เป็นธรรมดาที่จะไม่ให้คนจากนอกแผ่นดินได้ประโยชน์ แผนการหนึ่งต่อด้วยแผนการหนึ่ง
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้!
ปริมาณของทั้งสองฝั่งก็ยังคงลดลงด้วยความรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง
แต่ทว่าทั้งสองฝ่ายในเวลานี้ ก็ไม่รู้ว่า สงครามใหญ่ที่ต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนเหตุการณ์นี้จะยืดเยื้อนานหนึ่งปี
ฐานที่มั่นของเย่แจ๋หยิ่งทางนี้เคลื่อนย้ายแล้วเคลื่อนย้ายอีก พยายามลดการบาดเจ็บล้มตายของพลทหารอย่างสุดความสามารถ
เย่แจ๋หยิ่งทางนี้นายทหารระดับผู้บังคับบัญชาฮ่องเต้ของแต่ละประเทศล้วนสามัคคีกันขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอดีตจะมีความสัมพันธ์อะไร ตอนนี้ล้วนกลายเป็นเพื่อนที่จริงใจร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันแล้ว คนข้างกายตายไปนับไม่ถ้วน อีกทั้งมีคนใหม่ๆนับไม่ถ้วนที่เข้ามาร่วมในสงคราม
ราษฎรและพลทหารของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ ก็ยิ่งมีความมั่นใจต่อการเฝ้ารักษาแผ่นดินใหญ่ผืนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นกองหนุนที่เด็ดเดี่ยวที่สุดของเหล่าทหารของทุกประเทศมาโดยตลอด
เมื่อสงครามยาวนาน!
คนจากนอกแผ่นดินเปิดเผยข้อเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดออกมาข้อหนึ่งแล้ว
พวกเขาไม่มีกองหนุน หิวแล้วก็กินศพ กระหายน้ำแล้วก็ดื่มน้ำทะเล เพียงแค่สามารถกินได้ พวกเขาไม่มีเลยที่จะไม่กล้ากินเข้าปาก
แม้กระทั่งศพของพรรคพวกตัวเองก็กลายเป็นอาหารในปากของพวกเขาเหมือนกัน
ราวกับว่าคนจากนอกแผ่นดินเหล่านี้ไม่เคยรู้จักการปล้นชิงและยึดครองที่ละนิดมาก่อน……
วันนี้ คือหนึ่งปีสีเดือนที่คนจากนอกแผ่นดินบุกเข้าโจมตี
ฮ่องเต้ประเทศผึงไหลสิ้นพระชนม์บนสนามรบแล้ว องค์ชายเก้าประเทศผึงไหลกลายเป็นฮ่องเต้ชั่วคราว ทิ้งเรื่องทุกอย่างที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการขึ้นครองราชย์ รับช่วงนำทหารม้าขึ้นสนามรบต่อ
ในสงครามใหญ่เหตุการณ์นี้
คนที่ตายชั่งมากมายนัก บรรดาผู้อาวุโสของสำนักหงอี เหลือเพียงผู้เดียว ยู่หลิวซูยังคงปักหลักรักษาอย่างลำบาก
ซาหมั่นเฉิงหากว่าไม่ได้ป่ายเม่ยเซิงช่วยเหลือได้ทันเวลา คาดว่าก็เสียชีวิตอย่างน่าเวทนาภายใต้ค้อนอันหนักหน่วงของคนจากนอกแผ่นดินแล้ว
บรรดาขุนนางทหารของประเทศก่วงส้า ล้มตายบาดเจ็บเกินกว่าครึ่ง โดยเฉพาะจำนวนมากเป็นนายพล ขุนนางพลเรือนยังดีมากกว่าครึ่งทำการอยู่แนวหลัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง!
แม้แต่อาวุธก็ถือไม่มั่นคง ขึ้นสนามรบก็เท่ากับไปตาย จัดรวมกลุ่มราษฎรไว้ด้านหลังยังจะดีกว่า แสดงความสามารถของพวกเขาอย่างเต็มที่
ประเทศเชียนหลิงที่อดีตเคยเป็นศัตรูกับประเทศก่วงส้า ขุนนางพลเรือนพลทหารทั้งหมดเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่ กลับไม่ใช่เพราะความสามารถในการรบของพวกเขาไม่ได้เรื่อง แต่เพราะจุดสำคัญที่คนจากนอกแผ่นดินบุกโจมตี เอียงไปทางเมืองหลวงของพวกเขา เป็นธรรมดาที่คนของประเทศเชียนหลิงทุ่มเทกำลังต่อต้านอย่างสู้ตาย
ผึงไหลและประเทศชนเผ่าอื่นๆ ล้วนล้มตายบาดเจ็บมากมาย
แผ่นดินใหญ่ผืนนี้
คนแทบจะน้อยลงไปมากถึงครึ่งหนึ่ง
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีมากๆแล้ว หากว่าไม่มีพลทหารของแต่ละประเทศต่อต้านอย่างแข็งขัน เกรงว่าแผ่นดินใหญ่ในตอนนี้ จะไม่ใช่แผ่นดินในเดิมทีไปนานแล้ว แต่เป็นนรกบนโลกมนุษย์ที่คนจากนอกแผ่นดินทำร้ายและค่อยๆยึดครองไปทีละนิดตามอำเภอใจ
หานแสทางนี้ เพราะมีเพียงเรือแห่งความสิ้นหวังลำเดียว ช่วงแรกของสงคราม เขาไม่มีทางรนหาที่ตายโดยไม่รู้จักประมาณกำลังตัวเองได้
หลังจากที่สงครามเริ่มแล้ว รอจนไม่มีคนจากนอกแผ่นดินจากในทะเลขึ้นฝั่งแล้ว เขาก็นำเรือรบของแต่ละประเทศ ทำการซุ่มโจมตีในตอนที่คนจากนอกแผ่นดินกลับมาดื่มน้ำในทะเล
หลังจากที่สำเร็จ ก็รีบออกจากสถานที่ที่อันตรายอย่างรวดเร็ว
กลับไปกลับมาเช่นนี้ รบกวนคนจากนอกแผ่นดินที่กลับมาดื่มในทะเลจนไม่เป็นสุข
แม้ว่าจะมาอย่างเร็ว ไปก็รวดเร็ว
แต่เมื่อเวลานานไป คนจากนอกแผ่นดินจะไร้ปัญญาเพียงใด ก็จะมีการป้องกัน เรือรบที่หานแสเป็นผู้นำก็ได้รับความเสียหายมากมาย
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้
สิ่งนี้ก็ได้นำพาความช่วยเหลืออย่างมากมายมาให้พวกของเย่แจ๋หยิ่ง เพราะว่าคนจากนอกแผ่นดินยิ่งแสดงความเหนื่อยล้าออกมามากขึ้น เพียงแค่กำลังวังชาอ่อนล้า ความสามารถในการต่อสู้ก็จะถดถอยลง
จุดนี้ หานแสทำได้แล้ว
หลานเยาเยาทางนี้
ฐานะที่นางเป็นเทพธิดา เหมือนกับเย่แจ๋หยิ่ง เป็นเสาหลักในจิตใจของพลทหารและราษฎรทุกคน
หลานเยาเยาถูกเย่แจ๋หยิ่งคุ้มครองเป็นอย่างดี
เพราะการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ กระสุนของอาวุธโบราณหมดสิ้นไปเพิ่มเติมไม่ได้นานแล้ว ยาน้ำเพื่อการรักษาและยาน้ำอื่นๆแต่ละชนิดก็ขาดแคลนเป็นอย่างมาก นางจำเป็นต้องถอยออกจากการต่อสู้ รวบรวมราษฎรปรุงสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวันคืน
สำหรับทำไมต้องเป็นราษฎร
เหตุผลง่ายมาก หมอหลวงทั้งหมดของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ หมอเร่ร่อนรวมถึงหมอที่เดินทางตามป่าและหมู่บ้าน ล้วนไปที่ที่รวมตัวกันของทหารที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว
ที่นั่นทุกวันล้วนมีทหารที่แขนขาหักขาดจำนวนนับไม่ถ้วนถูกหามไปรักษา
นางไม่สามารถดึงหมอที่นั่นออกมาช่วยเหลือได้
ทำได้เพียงเอาสายตาวางไว้บนตัวของราษฎร บรรดาประชาชนให้ความร่วมมือเป็นที่สุด แทบจะจะเรียกหนึ่งคนตอบรับร้อยคน ช่วยเหลือก็ช่วยเหลือ ไปหาวัสดุยาก็ไปหาวัสดุยา
แม้ว่าในมือจะไม่มีคนที่รู้วิชาการรักษา
แต่เพียงแค่คุ้นเคยกับลำดับวิธีการ ความแตกต่างก็ไม่ได้มากมายนัก
ผ่านไปอีกครึ่งปีแล้ว
เวลาวนผ่านกลับไปมาสองรอบ ราวกับว่าสงครามใกล้จะถึงตอนจบแล้ว
แต่คนจากนอกแผ่นดินก็ไม่ได้วางแผนเหมือนในยุคแรกเช่นนั้น ถอยกลับไปสถานที่เดิม แต่เป็นวางแผนที่จะสู้ตาย วางแผนที่จะสู้กันจนตายทั้งคู่
อีกทั้งคนจากนอกแผ่นดินบางส่วนที่ถูกส่งออกไปทำงาน พาคนจากนอกแผ่นดินที่เหมือนกับว่าเพิ่งจะเกิด เพียงแค่สถานที่ที่สามารถขึ้นมาจากชายหาดได้ แอบขึ้นฝั่ง และไม่ได้โจมตีหมู่บ้าน และไม่ได้ไปทางตัวเมืองที่คึกคัก แต่เป็นเอาศีรษะปักเข้าไปในป่าทึบที่ทอดยาวสูงต่ำต่อเนื่องกัน เมื่อไปก็ไม่กลับออกมาอีก
ไม่กี่เดือนก่อน หานแสก็ได้สังเกตเห็นแล้ว ในทะเลมีคนจากนอกแผ่นดินพาคนจากนอกแผ่นดินที่เป็นลูกน้อยเด็กตัวเล็กขึ้นฝั่ง เดิมทีอยู่ด้านหลังกองทัพใหญ่ของคนจากนอกแผ่นดิน
หลังจากนั้นกลับมาดื่มน้ำที่ทะเล เหมือนกับว่าได้รับการชี้แนะเช่นนั้น โดยคนจากนอกแผ่นดินที่ร่างกายแข็งแกร่งกำยำผู้หนึ่ง นำพาคนจากนอกแผ่นดินไม่กี่คน ขึ้นฝั่งจากสถานที่ที่แตกต่างกัน
ทีแรกหานแสคิดว่าพวกมันต้องการไปโจมตีหมู่บ้าน
คิดไม่ถึง เมื่อเขาส่งคนไปสอบถามที่หมู่บ้าน ไม่ได้พบเห็นสักครึ่งหนึ่งของเงาคนจากนอกแผ่นดินโดยสิ้นเชิง
หานแสรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ดังนั้นให้คนเอาเรื่องนี้ไปแจ้งเย่แจ๋หยิ่ง
เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน ส่งทหารม้ากลุ่มหนึ่ง นำโดยรองแม่ทัพของกองกำลังใต้บังคับบัญชาการของเขา ไปสืบหาในป่าลึก รองแม่ทัพผู้นั้นสืบหาสองสามวันแล้ว ไม่มีเบาะแสใดๆ ระหว่างนั้นกลับได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงของฟ้าร้อง ทันทีที่เข้าใกล้สถานที่นั้น ชั่วพริบตาเสียงอะไรก็ไม่มีแล้ว
รองแม่ทัพผู้นั้นรู้สึกว่า คนจากนอกแผ่นดินเหมือนจะกำลังหลบหนีการไล่ฆ่าของพวกเขา
คนจากนอกแผ่นดินที่เข้าโจมตี หวาดกลัวการไล่ฆ่าของพวกเขา?
นี่พูดออกไปผู้ใดจะเชื่อ?
สถานที่หนึ่งด้านในศาลาหกเหลี่ยม
เย่แจ๋หยิ่งที่โดยปกติชอบสวมชุดทะมัดทะแมงสีดำ เกือบสองปีนี้ล้วนอยู่กับชุดเกราะสีทองที่หลานเยาเยาเก็บรักษาไว้หลายพันปีเพื่อเขา
เขาในเวลานี้นั่งอยู่ในศาลาที่ถูกลมฝนกัดกร่อนจนเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้อย่างชัดเจน
บนโต๊ะหิน เหล้าไหหนึ่ง ภาชนะเหล้าสอง ถั่วลิสงจานหนึ่ง และเมล็ดธัญพืชห้าชนิดถุงเล็กๆ
คนที่นั่งอยู่ตรงข้างก็คือหลานเยาเยาที่ลำบากเหนื่อยล้า นางสวมชุดสีแดงแพรวพราว ผมดำดั่งหมึกรวบขึ้นทั้งหมด และไม่ได้จงใจหวีให้เป็นทรงผมของผู้ชาย และไม่ได้ตั้งใจแต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่มองดูแล้วองอาจห้าวหาญเป็นพิเศษ
แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ก็ทำให้ผู้คนอดกลั้นความสนใจไม่ได้
นางเพิ่งจะนั่งลง ยังไม่ทันจะได้ดื่มชาร้อนๆให้ดีๆอึกหนึ่ง
ก็พูดคุยเรื่องของคนจากนอกแผ่นดินกับเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาสังเกตได้ตั้งนานแล้วถึงพฤติกรรมที่ทำให้คนประหลาดใจของคนจากนอกแผ่นดิน
ดังนั้นจึงค่อนข้างสนใจต่อเรื่องนี้
“หลังจากนั้นล่ะ? รองแม่ทัพยังนำคนสืบค้นภูเขาอีกหรือไม่?”
“สืบค้นแล้ว แต่ค้นไม่เจอ คนจากนอกแผ่นดินเหล่านั้นก็เหมือนกับหายตัวไปเช่นนั้น”
ยากมาที่เย่แจ๋หยิ่งจะมีเวลาว่าง และเหมือนดั่งเวลาว่างในอดีตเช่นนั้น มือถือภาชนะเหล้า ข้อศอกพิงโต๊ะหิน แกว่งไกวเล็กน้อย จิ๊บเบาๆ
แต่สายตาตกอยู่บนร่างของหลานเยาเยาตลอด เริ่มตั้งแต่หลานเยาเยาปรากฏตัว ก็ไม่เคยจากไปเลย
“บางทีอาจเป็นดั่งที่รองแม่ทัพกล่าว พวกเขากำลังหนี”
“เพราะเหตุใด?” มุมปากของเย่แจ๋หยิ่งยกขึ้นเล็กน้อย อดที่จะเอียงศีรษะไม่ได้ ดูเหมือนว่ามีความสนใจ
“เหมือนจะพบว่าลูกเล็กเด็กน้อยของคนจากนอกแผ่นดินเหล่านั้น ล้วนเป็นคนจากนอกแผ่นดินที่อายุน้อยแข็งแรงกำยำนำพาเข้าป่าทึบ
ลูกเล็กเด็กน้อยเหล่านี้ หลังจากที่ขึ้นฝั่งแล้ว ล้วนได้เคยพบกับผู้บัญชาการทหารของคนจากนอกแผ่นดิน ต่อจากนั้นก็ดำลงในน้ำ หลังจากขึ้นฝั่งจากที่อื่นแล้ว ก็หลบๆซ่อนๆมุ่งเข้าป่าทึบ
เห็นได้ชัด พวกมันไม่อยากให้ลูกๆตัวน้อยเหล่านั้นเกิดอุบัติเหตุ
แต่หากว่าเป็นเช่นนี้ ทำไมผู้บัญชาการทหารของคนจากนอกแผ่นดินไม่นำลูกเล็กเด็กน้อยเหล่านั้นโดยตรง กลับไปที่เดิม?
หากว่าเป็นเช่นนี้ บางทีหลายพันปีหลังจากนี้ หลังจากที่พ่ายแพ้แล้วพวกมันก็สามารถกลับมาได้อีก…….